บทที่ 1365 เธอทำเพียงได้ขอร้องเขาเท่านั้น
กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้นหลังจากปรับลมปราณรอบหนึ่ง ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นอีกครั้ง…
หากว่าเดิมทีพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นได้เพียงหนึ่งไมโครเมตรต่อสองวัน เช่นนั้นพลังวิญญาณจากการฝึกฝนสองชั่วยามนี้กลับเพิ่มขึ้นได้หนึ่งมิลลิเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า!
นี่เหมือนกับเปิดสูตรโกงเล่นเกมเลยนี่!
กู้ซีจิ่วไม่ยอมขึ้นจากน้ำ เธอหลับตาต้องการจะฝึกฝนในนี้ต่อ
“ไม่ต้องแช่น้ำแล้ว ขืนแช่อีกประเดี๋ยวเจ้าก็เหี่ยวย่นหมดพอดี” ตี้ฝูอีไม่รู้มาอยู่ริมสระน้ำตั้งแต่เมื่อใด
“ข้าขอฝึกอีกครั้งหนึ่ง” กู้ซีจิ่วไม่อยากจากไป
“ไม่ได้ อยู่ในน้ำนานเกินไปไม่เป็นผลดีต่อผิวพรรณเจ้า ผิวจะเหี่ยวเอา”
“เหี่ยวก็เหี่ยวสิ พลังวิญญาณที่นี่เพิ่มขึ้นรวดเร็วเกินไปแล้ว!” กู้ซีจิ่วเหมือนโจรที่ค้นพบขุมทรัพย์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากจากไป
ตี้ฝูอีไม่กล่าวอันใดอีก เขาเคลื่อนไหว พลันสะบัดชายเสื้อ ชายเสื้อของเขายืดหดได้อย่างอิสระ สะบัดออกประดุจแถบผ้าเส้นหนึ่ง ห่อหุ้มนางในน้ำไว้ทันที กู้ซีจิ่วจึงโบยบินขึ้นฝั่งอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง…
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
ถึงแม้จะเข้าใจความหวังดีของเขา ทว่าเขาบังคับโยนเธอไปมาราวของเล่นเช่นนี้ตลอด…
หลังจากเธอลงสู่พื้นข้างกายเขา เธอเหมือนแช่น้ำจนอ่อนระทวยไปแล้ว เมื่อลงสู่พื้นจึงซวนเซ ร่างกายเปียกปอนโผเข้าสู่อ้อมกอดเขา
ตี้ฝูอีอุ้มนางไว้ ยังไม่ทันได้พูดคุย หน้าอกก็พลันเหน็บชาอย่างไม่คาดคิด แล้วถูกผลักเข้าอย่างจัง!
“ตูม!” เขาร่วงหล่นลงน้ำ น้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง
เมื่อเขาโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ก็เห็นกู้ซีจิ่วยืนอยู่ริมสระน้ำยิ้มเย้ยอย่างพึงพอใจ ดวงตาฉ่ำวาว “ข้าว่าท่านก็ควรฟื้นฟูในน้ำเสียหน่อย…”
สุ้มเสียงของนางดังชัดกังวาน ประหนึ่งนกหวีดพิราบส่งเสียงใต้แสงตะวัน
ภายใต้ความกระชุ่มกระชวยของความรัก เธอละทิ้งความเคร่งขรึมเย็นชาทั้งหมด สุขใจเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้จักความเศร้าหมองบนโลกนี้
ตี้ฝูอีกึ่งจมกึ่งลอยอยู่ในน้ำ มองดูนางครู่หนึ่ง ในขณะที่กู้ซีจิ่วอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะเล่นเล่ห์กลอันใดอีก เขาก็ส่งเสียงอย่างเนิบนาบมาถึงฝั่ง “เด็กน้อย เจ้าอยากเต้นรูดเสาด้วยสภาพเช่นนี้หรือไม่?”
สภาพเช่นนี้? สภาพเช่นไหน?
กู้ซีจิ่วก้มหน้าลง จากนั้นใบหน้างามก็กลายเป็นเมฆยามอาทิตย์อัสดง
เรือนกายเธอยังเปลือยเปล่านี่! เธอเปลือยกายยืนหยิ่งผยองเป็นกาน้ำชาอยู่ตรงนี้!
