บทที่ 1356 คืนแห่งความสุขมักแสนสั้น นี่คือความรู้สึกของตี้ฝูอี (4)
กู้ซีจิ่วจึงให้เขาสวมให้ เสื้อด้านใน เอี๊ยมชั้นใน กระโปรงด้านใน กระโปรงด้านนอก…
เขาสวมใส่ให้เธอทุกชิ้นด้วยมือตนเอง ไม่ได้ใช้วิชาคาถาอันใด เธอหลับตาลง ปล่อยให้เขาสวมชุดให้ คืนนี้เธอคือเจ้าสาวของเขา
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อย เขาถอยหลังไปสองก้าวแล้วพินิจมอง
ถึงแม้ผมของเธอเคยตัดสั้น ทว่าตั้งแต่ที่รู้ว่าจำเป็นต้องใช้ร่างกายนี้ เธอก็ไว้ผมยาว หากนับจากการยาวขึ้นตามปกติ ในเวลาไม่กี่เดือนผมย่อมไม่ยาวขึ้นเท่าใด แต่เธอใช้วิชาช่วยเร่ง…
ยามนี้ถึงแม้จะยังยาวไม่พอ แต่ก็อยู่ระดับเอวแล้ว เส้นผมดำขลับถูกเขาม้วนขึ้นเป็นมวย ปักด้วยปิ่นหงส์ประดับมุกล้ำค่าห้อยระย้า พร่างพราวเป็นภาพเงาใต้แสงนวล
ใบหน้าเธอแดงดุจแสงตะวันรอน ริมฝีปากชุ่มชื้นอิ่มเอิบ ในดวงตาคู่นั้นคล้ายมีน้ำเอ่อล้นขึ้น ยามกลอกไปมามีเสน่ห์เย้ายวนใจ ชุดสีแดงเข้มแผ่พลิ้วปลิวไหวอยู่บนตัว
เธองดงามเสมอมา สวมชุดเจ้าสาวแล้วจึงยิ่งงดงามมากขึ้น เธอไม่ค่อยใส่ชุดสีแดง นึกไม่ถึงว่าเมื่อสวมแล้วจะน่าตกใจเช่นนี้
แววตาตี้ฝูอีลุ่มลึกลง ทั้งที่สวมถุงเท้ารองเท้าให้นางเรียบร้อยแล้ว เขากลับอุ้มนางขึ้นมา จุมพิตริมฝีปากนางหนึ่งครา “เด็กน้อย เจ้าเป็นเจ้าสาวที่งามที่สุด!”
กู้ซีจิ่วโอบคอเขาไว้ ทั่วทั้งตัวประหนึ่งเมฆาลอยล่อง ไม่รู้ด้วยเหตุใดจึงรู้สึกแสบร้อนนัยน์ตา ที่แท้เธอมีความสุขขนาดนี้ได้เหมือนกัน! ที่แท้เธอก็ทำได้
ต่อจากนี้เธอไม่ใช่คนเดียวอีกต่อไป เธอจะจับมือเขาเดินไปด้วยกัน
บนโลกที่ต้องฟันฝ่าลมพายุฝน ยังมีเขาคอยปกป้อง ยามเธอเหนื่อยล้า อ้อมกอดของเขาเป็นที่ที่เธออยากพักพิงมากที่สุด
ความรู้สึกของการมีที่พึ่งเช่นนี้ช่างดีจริงๆ!
สตรีแม้แข็งแกร่งเพียงใดภายในก็ยังมีด้านที่อ่อนโยน และมีด้านของเด็กน้อย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าคนรัก
เธออยากออดอ้อนเขา อยากให้เขาโอบกอด
ชั่วชีวิตนี้เธอยังไม่เคยมีอารมณ์ที่ซับซ้อนแบบนี้ เธอเคยคิดว่าคนสองคนร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันเหมือนพี่น้อง ร่วมบุกน้ำลุยไฟ เมื่อใดบาดเจ็บก็พึ่งพาซึ่งกันและกัน นี่ก็คือความรักแล้ว
เธอเคยคิดว่าตัวเองไม่มีเซลล์ความโรแมนติก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพื้นฐานความเป็นจริง พิจารณาสิ่งใดก็ตามความเป็นจริง ในชีวิตนี้เธอไม่เคยได้ลิ้มรสความรู้สึกที่แค่ได้อยู่กับใครสักคนก็พลิ้วไหวลอยล่องแล้ว
แต่เดิมทีเป็นเพราะคู่หมายไม่ถูกต้อง นั่นคือก่อนที่จะได้พบเขา
ยามนี้แค่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างนี้ เธอก็สุขสมพึงพอใจมากแล้ว ความสุขนั้นราวกับจะเอ่อล้นออกมา
เธออดไม่ได้เงยหน้าขึ้นจูบที่ปลายคางของเขา จูบไปคราหนึ่งรู้สึกว่ายังไม่หนำใจ จึงจูบไปอีกหนึ่งครา “เสี่ยวอีอี ข้าชอบท่าน”
ตี้ฝูอีซวนเซเล็กน้อย หลุบตาลงมองเธอ “เสี่ยวอีอี?”
กู้ซีจิ่วโอบคอเขาไว้พลางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ข้าเพิ่งคิดคำเรียกนี้ออก ชอบหรือไม่?”
ตี้ฝูอียิ้ม “ชอบ!” หากไม่ใช่ตาแก่อีอีก็ได้ทั้งนั้น มิเช่นนั้นเขาจะรู้สึกว่านางรังเกียจที่เขาอายุมาก…
เขาอุ้มนางไปนั่งลงที่โต๊ะ ยื่นจอกสุราส่งให้ที่มือนางอีกครั้ง “พวกเรามาคล้องแขนดื่มสุรา”
ยามนี้กู้ซีจิ่วว่านอนสอนง่ายนัก จึงรับสุราไปชนกับเขาเสียก่อน จากนั้นค่อยคล้องแขน หน้าผากสัมผัสกัน เธอพูดแผ่วเบาว่า “ขอให้เรามีวันคืนที่ดีงามเช่นนี้ทุกวัน สุขเช่นนี้ทุกวันไป”
ตี้ฝูอีอดหัวเราะไม่ได้ “เด็กโง่ เจ้าอยากเป็นเจ้าสาวทุกวันอย่างนั้นหรือ?”
กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขา “ข้าอยากให้ท่านเอาใจข้าอย่างที่เอาใจเจ้าสาวทุกวัน ไม่ได้หรือ?”
“ได้!” ตี้ฝูอีประกบริมฝีปากแดงระเรื่อของนาง “ภรรยาตัวเองก็ต้องเอาใจสิ”
กู้ซีจิ่วพึงพอใจมาก จึงค่อยดื่มสุราจอกนั้นกับเขา
สุรานั้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของบ๊วย ในความอ่อนนุ่มละมุนลิ้นแฝงความเผ็ดร้อนไว้ ไหลผ่านลำคอดุจระลอกคลื่นน้ำอุ่นกระทบในท้องเบาๆ
อร่อยเหลือเกิน!
กู้ซีจิ่วเหลือบมองกาสุราใบน้อยบนโต๊ะ ปรึกษาเขาว่า “พวกเราดื่มกันอีกจอกหนึ่งได้หรือไม่? เป็นคู่กันนี่”
ตี้ฝูอียื่นมือเก็บกาสุราบนโต๊ะ แล้วเคาะหน้าผากเธอเบาๆ ครั้งหนึ่ง “สุรานี้ดื่มมากไม่ได้ ไม่ดีต่อสุขภาพ”
ก็ได้ เชื่อเขาก็แล้วกัน!
————————————————————————————-
บทที่ 1356 คืนแห่งความสุขมักแสนสั้น นี่คือความรู้สึกของตี้ฝูอี (5)
กู้ซีจิ่วครุ่นคิด เอ่ยขออีกสิ่งหนึ่ง “แล้วดื่มจอกเล็กๆ เช่นนี้ทุกคืนได้หรือไม่?”
ตี้ฝูอีเขยิบเข้าไปใกล้ “เด็กน้อย สุรานี้มีอีกชื่อหนึ่งว่าสุราเริงรมย์ ใช้เมื่อร่วมอภิรมย์ เจ้ากล่าวเช่นนี้เป็นการเชื้อเชิญให้ทุกคืนข้ากับเจ้า…”
ใบหน้ากู้ซีจิ่วที่เพิ่งจะหายแดงกลับแดงขึ้นมาอีกครั้ง เธอผลักใบหน้าเขาที่เข้ามาใกล้ออกอย่างไม่ลังเล “เช่นนั้นไม่ต้องจะดีกว่า…”
ตี้ฝูอีหัวเราะ ยื่นมือดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด “เด็กน้อย ช่วงเวลาแห่งความสุขมีค่าดังทองพันชั่ง พวกเราเริ่มกันได้แล้ว!”
…
เสื้อผ้าที่เพิ่งสวมใส่ค่อยๆ ถูกปลดลงทีละชิ้น จุมพิตอันดุเดือดเหมือนจะทำให้อากาศร้อนระอุขึ้นมา
กู้ซีจิ่วนอนลงบนเครื่องนอนสีแดงเข้ม เขาคร่อมอยู่บนร่างเธอ ภาพงดงามปรากฏทีละนิดตามอาภรณ์ที่ปลดเปลื้องออก
รอยจูบประทับไปทั่วทุกจุด ปลายนิ้วอ้อยอิ่งแผดเผาบนตัวเธอทำให้เลือดลมพุ่งพล่านตาม ลมหายใจถี่กระชั้น สองร่างเปลือยเปล่า…
นี่คือค่ำคืนเร่าร้อนที่ชายหญิงส่วนมากจะได้สัมผัส เขารุกรานเข้ามา ยึดครองตามอำเภอใจ เธอก็ตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อน ดุจเถาวัลย์พันพฤกษา…
ทักษะด้านนี้ของเขาเริ่มต้นติดขัดอยู่บ้างจนค่อยๆ ช่ำชอง เป็นงานรวดเร็วยิ่ง กู้ซีจิ่วรู้สึกเหมือนตัวเองถูกวางไว้บนเปลวเพลิง และเหมือนจะลอยล่องไปในยอดเมฆ ในใจปรากฏต้นไม้แห่งความโหยหา กิ่งก้านเถาวัลย์ต้องการพันเกี่ยวเขาไว้ แล้วหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว…
ชั่วเวลาที่เขาแทรกกายเข้าไป เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดเล็กน้อย ทว่าความเจ็บนั้นอยู่ในขอบเขตที่ทนรับไหว
“เจ็บหรือไม่?” เขาหยุดชะงัก หางตานางคล้ายมีน้ำตา ทั้งที่เขาอยากจะควบทะยานไปในทันที ทว่าน้ำตาของนางทำให้หัวใจเขาดั่งถูกลวก ไม่กล้าขยับเขยื้อนแล้ว
ถึงแม้จะให้นางดื่มสุราชนิดนั้นแล้ว แต่อย่างไรก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยทดลอง ไม่รู้ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไรกันแน่ เขาก็ไม่เหมือนคนทั่วไป เขากลัวว่านางจะรับไม่ไหวในตอนนี้
เข้าไปทีละนิด ดื่มด่ำความเปรมปรีดิ์ ทำให้ชายที่มีความปรารถนาแรงกล้าอย่างเขาปั่นป่วนอยู่เช่นกัน สัญชาตญาณของบุรุษหากไร้การควบคุมก็เหมือนม้าป่าไร้ซึ่งบังเหียน เลือดลมพุ่งพล่านด้วยเหตุนี้
กู้ซีจิ่วย่อมไม่ร้องไห้เพราะความเจ็บปวด ในฐานะที่เคยเป็นนักฆ่าต่อสู้เสี่ยงตายมาตลอด การบาดเจ็บเป็นเรื่องธรรมดา เธอย่อมอดทนความเจ็บได้มากนัก กระดูกหักเธอยังไม่ส่งเสียงร้องสักแอะได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเจ็บในตอนนี้
สุรานั้นยังถือว่าได้ผลอยู่ ความเจ็บปวดก็เป็นเพียงกึ่งหนึ่งของการร่วมอภิรมย์ครั้งแรก สำหรับเธอแล้วแทบไม่สลักสำคัญอันใด
ส่วนเรื่องร้องไห้…
อาจจะมีความสุขมากเกินไปกระมัง? มีความสุขราวกับไม่ใช่เรื่องจริง คนมักจะร้องไห้เมื่อมีความสุขมากเกินไป
แน่นอนว่า เธอไม่อยากพูดความรู้สึกเช่นนี้ออกไป เธอเพียงยกแขนโอบคอเขาไว้แล้วจุมพิตที่ปลายคางของเขา พูดแผ่วเบาว่า “ไม่เจ็บ…”
ไม่เจ็บ เพียงแต่สุขใจ ราวกับความสุขใจนั้นจะทะลักล้นออกมา
รัตติกาลหนักอึ้ง ค่ำคืนนี้เธอแนบชิดเขา ไม่รู้ว่าปีนป่ายถึงเมฆาไปกี่ครา ดื่มด่ำความสมบูรณ์แบบซึ่งกันและกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พละกำลังของเขาน่าทึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังเป็นคืนวันแต่งงานที่มอบทั้งกายและใจให้แก่กัน เขาย่อมปลดปล่อยโดยสมบูรณ์…
คืนแห่งความสุขมักแสนสั้น นี่คือความรู้สึกของตี้ฝูอี
เมื่อลำแสงบางๆ ด้านนอกสาดส่องเข้ามา เขาปล่อยนางอย่างไม่เต็มใจนัก แต่นางเหน็ดเหนื่อยมากจริงๆ ถึงขั้นนอนหลับไปก่อนโดยไม่รอให้เขาชำระล้างให้เสร็จ
…
เมื่อกู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมาก็บ่ายคล้อยแล้ว ที่น่าแปลกคือทั้งที่ยามนี้มีหลายสิ่งให้ทำแล้ว ทุกคนต่างยุ่งง่วน แต่กลับไม่มีผู้ใดมารบกวนพวกเขาเลย
แสงตะวันสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่าง ทำให้ห้องสีแดงสดคล้ายอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ของวสันตฤดู
ตี้ฝูอีไม่อยู่ในห้อง กู้ซีจิ่วลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มอ่อนนุ่มดังเมฆลื่นลงจากตัวเธอ เผยให้เห็นชุดนอนที่เนื้อนุ่ม ชุดนอนผ้าไหมพอดีตัว เนียนนุ่มราวกับไม่ได้สวมใส่อะไร สบายตัวยิ่งนัก ไม่ต้องถามเลย เขาสวมชุดนี้ให้เธอ
เธอบิดขี้เกียจ ว่าไปแล้วก็แปลก ทั้งที่เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ทว่านอนหลับเพียงตื่นเดียวความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็พลันมลายหายไป สดชื่นกระปรี้กระเปร่าจนแทบอยากจะโบยบิน
เธอเลิกผ้าห่มลงจากเตียง เมื่อขาถึงพื้นก็ซวนเซเล็กน้อย
————————————————————————————-