ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1279+1280

บทที่ 1279+1280

บทที่ 1279 มีตัวเลือกที่เหมาะสมก็มาบอกข้า

อย่างน้อยก็ก่อเรื่องไม่ได้เป็นระยะเวลากว่าสิบปี ยามนี้ไม่รู้ว่าหลงฟั่นไปนั่งโยงเพาะเห็ดอยู่ที่ซอกหลืบมุมใดแล้ว!

เมื่อนึกถึงหลงฟั่น ก็นึกถึงคนที่เคยต้อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเธอผู้นั้นขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เงาร่างของใครบางคนแวบขึ้นมาในสมอง หัวใจเสมือนถูกมีดกรีดแทง เจ็บปวดดั่งมีปูกางก้ามหนีบอยู่ในทรวงอก…

รีบกดเงาร่างของคนผู้นั้นลงไปทันที

หลัวจั่นอวี่เห็นว่าจู่ๆ ใบหน้าเฉิดฉันของนางก็ซีดเซียวลง จึงเอ่ยถามอย่างห่วงใย “เป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือ?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่หรอก ใช่แล้ว พี่ ทำไมท่านถึงตั้งกฎให้หมู่บ้านนี้มีผัวเดียวเมียเดียวขึ้นมาล่ะ?”

ในยุคนี้บุรุษที่มีความคิดเช่นนี้สมควรมีน้อยนิดยิ่งมิใช่หรือ? หรือว่าเขาจะทะลุมิติมาเหมือนกัน?

หลัวจั่นอวี่นิ่งไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยตอบ “ข้ารังเกียจบุรุษที่มีสามภรรยาสี่อนุยิ่งนักอย่างไม่มีสาเหตุ และรังเกียจสตรีที่เล่นเล่ห์มารยา ในเมื่อจะครองคู่เป็นสามีภรรยากันก็ควรจับมืออยู่กินกันไปชั่วชีวิต จนแก่เฒ่าผมขาวโพลน…”

ความคิดนี้ไม่ต่ำช้า เธอชอบ!

กู้ซีจิ่วรู้สึกชอบพี่ชายคนนี้มากเหลือเกิน หลัวจั่นอวี่เอ่ยขึ้นอีกว่า “นอกเหนือจากสามีภรรยาสองคู่แรกที่ข้าไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายด้วย คู่อื่นๆ เมื่อต้องการจะครองคู่เป็นสามีภรรยากัน ข้าล้วนเคยทดสอบซ้ำไปซ้ำมา และจำเป็นต้องให้พวกเขาใคร่ครวญอย่างชัดเจนก่อน พอกลายเป็นสามีภรรยากันแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต ให้พวกเขาระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายไม่ซื่อสัตย์หรือว่าเป็นฝ่ายหญิงที่นอกใจล้วนต้องได้รับบทลงโทษที่หนักหนาร้ายแรง”

กู้ซีจิ่วกระแอมคราหนึ่ง รู้สึกว่าหลัวจั่นอวี่ผู้นี้เคร่งครัดจนเกินงามอยู่บ้าง เพียงแต่เช่นนี้ก็ยุติธรรมดี อย่างน้อยเมื่อคนเหล่าแต่งงานไปก็ต้องระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก

มิน่าล่ะพอเมียเหลิ่งเอ้อร์คนนั้นได้ยินข่าวลือก็ไปหาหลัวจั่นอวี่เพื่อขอความเป็นธรรม ที่แท้ก็เป็นเพราะมีกฏข้อนี้อยู่

“พี่ ทำไมท่านไม่หาสักคนล่ะ?” ด้วยเงื่อนไขของหลัวจั่นอวี่น่าเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของหญิงสาวเหล่านั้นเลยมิใช่หรือ?