เธอรีบหันกายตามหาชุดที่ตี้ฝูอีใช้วิชาถอดให้ ตามหาอยู่รอบหนึ่งก็ไม่เจอ…ไม่ต้องถามเลย ถูกเขาเก็บเข้าช่องมิติไปแล้ว
เคราะห์ดีที่เธอเก็บซ่อนเสื้อผ้าหลายชุดไว้กับหยกนภา เธอยกมือขึ้นจะเปิดช่องมิติของหยกนภา ก็พบว่าเจ้านี่ไม่เปล่งแสงแม้แต่น้อย ไม่มีการตอบสนองใดๆ เห็นได้ชัดว่ามันถูกตี้ฝูอีบังคับให้ ‘ปิดเครื่อง’ ไปแล้ว
“นี่ เสื้อผ้าข้าเล่า?” เธอทำเพียงได้ขอร้องเขาเท่านั้น
“บนเตียงเมฆา”
กู้ซีจิ่วเปิดม่านเตียง พบว่าข้างเตียงมีเสื้อผ้าสะอาดพับไว้เรียบร้อยอยู่ชุดหนึ่ง…
…
ผ่านไปสักครู่ เขาขึ้นฝั่งมาอีกครั้ง และเธอก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเดินเล่นไปรอบๆ
ช่างน่าแปลก ก่อนหน้านี้สองชั่วโมงเธอยังเหนื่อยล้าจนไม่รู้ทิศทาง แทบจะนอนหลับทันทีเมื่อล้มตัวลง ทว่าสักครู่หลังจากฝึกฝนสองครา ก็ประหนึ่งได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มสมบูรณ์ สดชื่นกระปรี้ประเปร่า ไม่ง่วงนอนแล้ว
เธอรับรู้ร่างกายตัวเอง พลังวิญญาณไหลเวียนได้อย่างอิสระ เธอนั่งลงบนเก้าอี้หวาย ทอดถอนใจเอ่ย “ข้ายังคิดว่าหากฝึกฝนถึงขั้นสิบอย่างไรก็ต้องใช้เวลาสามสิบถึงสี่สิบปี จากความรวดเร็วของการฝึกฝนตอนนี้ ข้ารู้สึกว่าใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี…”
————————————————————————————-
บทที่ 1366 นี่ก็คือประโยชน์ของการแต่งภรรยา
ตี้ฝูอีเบียดตัวบนเก้าอี้หวาย ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดตัวเอง ทั้งสองนอนศีรษะแนบชิดบนเก้าอี้หวาย นางหนุนแขนเขา เขาหยิบปอยผมช่อหนึ่งของนางขึ้นมาเล่น พ่นสองคำออกมาอย่างราบเรียบ “แปดปี”
“หา?” กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขา
“ข้าบอกว่าเจ้าต้องใช้เวลาแปดปีเพื่อทะลวงขั้นสิบ” ตี้ฝูอีอมยิ้ม
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขาต้องอยู่ที่นี่ดูแลซึ่งกันและกันไปแปดปี…
แปดปีช่างเป็นตัวเลขที่ยาวนาน และดูเหมือนจะเป็นปีที่แสนยาวนาน หากกู้ซีจิ่วถูกขังไว้ที่นี่แปดปี เธอคงทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก ทว่ามีเขาอยู่ข้างกาย…กลับรู้สึกว่าแปดปีก็ยังพอทนรับไหว
เธอปีนป่ายขึ้นมาบนตัวตี้ฝูอี นับแพขนตาของเขา “ท่านบอกว่าออกไปได้เพียงแค่เก้าคน รวมท่านด้วยหรือไม่?”
ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว “เจ้าอยากกำจัดข้าออกไป?”
โธ่ ไม่ใช่เสียหน่อย เธอมักรู้สึกว่าเขาเป็นเทพ ไม่ควรนับรวมอยู่กับกลุ่มคนทั่วไปอย่างพวกเขา ทว่าฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว น่าจะต้องนับรวมเข้าไปด้วย เช่นนั้นคนที่เธอพาออกไปได้มีเพียงเจ็ดคน…
เจ็ดคนนี้ส่วนมากเป็นผู้ชาย ในหมู่ผู้หญิงมีเพียงเมิ่งซู่เหยียนเท่านั้นที่มีหวัง
เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำให้กู้ซีจิ่วกลัดกลุ้มใจที่สุด สิ่งที่เธอกลุ้มใจก็คือ ในบรรดาชายหนุ่มหกคนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะบรรลุขั้นที่กำหนดไว้ก่อน มีสามคนแต่งงานแล้ว (นี่ก็ไม่แปลก บุรุษมากสตรีน้อย คนที่สตรีจะแต่งงานด้วยย่อมเป็นคนที่แข็งแกร่ง)
หากเธอพาพวกเขาออกไป จะไม่เป็นการแยกคนรักทั้งสามคู่ออกจากกันหรอกหรือ?
