บทที่ 1380 ซีจิ่ว พวกเราจะช่วยเจ้า!
เมื่อครู่ตอนกู้ซีจิ่วยังไม่ออกมา ไป๋หลี่เช่อและคนอื่นๆ กลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับนาง จึงลองสัมผัสวงกบประตูนั้น ผลคือสัมผัสโดนเพียงเล็กน้อยก็ถูก ‘ช็อต’ กลับมา มือเจ็บเหมือนถูกเหล็กในผึ้งต่อยนับไม่ถ้วน แทบอยากจะตัดมือที่เจ็บปวดทิ้ง
แต่มือทั้งสองข้างของกู้ซีจิ่วกลับจับวงกบประตูนั้นไว้อย่างเหนียวแน่น พยายามหยุดยั้งการปิดตัวของมัน โลหิตไหลเป็นทางตามนิ้วมือของเธอ เธอกลับเหมือนไม่รู้สึกเจ็บ ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำพยายามง้างประตูบานนั้นไว้อย่างสุดชีวิต…
เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยก็ทะยานเข้ามา หวังช่วยง้างประตูนี้ ทว่าก่อนที่พวกมันจะเข้าใกล้ก็ถูกดีดกระเด็นออกไป
เจ้าหอยยักษ์พุ่งชน ฝากระแทกเข้าวงกบประตู เจ็บปวดจนฝาปิดไม่สนิท ขดตัวสั่นสะท้านอยู่ตรงนั้น
หลัวจั่นอวี่ไม่อยากให้น้องสาวได้รับบาดเจ็บ จึงรีบรุดไปช่วย ทว่าพลังวิญญาณของเขาต่ำเกินไป มือเพิ่งสัมผัสถูกวงกบประตูก็สูญเสียพละกำลังทั้งหมดแล้ว และถูกดีดออกไป!
เขาเจ็บปวดจนใบหน้าซีดเป็นซากศพ เกือบยืนไม่ไหว
ประตูวิชาเช่นนี้ไม่ใช่ออกแรงง้างแล้วจะไม่ปิดลง มันยังคงแคบลง เลือนรางลงเรื่อยๆ…
แค่สิบกว่าวินาทีสั้นๆ สำหรับกู้ซีจิ่ว ช่างยาวนานดังชั่วอายุขัย!
ไม่ว่ากลุ่มคนจะไม่ยินยอมแค่ไหน ประตูบานนั้นก็ยังค่อยๆ ปิดและเลือนรางลง ในที่สุดก็มลายหายไปโดยสมบูรณ์…
กู้ซีจิ่วทรุดนั่งลงที่พื้น สีหน้าดุจไร้วิญญาณ
ฝูงชนมองหน้ากันเหลอหลา ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าท้ายที่สุดแล้วคนที่ไม่สามารถออกมาได้จะเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้เก่งกาจเสมอมา!
หลัวจั่นอวี่กระโจนไปตรงหน้ากู้ซีจิ่ว ดึงมือนางไว้ “เสี่ยวจิ่ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เขามีความสามารถยิ่งนัก ไม่มีทางเป็นอะไรได้ เจ้าทำแผลที่มือก่อน…”
มือของนางชุ่มโชกไปด้วยเลือด แทบจะไหลเป็นทาง ย้อมชุดแพรไหมของนางเป็นสีแดง ทำให้หลัวจั่นอวี่เห็นแล้วเจ็บปวดประหนึ่งหัวใจถูกมีดทิ่มแทง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบจัดการให้นาง
กู้ซีจิ่วเหม่อลอย สายตาของเธอมองดูสถานที่ที่ประตูบานนั้นเคยปรากฏขึ้นอย่างไร้จุดหมาย
หลัวจั่นอวี่เพิ่งพันแผลให้ได้เพียงครึ่ง เธอเหมือนเรียกสติกลับมาทันใด ผลักหลัวจั่นอวี่ออก กระโจนตัวขึ้น!
“ข้าจะช่วยเขาออกมา!”
“ตี้ฝูอี หากท่านไม่ออกมา ข้าจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว!”
มือของเธอทำมุทราติดต่อกัน พยายามทุกวิถีทาง ฝืนทำลายเขตแดนนี้!
หลัวจั่นอวี่ตกตะลึง ก้าวไปจับมือนางไว้แน่น “ซีจิ่ว เจ้าใจเย็นก่อน! เขตแดนนี้ทำลายไม่ได้! หากทำลายแล้วสัตว์ร้ายทั้งหมดในยอดเขาที่แปดจะหลุดออกมา!”
สัตว์ร้ายบนยอดเขาที่แปดไม่ใช่สิ่งที่ควรมีบนโลกนี้อย่างเด็ดขาด หากหลุดออกไปตัวหนึ่ง เกรงว่าจะทำให้เกิดมหันตภัยร้ายแรงต่อโลก ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์ร้ายบนยอดเขาที่แปดนี้มีหลายสิบตัว!
ฝูงชนแทบจะไม่กล้าจินตนาการว่า หากสัตว์ร้ายมากมายเหล่านี้หลุดเข้าไปในโลกมนุษย์พร้อมกันจะเป็นอย่างไร
กู้ซีจิ่วซัดหลัวจั่นอวี่ไปหนึ่งฝ่ามือ!
ยามนี้เธอไม่ฟังคำพูดเกลี้ยกล่อมของใครหน้าไหนทั้งนั้น ในหัวของเธอมีเพียงความคิดเดียว ‘ช่วยเขาออกมา! ถึงแม้จะทำให้ทั้งโลกต้องฝังอยู่กับเธอก็ต้องช่วยเขาออกมาให้ได้!’
เธอเกิดมาพร้อมประสาทสัมผัสที่ว่องไวต่อเขตแดน ตอนที่พลังวิญญาณต่ำก็ทำลายเขตแดนจนชำนาญนัก นับประสาอะไรกับพลังวิญญาณของเธอตอนนี้ที่บรรลุขั้นสิบแล้ว เป็นร่างกึ่งเทพแล้ว วิชาที่เธอใช้เพียงพอจะทำให้ภูเขาลูกนี้สั่นสะเทือน!
เขตแดนไร้สีสันที่แข็งแกร่งคงทน ภายใต้การใช้วิชาโจมตีติดต่อกันก็เริ่มสั่นเป็นระลอกคลื่นแล้ว…
ทุกคนต่างรู้ดีว่าตอนนี้นางสงบใจไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำลงไปยามนี้เป็นความผิดมหันต์ ทว่าไม่มีผู้ใดพยายามขัดขวางนางอีก…
ดวงตาหลัวจั่นอวี่แดงก่ำ “จิ่วเอ๋อร์ ข้าช่วยเจ้า!”
ไป๋หลี่เช่อก้าวออกไป “ซีจิ่ว พวกเราจะช่วยเจ้า!”
———————————————————————–
บทที่ 1381 ท่านเกือบทำให้ข้าตกใจตาย…
ฝูงชนก็เลือดร้อนทยอยกระโดดตามขึ้นไป ไร้ซึ่งคำพูดอันใด ต่างใช้ความสามารถพิเศษของตนโจมตีเขตแดนนั้นอย่างสุดชีวิต…
ดังนั้นเขตแดนจึงเริ่มสั่นคลอน ระลอกคลื่นเริ่มแผ่วงกว้างขึ้น ประตูสีรุ้งดุจดาวหกแฉกค่อยๆ ปรากฏ หลังจากนั้นมีเงาร่างคนพลันเปล่งแสงหน้าประตูบานนั้น คนผู้หนึ่งกระโดดออกมาจากหลังประตู!
“หยุด!” คนผู้นั้นตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ ถึงแม้สุ้มเสียงค่อนข้างอ่อนแรงทว่าชัดเจนกังวาน
ฝูงชนนิ่งอึ้ง
ทุกคนทึมทื่อกันหมด!
เจ้าหอยยักษ์ตื่นเต้นจนฝาสั่น ส่งเสียงร้องยินดี “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”
กู้ซีจิ่วแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง อึ้งงันอยู่ตรงนั้นอย่างหาได้ยาก! ตกตะลึงไม่กี่วินาทีก็กระโจนเข้าไปหา “ตี้ฝูอี!”
คนที่ออกมาก็คือตี้ฝูอี ใบหน้าของเขาค่อนข้างซีดเผือด เขายังไม่ทันได้ยืนให้มั่นคงก็อ้าแขนกอดกู้ซีจิ่วที่กระโจนเข้าไปหา
ร่างของคนในอ้อมกอดสั่นเทาเล็กน้อย กอดรัดเอวของเขาไว้แนบแน่น ประหนึ่งกอดสมบัติล้ำค่าที่สูญหายไปแล้วได้กลับคืนมาอีกครั้ง กอดแน่นจนเอวเขาแทบหัก น้ำเสียงที่เอ่ยแหบพร่า เต็มไปด้วยความโกรธ “ท่านหลอกข้า! ท่านหลอกข้าอีกแล้ว…”
คำพูดด้านหลังเธอพูดไม่ออก ลำคอดังมีไข่ฟองหนึ่งติดอยู่ น้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ท่านเกือบทำให้ข้าตกใจตาย…”
ตี้ฝูอีมองดวงหน้าน้อยๆ ที่ซีดเผือดของนาง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด เป็นครั้งแรกที่เห็นนางซึ่งเก็บงำความรู้สึกมาตลอดเปิดเผยอารมณ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาทำให้นางตกใจมากจริงๆ! หากเขาออกมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ไม่แน่นางอาจอกแตกตายไปแล้ว…
ความรักครั้งนี้นางถลำเข้าไปลึกกว่าที่เขาคิดมากนัก
ดวงตาของเขาฉายแววเจ็บปวด เอื้อมมือตบหลังนางเบาๆ “ไม่เป็นไรแล้ว ข้าแค่ออกมาช้านิดหน่อย…ตอนนั้นข้าจำเป็นต้องหลอกล่อพวกมันไปที่อื่นก่อน ถึงจะเปิดเส้นทางใหม่ได้อีกครั้ง…”
กู้ซีจิ่วกอดเขาอีกครั้งหนึ่ง หัวใจที่หนักอึ้ง ในที่สุดก็วางลงได้อย่างช้าๆ เธอก็รู้สึกว่าตนควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นกัน อยากผละจากเขา ทว่าแขนทั้งสองข้างแทบแข็งทื่อ จนถึงวินาทีนี้เธอเพิ่งรู้สึกว่ามือทั้งสองเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ขาก็อ่อนยวบเช่นกัน เบื้องหน้าค่อยๆ มืดลง…
เธอไม่อาจเสียเขาไปได้! เธอไม่มีทางแบกรับความเจ็บปวดที่สูญเสียเขาไปได้เลย….
ตี้ฝูอีเห็นบาดแผลที่มือนางแล้ว เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ดึงมือเล็กๆ ของนางมา “เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ?! ข้าเคยกำชับเจ้าไว้ก่อนแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่อาจสัมผัสประตูเลือนรางนั้นได้…”
เจ้าหอยยักษ์เบ้ปากอยู่ด้านข้าง “ไม่อาจสัมผัสได้? เมื่อครู่นางง้างประตนั้นไว้ไม่ให้หายไปสุดชีวิตเลย…”
หัวใจตี้ฝูอีหยุดนิ่งราวกับจมน้ำ มองดวงหน้าน้อยๆ ที่เจ็บปวดจนเหงื่อออกของนาง “เจ้า…โง่นัก!” ก่อนยกมือขึ้นจัดการบาดแผลให้นาง บาดแผลเช่นนี้ไม่เหมือนบาดแผลทั่วไป กู้ซีจิ่วฝึกฝนจนถึงระดับนี้ ระบบประสาทร่างกายไม่ใช่มนุษย์แล้ว ได้รับบาดเจ็บธรรมดาเพียงเล็กน้อยก็หายได้ในพริบตา ไม่เหลือร่องรอยไว้แม้แต่น้อย
ทว่าบาดแผลเช่นนี้ไม่ได้ นางได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ก็เหมือนคนธรรมดาถูกมีดบาดอย่างรุนแรง เลือดไหลไม่หยุด แผลร้ายแรงยิ่งนัก ทำให้มือเล็กของนางดูน่ากลัวมาก
ไม่รู้ว่าเจ็บหรือว่าตกใจกันแน่ ร่างในอ้อมกอดเขายังสั่นสะท้านเล็กน้อย
“ต่อไป…ห้ามทำแบบนี้อีก” ตี้ฝูอีทายาวิญญาณลงบนมือนาง
ยาวิญญาณนี้เย็นสดชื่น บรรเทาความเจ็บปวดได้ไม่น้อย ดวงตาทั้งคู่ของนางดำขลับ เม้มริมฝีปากแน่น ราวกับยังตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย
เมื่อแผลบนมือเธอเจ็บปวดขึ้นมา จะไม่เหมือนแผลฉีกขาดธรรมดา แต่เหมือนหนามไม้ทิ่มแทงไปทั่วทั้งมือ เมื่อสัมผัสโดนเล็กน้อยก็ประหนึ่งถูกแมงป่องต่อย การเคลื่อนไหวของตี้ฝูอีเบามากพอแล้ว ทว่ายังทำให้หน้าผากเธอมีเหงื่อออก
———————————————————————-