หลัวจั่นอวี่นิ่งไปเล็กน้อย ส่ายหน้านิดๆ “ไม่เหมาะสม” ดังนั้นเขาจึงยอมขาดแคลนดีกว่าได้ของไร้คุณภาพ

ในบรรดาสตรีทั้งแปดที่ถูกขังไว้ที่นี่ มีคนโสดอยู่สองคน หนึ่งคือหวงซังเซียง ส่วนสตรีอีกนางมีนามว่าเมิงซู่เหยียน

หากกล่าวว่าหวงซังเซียงลื่นไหลเข้าได้กับทุกคน เป็นสาวสังคมที่ได้รับความนิยมจากบุรุษมากมาย เช่นนั้นเมิ่งซู่เหยียนก็เป็นโฉมงามผู้เย็นชา ปกติจะเงียบขรึมพูดน้อย ยากจะเปิดปากเอื้อนเอ่ย ชอบทำสิ่งต่างๆ เพียงลำพัง ไม่เข้าสังคม แต่วรยุทธ์เลิศล้ำที่สุดในบบราดสตรีทั้งแปดนาง

หากมิใช่เพราะนางเป็นสตรี เกรงว่าคงไม่มีใครสังเกตเห็นความมีตัวตนของนาง

อีกทั้งนางไม่ชมชอบใกล้ชิดกับบุรุษใด ต่อให้เป็นหลัวจั่วอวี่ก็เช่นกัน นางเป็นคนเดียวที่ไม่หวั่นไหวกับหลัวจั่นอวี่

รูปโฉมของสตรีนางนั้นก็งดงามมากเช่นกัน จัดการเรื่องราวเรียบร้อยหมดจด กู้ซีจิ่วอยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว เคยพบกับเมิ่งซู่เหยียนหนหนึ่ง เป็นสตรีที่เฉยชายิ่งนัก

ยามนี้กู้ซีจิ่วจึงเอ่ยถึงนางขึ้นมา กล่าวอย่างติดตลกว่า “สถานที่นี่แห่งนี้เข้าได้ออกไม่ได้ บางทีพวกเราอาจต้องอยู่ที่นี่ไปจนตาย พี่ก็ควรหาคู่ชีวิตสักคนนะ ข้าว่าจริงๆ แล้วเมิ่งซู่เหยียนก็ยอดเยี่ยมมากนะ…ท่านอย่าเอาแต่รอให้ผู้อื่นไล่ตามท่านเลย ท่านควรออกโรงก่อนบ้าง…”

หลัวจั่นอวี่แข็งทื่อไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มขื่นๆ แล้วส่ายหน้า “ซีจิ่ว เจ้าคิดมากไปแล้ว เมิ่งซู่เหยียนมีคนรักอยู่ด้านนอก นางเข้ามาที่นี่ตอนอายุสิบห้า ก่อนมาที่นี่ นางมีคู่หมั้นแล้ว…นางเป็นคนหนึ่งที่อยากออกไปมากที่สุด หลายปีมานี้ทุกคนล้วนถอดใจต่อเรื่องออกไปข้างนอกแล้ว แต่นางยังคงไม่ถอดใจเสมอมา ทุกวันหลังจากทำงานเสร็จ นางจะมีภารกิจเพียงสองอย่าง ฝึกฝนวรยุทธ์และค้นหาทางออก…”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

กู้ซีจิ่วเศร้าใจ เมิ่งซู่เหยียนผู้นี้เป็นสตรีที่อุทิศตนเพื่อความรัก คู่ควรให้เลื่อมใส!

“ใช่แล้ว ซีจิ่ว มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนที่ชีวิตนี้พวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่ เจ้าอยู่ที่นี่ก็พิถีพิถันให้มากหน่อย หากมีตัวเลือกที่เหมาะสมก็มาบอกข้า ข้าจะตรวจสอบให้เจ้าเอง…” หลัวจั่วอวี่กล่าวอย่างไม่อ้อมค้อม

————————————————————————————-

บทที่ 1280 เมื่อพานพบคาบสมุทรชางไห่คงคาใดก็ไม่อาจทัดเทียม

กู้ซีจิ่วเงียบงัน

เธอหัวเราะฮ่าๆ กลบเกลื่อนไป ไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมอีกแล้ว…

เมื่อพานพบคาบสมุทรชางไห่คงคาใดก็ไม่อาจทัดเทียม หากมิใช่ยอดเมฆาเหนือภูเขาอูซานก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นยอดเมฆา[1] มิใช่เพียงบทกวีสองประโยคเท่านั้น แต่เป็นบรรยายถึงสภาพจิตใจอย่างแท้จริง

เธอชอบตี้ฝูอี ถึงแม้จะแยกทางกับเขาแล้ว แต่ความชอบนั้นไม่ได้ลดทอนลงสักนิด เธอรู้สึกว่าความรักครั้งนี้เธอไม่อาจก้าวข้ามไปได้ง่ายๆ และเธอก็ไม่อาจยอมรับผู้อื่นได้อีกแล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา บางทีอีกหลายปีให้หลังจิตใจเธออาจจะเปลี่ยนแปลงไป สามารถปล่อยวางความรักครั้งนี้ได้…

ตอนนี้เธอไม่อยากสนทนาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อันใดอีกแล้ว!

แต่ความรู้สึกของหลัวจั่นอวี่กลับเฉียบไวนัก “ซีจิ่ว หรือเจ้าก็มีคนรักอยู่ด้านนอกเหมือนกัน?”

กู้ซีจิ่วไม่อยากพูดถึง ดังนั้นเธอจึงเบี่ยงหัวข้อสนทนาไปเสีย เงยหน้ามองด้านหน้าแวบหนึ่ง “เอ๊ะ ข้าพบสมุนไพรอย่างหนึ่งที่ต้องการแล้ว!” ร่างกายพุ่งทะยาน เหินไปที่หน้าผาที่อยู่ไม่ไกลออกไป

การเดินทางไปเก็บสมุนไพรของทั้งสองคนราบรื่นยิ่งนัก วรยุทธ์ของทั้งสองล้วนสูงส่ง ปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวนัก ถึงแม้อสรพิษตัวนั้นจะเป็นสัตว์ร้ายขั้นเจ็ดที่ดุร้ายอย่างยิ่ง แต่เมื่อพบพานพวกกู้ซีจิ่วทั้งสอง ก็ทำได้เพียงสังเวยกระดูกของมันออกมาเท่านั้น…

เมื่อกลับมาจากเก็บรวบรวมสมุนไพร กู้ซีจิ่วก็เริ่มหลอมกลั่นโอสถทันที

ยามผู้อื่นหลอมโอสถล้วนจะอยู่ในห้องหับที่มิดชิด ทักษะฝีมือทั้งหมดล้วนต้องเก็บงำซ่อนเร้นไว้ ทว่ากู้ซีจิ่วลับตั้งเตาหลอมในกระท่อมเล็กๆ ของตัวอย่างโจ้งแจ้งเปิดเผย ดึงดูดให้ฝูงชนมามุงดูไม่น้อย

ไม่ว่ากระทำการใดกู้ซีจิ่วล้วนทำอย่างทุ่มเทให้ออกมาดีที่สุด การหลอมโอสถก็เช่นกัน เมื่อโอสถเตานี้หลอมเสร็จเรียบร้อย ยามที่เปิดฝาออกมา ฝูงชนก็ได้เห็นยาลูกกลอนระดับหกหนึ่งเม็ด ลูกกลอนระดับห้าสามเม็ด ลูกกลอนระดับสามสองเม็ด ที่เหลือเป็นระดับหนึ่งนอนอยู่ที่ก้นเตา…

ถึงอย่างไรผู้คนที่นี่ก็ล้วนเป็นอัจฉริยะทั้งสิ้น และเป็นบุคคลที่เคยพบเห็นโอสถล้ำค่ามาก่อน แต่โอสถที่พวกเขาได้พบหรือได้กินอยู่บ่อยๆ ก็คือยาลูกกลอนระดับสาม ยาลูกกลอนระดับห้าสำหรับพกเขานับเป็นของชั้นเลิศแล้ว ส่วนลูกกลอนระดับหกพวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย!

ดังนั้นมื่อโอสถเตานี้หลอมสำเร็จ ทุกคนที่มุงดูจึงโห่ร้องด้วยความยินดี คนทั้งหลายล้วนปรีดายิ่งนัก! ตื่นเต้นยิ่งนัก!

ในที่สุดพวกเขาก็มีปรมาจารย์หลอมโอสถเป็นของตัวเองแล้ว ซ้ำยังเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถระดับสูงเช่นนี้ด้วย! ต่อไปพวกเขาก็ไม่ต้องกริ่งเกรงอาการเจ็บไข้ได้ป่วยไม่ต้องกริ่งเกรงอาการบาดเจ็บอีกแล้ว!

หลัวจั่นอวี่ตัดสินใจในทันใด เมื่ออยู่ที่นี่หน้าที่ของกู้ซีจิ่วคือรักษาอาการเจ็บป่วยและหลอมกลั่นโอสถ ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นใด จะเก็บสมุนไพรอะไรก็มอบหมายให้คนอื่นไป เธอรับผิดชอบเพียงหลอมโอสถวันละสองเตาก็พอ

คนที่เหลือย่อมไม่คัดค้านเลยสักนิด เห็นด้วยอย่างยิ่ง

แถมบางคนยังบอกด้วยว่ากระท่อมนี้ของกู้ซีจิ่วโกโรโกโสเกินไป ควรจะสร้างหลังที่ใหญ่กว่านี้ให้เธอ ให้เธอหลอมโอสถได้สะดวก

ด้วยเหตุนี้ฝูงชนจึงขันอาสาสร้างเรือนใหม่ให้กู้ซีจิ่วอีกหลัง ถึงเรือนหลังนี้จะไม่ได้ประณีตบรรจงมากนัก แต่ก็อยู่สบายกว่าแต่ก่อนมาก และสว่างกว่ามากด้วย

ตกกลางคืนกู้ซีจิ่วพักผ่อนอยู่ในเรือนหลังใหญ่ของตน ยามที่นอนอยู่บนเตียง พลันเกิดความรู้สึกไม่แน่นอนยิ่งนักอย่างหนึ่งขึ้น

เธอยกมือขึ้นแล้วมองดูมือตน บนนิ้วว่างเปล่า แหวนที่เคยสวมไว้ไม่กี่เดือนหายไปนานแล้ว ทำให้เธอรู้สึกว่าจิตใจว่างเปล่าทุกครั้งที่มองเห็นนิ้วมือเปล่าเปลือยของตน

แบบนี้ถือว่าเธอทำถูกแล้วใช่ไหม?

เขาน่าจะตามหาเธออยู่สักพักกระมัง?

เดิมทีเธอนึกอยู่เลยหลังจากตนหนีออกมาแล้วจะต้องสิ้นเปลืองสมองสักเพียงใดถึงจะหลีกลี้จากเขาได้ ตอนนี้กลับไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนั้นเลย

เธอถูกขังไว้ที่นี่ บางทีนี่อาจเป็นลิขิตสวรรค์ ไม่มอบโอกาสให้เธอเสียใจภายหลังอีก และไม่มอบโอกาสให้อีกฝ่ายได้พัวพันคลุมเครือกับเธออีก

ผ่านไปเช่นนี้สักห้าปี บางทีเขาอาจจะถอดใจเลิกตามหาไปแล้วเหมือนกัน

เช่นนี้…ก็ดีแล้ว!

เธอหลับตาลง รอจนความเจ็บปวดที่คุ้นเคยในทรวงอกผ่านพ้นไป จากนั้นก็เริ่มนับแกะสะกดจิตให้หลับ…

หลายวันมานี้อันที่จริงเธอนอนไม่หลับอยู่บ้าง ต้องอาศัยการนับแกะถึงหลับลงได้ แต่คืนนี้กับผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายนัก

จากนั้น…เธอก็ฝันถึงเขา

————————————————————————————-

[1] เมื่อพานพบคาบสมุทรชางไห่คงคาใดก็ไม่อาจทัดเทียม หากมิใช่ยอดเมฆาเหนือภูเขาอูซานก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นยอดเมฆ สื่อความหมายว่า เมื่อเคยได้รับสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ต่อให้เจอสิ่งอื่นที่คุณสมบัติไม่ด้อยไปกว่ากันก็ไม่อาจเทียบเคียงกับสิ่งที่เคยได้รับมาได้

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset