ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1269+1270

บทที่ 1269+1270

บทที่ 1269 เขาดีต่อเธอเสมอมา…

ไม่มีผู้ใดไม่เลื่อมใสผู้แข็งแกร่ง กู้ซีจิ่วใช้ความสามารถที่แท้จริงของตนเอาชนะจนได้รับความเคารพจากพวกเขา คนที่ไปเก็บเกี่ยวเหล่านี้เลื่อมใสเธอจนแทบหมอบราบกราบกรานแล้ว ตอนที่บุรุษเหล่านี้ลงมาก็รายล้อมเธอเสมือนดาวล้อมเดือนก็มิปาน ยามที่พูดคุยกับเธอก็แทบจะเรียกเธอว่าลูกพี่แล้ว หลังจากลงมาก็เล่าถึงท่าทางของกู้ซีจิ่วตอนอยู่บนต้นไม้ไปทั่ว ย่อมทำให้ผู้อื่นทั้งตกตะลึงทั้งประหลาดใจ

เดิมทีการปรากฏตัวขึ้นของกู้ซีจิ่วก็น่าประหลาดใจอยู่แล้วเนื่องจากมีรูปโฉมงดงามดึงดูดความสนใจของผู้อื่น ยามนี้ยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนมากขึ้นไปอีก

นี่ย่อมก่อให้หวงซังเซียงไม่พอใจขึ้นมา วันต่อมาจึงเริ่มแพร่ข่าวลือออกไป บอกว่ากู้ซีจิ่วตอนที่อยู่บนต้นไม้กู้ซีจิ่วมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับหัวหน้ากลุ่มเก็บเกี่ยว…

หัวหน้ากลุ่มคนนี้มีภรรยาอยู่ที่นี่ด้วย และภรรยาคนนี้ก็ไม่มีข้อบกพร่องอื่นใดเลย เพียงแต่ขี้หึงไปหน่อยเท่านั้น เมื่อได้ยินข่าวลือนี้ย่อมเดือดดาลขึ้นมา ทะเลาะวิวาทกับสามีตนทั้งคืน ด้วยเหตุนี้ข่าวลือนี้จึงมีนัยยิ่งขึ้น…

อันที่จริงเมื่อเกิดข่าวลือเช่นนี้ขึ้น ต่อให้แพร่กระจายไปวุ่นวายใหญ่โต แต่คนที่อยู่ในเรื่องมักจะได้เป็นคนสุดท้ายอยู่เสมอ

กู้ซีจิ่วได้ยินข่าวลือนี้เข้าในตอนบ่ายของวันถัดมา

เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับเลยจริงๆ วุ่นวายสาละวนอยู่ตลอดยังว่าดี สมองจะได้ไม่คิดเหลวไหลฟุ้งซ่าน

แต่มนุษย์เราพอเงียบสงบลง จะนึกถึงเรื่องที่อยากจดจำเหล่านั้นขึ้นมา เรื่องราวในอดีตที่เธอพยายามสลัดทิ้งก็ปรากฏขึ้นมาในสมองโดยอัตโนมัติ เธอคิดถึงเขา…

นึกถึงสิ่งละอันพันละน้อยเหล่านั้นในยามที่อยู่ร่วมกับเขา คิดว่าตอนนี้เขาจะทำอะไรอยู่? คิดว่าเขาจะตามหาเธอหรือเปล่า? คิดว่าถ้าหากเขาหาพบจะทำอย่างไร? คิดสารพัดสารพัน ทุกความคิดล้วนเกี่ยวข้องกับเขา การดื่มพิษเพื่อดับกระหาย[1]ช่วยอะไรตนไม่ได้เลย

เมื่อคุณรักใครสักคนอย่างลึกซึ้ง ต่อให้ทราบภายหลังว่าผู้ชายคนนั้นป็นผู้ชายสวะคนหนึ่ง ก็มิใช่บอกว่าปล่อยวางแล้วก็วางได้เลย นับประสาอะไรกับตี้ฝูอีที่ไม่ใช่ผู้ชายสวะ เขาดีต่อเธอเสมอมา…