บางทีอาจเป็นเพราะความรักไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ทั้งสี่คู่ต่างรักใคร่กันดีเสมอมา ปกติถึงแม้จะไม่ค่อยเปิดเผยท่าที ทว่าสายตาและการกระทำในบางครั้งล้วนเผยให้เห็นความอบอุ่น
คู่สามีภรรยาเช่นนี้ ใครจะแยกพวกเขาจากกันได้ลง?
ถึงแม้จากเป็น กลับเหมือนจากตาย…
เพราะคนที่เหลือไม่อาจออกไปได้อีก
“เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาก็คัดเลือกคนที่ไม่มีคู่ออกไปดีกว่ากระมัง?” กู้ซีจิ่วเสนอแนะ
เสียงตี้ฝูอีราบเรียบ “ถึงเวลานั้นคนที่ฝึกฝนถึงขั้นเก้าต้องไม่เกินเจ็ดคน ให้พวกเขาเลือกกันเองเถิด บอกข้อดีข้อเสียออกมาให้ชัดเจน”
กู้ซีจิ่วบอก “…ข้าว่ามันค่อนข้างโหดร้าย…”
ตี้ฝูอีโค้งยิ้มมุมปาก “บางทีนี่อาจเป็นบททดสอบอย่างหนึ่งก็ได้”
ส่วนได้เสียเช่นนี้ถึงจะวัดระดับความรักของคนทั้งสองได้อย่างแท้จริง ระหว่างอิสรภาพที่โหยหามาเป็นเวลานานกับภรรยาที่ล่มหัวจมท้ายกันมา…
หัวใจกู้ซีจิ่วพลันหนักอึ้ง “แล้วท่านจะป่าวประกาศความหมายที่ท่านถอดความได้ตอนนี้เลยหรือไม่?” เธอรับรองได้เลยว่าหากป่าวประกาศออกไปต้องเกิดโกลาหลครั้งใหญ่แน่นอน
น้ำเสียงตี้ฝูอีเรียบเฉย “แน่นอน!”
กู้ซีจิ่วกล่าวอันใดไม่ออก
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง “ข้าว่าประกาศช้าหน่อยก็ดีเหมือนกัน ข้าเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย…”
ก่อนที่ข่าวนี้จะแพร่กระจายออกไป ทุกคนสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่หากวันใดป่าวประกาศออกไป เช่นนั้น จะกลายเป็นการแข่งขันกันได้ คู่สามีภรรยาอาจแคลงใจ มิตรสหายอาจเกิดความขัดแย้ง วางแผนตลบหลังกัน…การอยู่ร่วมกันอย่างสันติที่สืบเนื่องมานานหลายสิบปีก็อาจไม่มีอีกต่อไป…
ผลที่ตามมาของการประกาศส่งผลร้ายมากกว่าผลดีจริงๆ!
แขนของตี้ฝูอีโอบนางไว้กึ่งหนึ่ง “อย่ากลัวความวุ่นวาย ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าจัดการความวุ่นวายเช่นนี้ได้แน่ ข้าเชื่อใจเจ้า!”
กู้ซีจิ่วนิ่งเงียบ เธอดึงสาบเสื้อเขา “ในเมื่อท่านอยู่ที่นี่ เรื่องนี้ท่านก็ควรมาจัดการไม่ใช่หรือ?”
ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม “ที่นี่เจ้าเป็นคนตัดสินใจ ข้าเป็นผู้ช่วยเจ้าหรือเป็นอะไรก็ได้”
กู้ซีจิ่วชกเขาไปหนึ่งหมัด “นี่ท่านแอบอู้กระมัง!”
ตี้ฝูอีหัวเราะร่า “มีปัญหาให้ภรรยาออกหน้า นี่ก็คือประโยชน์ของการแต่งภรรยา”
————————————————————————————-