ดังนั้นถึงแม้ครั้งนี้เธอจะปล่อยมือจากมาตรงๆ แต่ความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดในก้นบึ้งของจิตใจกลับไม่ลดน้อยลงสักนิดเลย

ตราบใดที่เธอมีสติแจ่มใสอยู่ ก็สามารถยืนหยัดวางท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้

ที่นี่กับป่าทมิฬแตกต่างกันเพียงประการเดียวเท่านั้น ก็คือที่นี่มีกลางวันและกลางคืน

ช่วงกลางวันแสงตะวันจะสาดส่องเล็กน้อย เหมือนวันฟ้าครึ้มตามโลกปกติ ช่วงกลางคืนจะมืดจนเหยียดมืออกไปก็ไม่เห็นนิ้ว แต่ในหมู่บ้านจะจุดตะเกียงเจ้าพายุชนิดหนึ่ง ด้วยการสาดส่องของตะเกียงเหล่านี้ ในหมู่บ้านจึงมีแสงสว่างอยู่บ้าง ตอนกลางคืนก็มีคนคอยเฝ้ายาม ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงว่าจะมีตัวอะไรบุกมาโจมตี…

ยามราตรีอารมณ์ของผู้คนค่อนข้างอ่อนไหว ดังนั้นในยามราตรีที่มืดมิดไร้ผู้คนเช่นนี้ กู้ซีจิ่วนอนอยู่บนฟูก เรื่องราวในอดีตสับสนวุ่นวาย เธอจึงหลับไม่ลง

ความคิดรวมตัวเขาด้วยกันปานด้ายที่ยุ่งเหยิง พัวพันสลับซับซ้อนอยู่ในใจ

เมื่อก่อนเธอคิดว่าตัวเองเป็นสตรีที่ยกได้วางเป็นผู้หนึ่งมาโดยตลอด ยามนี้ถึงได้ทราบว่าที่เมื่อก่อนปล่อยวางได้ง่ายดายปานนั้นเป็นเพราะยังไม่เคยมีความรักมาก่อนก็เท่านั้น…

อย่างไรก็ตาม บางทีสวรรค์อาจจะไม่อยากให้เธอพบหน้าเขาอีก ดังนั้นถึงทำให้เจ้าหอยยักษ์จับผลัดจับผลูพาเธอมายังสถานที่เช่นนี้

ที่แห่งนี้เธอเคยตรวจสอบดูแล้ว ถึงแม้พื้นที่จะกว้างใหญ่ มีภูเขามีต้นไม้ มีดอกไม้ใบหญ้า ทว่าสามารถมองเห็นขอบเขตได้ ไม่ว่าจะบุกฝ่าออกไปจากทิศทางไหน สุดท้านล้อนถูกกำแพงที่มองไม่เห็นขวางกั้นไว้ เมื่อสัมผัสโดนขอบเขตก็จะถูกดีดสะท้อนกลับมา

เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแหกเขตแดน เคยลองใช้มามากมายหลายวิธีแล้ว ผลคือยิ่งใช้แรงมากเท่าไหร่ แรงดีดสะท้อนก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หลังจากที่เธอลองอยู่สามสี่ครั้งก็ทราบว่าไม่อาจทำลายได้

และเธอก็เคยคิดจะให้เจ้าหอยยักษ์ที่จับผลัดจับผลูใช้วิชาดำดินแล่นเข้ามา…

————————————————————————————-

บทที่ 1270 ล้วนเป็นจิ้งจอกเฒ่าพันปีกันทั้งนั้น จะมาเล่นละครอันใดกันอีก?!

และเธอก็เคยคิดจะให้เจ้าหอยยักษ์ที่จับผลัดจับผลูใช้วิชาดำดินแล่นเข้ามา ใช้วิชาดำดินมุดออกไปอีกครั้งดู ดังนั้นจึงให้เจ้าหอยยักษ์ทดลองดูรอบหนึ่ง ผลคือวิชาดำดินของเจ้าหอยยักษ์เสื่อมฤทธิ์เมื่ออยู่ที่นี่ มันมุดออกไปไม่ได้!

เจ้าหอยยักษ์ไม่ยอมแพ้ มันเปลี่ยนไปใช้วิธีดั้งเดิมคือการขุดดิน ผลคือขุดลงไปได้สิบกว่าเมตรก็มีธารน้ำร้อนผุดขึ้นมา เกือบจะต้มเจ้าหอยยักษ์ให้สุกแล้ว! ดังนั้นวิธีนี้จึงล้มเหลวเช่นกัน

เธอถูกขังไว้ที่นี่แล้ว อาจเป็นระยะเวลาปีสองปี หรือแปดปีสิบปี หรือไม่ก็อาจจะชั่วชีวิต

ไม่มีผู้ใดยินยอมถูกขังไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งไปตลอดกาล ถึงแม้สถานที่แห่งนั้จะเป็นเมืองลับแลที่แสนสงบสุข เมื่อทุกคนถูกขังไว้ที่นี่ ล้วนผ่านช่วงที่กระสับกระส่ายร้อนรนมาแล้ว

กู้ซีจิ่วเคยพูดคุยกับพวกเขา ทราบว่าขณะที่พวกเขาทุกคนประสบอันตรายร้ายแรงจนกึ่งเป็นกึ่งตายได้ถูกโยนเข้าที่นี่

คราแรกคนเหล่านี้ตื่นเต้นยินดีที่ได้รับความช่วยเหลือ แต่หลังจากที่ตื่นเต้นยินดีอยู่สองสามวันเนื่องจากออกไปไม่ได้จึงร้อนรนขึ้นมา จากนั้นก็ยอมรับชะตากรรมอย่างสิ้นหวังและด้านชา ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างสงบ

ตอนที่กู้ซีจิ่วกำลังหาทางออกไปอยู่ คนเหล่านี้ล้วนอลบส่ายหน้าทั้งสิ้น เนื่องจากประสบการณ์เหล่านี้พวกเขาล้วนเคยผ่านมาแล้ว พวกเขารู้ว่าในไม่ช้าเธอจะต้องยอมรับชะตากรรมเช่นเดียวกัน

อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถฝ่าออกไปได้ทันที อย่างไรเสียผู้คนมากมายถึงเพียงนั้นก็เคยทดลองมาก่อนแล้ว

ตกดึกกู้ซีจิ่วอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอถูกขังไว้ที่นี่ระยะหนึ่งออกไปไม่ได้เลย บางทีอีกสิบปีให้หลังเธอถึงจะออกไปได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีเหมือนกัน ผ่านไปสิบปีคงตกตะกอนความรู้สึกแล้ว ไม่แน่เธออาจจะลืมเขาได้ ปล่อยวางความรักครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อออกไปพบเห็นเขาครองคู่โบยบินกับประมุขหญิงเผ่าเงือกคนนั้นก็คงไม่ทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจส่งมอบคำอวยพรให้อย่างจริงใจได้

ผลลัพธ์ที่ตามมาจากคิดไปคิดมานี้คือ เธอเพิ่งได้นอนตอนใกล้รุ่งสาง

คนที่นี่ทำงานและพักผ่อนกันเป็นเวลา พอฟ้าสางก็ลุกจากเตียงแล้ว จากนั้นต่างคนต่างไปรวมตัวในสถานที่ที่กำหนดไว้เป็นพิเศษ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง

กลุ่มเก็บเกี่ยวรออยู่สักพักก็ไม่เห็นกู้ซีจิ่วมาสักที เมื่อนึกถึงว่าเธอเป็นแม่นางอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่ง ซ้ำยังเป็นผู้มาใหม่ อีกทั้งเมื่อวานก็สร้างคุณปการอย่างใหญ่หลวงถึงเพียงนั้นไปแล้ว หัวหน้ากลุ่มเก็บเกี่ยวตัดสินใจกล่าวว่าปล่อยให้กู้ซีจิ่วหยุดพักหนึ่งวัน จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ออกเดินทาง ไม่มีใครรอเธอ

หัวน้ากลุ่มเก็บเกี่ยวคนนี้เป็นชายชาตรีที่เรียบง่ายซื่อตรงคนหนึ่ง กระทำเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา ไม่คิดเล็กคิดน้อย ยามกระทำเรื่องราวขอเพียงรู้สึกว่าตนทำได้ถูกต้อง ก็จะไม่เกรงกลัวต่อคำครหา ดังนั้นถึงแม้เมื่อคืนภรรยาจะทะเลาะเบาะแว้งกับเขาทั้งคืน เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ

และการตัดสินใจครั้งนี้ของเขาคนอื่นๆ ในกลุ่มเก็บเกี่ยวก็เห็นด้วยยิ่งนัก ถึงอย่างไรเมือ่วานก็เป็นเพราะการคงอยู่ของกู้ซีจิ่ว ถึงทำให้พวกเขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว

ในใจของพวกเขา กู้ซีจิ่วสมควรจะได้พักผ่อนให้มากหน่อย

แต่เป็นเพราะการตัดสินใจครั้งนี้ จึงทำให้ข่าวลือแพร่กระจายออกไปมากขึ้น

ตอนเที่ยงกู้ซีจิ่วแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วออกมา ขณะที่เดินเล่นอยู่ก็ได้ยินข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับเธอเข้าโดยบังเอิญ…

เธอเป็นคนแบบไหนกันล่ะ? เป็นปาท่องโก๋แก่ที่คร่ำหวอดในด้านนี้มาเนิ่นนานแล้ว จึงไม่เก็บมาใส่ใจเลย เพียงยิ้มแวบหนึ่ง

ยามที่ข่าวลือแพร่สะพัดออกไปยิ่งแก้ตัวเท่าไหร่ก็ยิ่งเปื้อนเขม่าขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะข่าวลือเรื่องรักใคร่ๆ ของคนผู้หนึ่งกับคนผู้หนึ่งเช่นนี้

ถ้าเธออธิบายไปพวกเขาก็จะพูดว่าเธอร้อนตัวเพราะมีความผิดปกปิดไว้ จึงลุกลี้ลุกลน จะบอกว่าในเมื่อเธอบริสุทธิ์ใจแล้วจะอธิบายทำไม?

ยิ่งพูดก็ยิ่งผิด แน่นอนว่าถ้าเธอไม่อธิบายพวกเขาก็จะพูดว่าเธอยอมรับความผิดโดยปริยาย…

สถานการณ์แบบนี้เธอจะอธิบายหรือไม่อธิบายก็ผิดทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงยิ้มแวบหนึ่ง ในใจทราบดีว่าเป็นผู้ใดที่ลอบเล่นเล่ห์

ล้วนเป็นจิ้งจอกเฒ่าพันปีกันทั้งนั้น จะมาเล่นละครอันใดกันอีกเล่า?!

แผนการของเธอคืออยู่เงียบๆ ไปก่อน แล้วค่อยหาโอกาสตอบโต้กลับอย่างดงามสักฉาก

เพียงแต่เธอยังหาโอกาสนี้ไม่ทันพบ หลัวจั่นอวี่ก็มาเยือนถึงเรือนด้วยตัวเองแล้ว

————————————————————————————-

[1]  การดื่มพิษเพื่อดับกระหาย หวังเพียงจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า โดยไม่คำนึถึงผลร้ายแรงที่จะตามมา

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset