บทที่ 1417 คนเราเปลี่ยนกันได้ (1)
นัยน์ตาของหลงซือเย่มีแววปวดร้าวพาดผ่านแวบหนึ่ง “เพราะเขาเหรอ?”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า “และเพื่อตัวฉันเองด้วย”
“ในเมื่อเธอชอบเขาขนาดนี้ แล้วทำไมแปดปีก่อนถึงหนีงานแต่งล่ะ?”
กู้ซีจิ่วไม่คิดจะบอกตื้นลึกหนาบางระหว่างเธอกับตี้ฝูอีให้คนอื่นทราบ ดังนั้นเธอจึงตอบอย่างคลุมเครือประโยคหนึ่ง “เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ตอนนี้สะสางความเข้าใจผิดกันแล้ว ย่อมกลับมาอยู่ด้วยกัน”
หลงซือเย่มองเธออยู่ครู่หนึ่ง ซักพักก็ทอดถอนใจ “ขอแค่เธออยู่ดีมีสุขก็พอแล้ว” ในน้ำเสียงความแฝงความหม่นหมองไว้
กู้ซีจิ่วยิ้มนิดๆ “ครูฝึกหลง คุณเองก็มีความสุขได้แล้ว ฉันก็หวังให้คุณตามหาความสุขของตัวเองเจอเหมือนกัน” ถึงแม้ความสุขของเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่ก็ปรารถนาให้เขาได้พบคนที่รักกันอย่างแท้จริง มีความสุขอย่างแท้จริงเสียที…
หลงซือเย่ละสายตาไป รินชาให้เธออีกถ้วย “หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
ทั้งสองสนทนากันอีกครู่หนึ่ง จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงบางอย่างแว่วเข้ามา หลงซือเย่มุ่นคิ้ว มองไปที่กู้ซีจิ่ว “เธอไม่ได้มาคนเดียวเหรอ?”
กู้ซีจิ่วนึกถึงหลีเมิ่งซย่าขึ้นมา ใจเต้นแวบหนึ่ง “ไม่นี่ ฉันมากับประมุขหลีเมิ่งซย่า ที่นี่ของคุณเข้มงวดกวดขัน เข้ามาไม่ได้ง่ายๆ ฉันเลยให้นางรออยู่ข้างนอก หรือว่าตอนนี้นางจะบุกเข้ามา?”
หลงซือเย่ส่ายหน้า “คนคนนั้นมุทะลุเลือดร้อน ให้นางรอคงเป็นเรื่องยากสำหรับนาง” พลันยกมือร่ายวิชา จากนั้นก็ถ่ายทอดเสียงจากระยะไกล “ปล่อยนางเข้ามาเถอะ”
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลีเมิ่งซย่าก็พุ่งฉิวเข้ามาปานลมหอบหนึ่ง เมื่อเห็นคนทั้งสองดื่มชากันอยู่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ซีจิ่ว ทำไมเจ้าอยู่ที่นี่นานขนาดนี้ล่ะ? ข้านึกว่าเจ้าโดนเล่ห์กลอันใดเข้าแล้วเสียอีก”
หลงซือเย่ใช้ฝาถ้วยชาปาดน้ำชาในถ้วยเบาๆ “นางปลอดภัยที่สุดเมื่ออยู่ที่นี่กับข้า ข้าจะปล่อยให้นางโดนเล่ห์กลอันใดได้เล่า? ประมุขหลีคิดมากไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่ากู้ซีจิ่วปลอดภัยนางก็วางใจแล้ว หาที่ให้ตัวเองแล้วนั่งลง “เจ้าสำนักหลง การคุ้มกันที่นี่ของท่านเข้มงวดยิ่งนัก เข้ายากยิ่งกว่าวังหลวง จะพบท่านยากเย็นยิ่งกว่าเข้าเฝ้าจักรพรรดิเสียอีก…”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง มองไปทางหลงซือเย่เช่นกัน หลงซือเย่ยิ้มพลางตอบ “ระยะนี้มีเรื่องวุ่นวายมากมาย ข้าเกรงว่าจะมีสายลับใจคดจากภายนอกแอบแฝงเข้ามา ดังนั้นการคุ้มกันในสองปีมานี้จึงเข้มงวดไปบ้างจริงๆ”
กู้ซีจิ่วเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริงว่า “หาใช่แค่คุ้มกันเข้มงวดไม่ รู้สึกว่าลำดับชนชั้นระหว่างเหล่าศิษย์ของท่านก็แบ่งแยกชัดเจนเช่นกัน ข้าแปลงโฉมเป็นศิษย์ระดับต่ำสุดของสำนักพวกท่าน โขกศีรษะไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว…”
หลีเมิ่งซย่าก็คล้อยตาม “ใช่ๆ เจ้าสำนักหลงเมื่อก่อนที่นี่ของท่านไม่ได้เป็นแบบนี้ นี่ท่านได้รับความกระทบกระเทือนอะไรหรือเปล่า?”
หลงซือเย่หลุบตาลง ยิ้มบางๆ แวบหนึ่ง “คนเราเปลี่ยนกันได้ บางทีอาจเป็นเพราะจู่ๆ ข้าก็ได้เปิดโลกกระมัง เกิดเป็นบุรุษต้องมีฐานะค่อนข้างสูงส่งสักหน่อยสิถึงจะดี…”
ประโยคนี้คล้ายจะมีความหมายแอบแฝง กู้ซีจิ่วฉลาดเฉลียวจึงเลือกจะเงียบไว้เสีย เพียงแต่ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าหลงซือเย่เปลี่ยนไปเพราะอะไร
น่าจะมีสาเหตุมาจากเธอกระมัง?
หลงซือเย่คงนึกว่าเหตุผลที่เธอ ‘เปลี่ยนใจเป็นอื่น’ เป็นเพราะตำแหน่งของตี้ฝูอีสูงส่งกว่าเขา…
ไหนเลยจะทราบว่าเธอไม่เคยเห็นแก่ศักดิ์ฐานะของตี้ฝูอีเลย เธอเคยหลบเลี่ยงถอยห่างเนื่องจากฐานะของตี้ฝูอีด้วยซ้ำ แต่ถ้อยคำเหล่านี้เธอไม่คิดจะอธิบายกับหลงซือเย่ให้มากความ พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์
กลับเป็นหลีเมิ่งซย่าที่ไม่เห็นด้วย “เจ้าสำนักหลง ดูจากวาจานี้ของท่าน ราวกับสตรีทั้งโลกลุ่มหลงในลาภยศเหมือนกันหมด เสน่ห์ของบุรุษขึ้นอยู่กับตัวบุคคล มิใช่มีฐานะสูงศักดิ์แล้วจะแก้ไขได้”
หลงซือเย่ก็คล้ายจะรู้ตัวแล้วว่าตนพูดเกินไปหน่อย “ขออภัยด้วย เป็นข้าที่ตื้นเขินไปแล้ว ขออาศัยน้ำชาแทนสุรา ลงทาตัวเองหนึ่งจอก”
———————————————————————-
บทที่ 1417 คนเราเปลี่ยนกันได้ (2)
กล่าวมาถึงตรงนี้ หลีเมิ่งซย่าก็ไม่ไล่ต้อนเอาความต่อแล้ว นางยิ้มพลางตอบว่า “เช่นนั้นข้าจะดื่มเป็นเพื่อนท่านสักจอก ข้ากำลังกระหายอยู่พอดีเลย”
ทั้งสามสนทนากันอยู่พักใหญ่ หลงซือเย่ก็ตรงไปตรงมาเช่นกัน เมื่อทราบว่าผู้ที่ก่อเภทภัยอยู่ภายนอกเป็นตัวปลอม ด้วยฐานะสานุศิษย์สวรรค์ของเขาย่อมต้องออกโรงไปช่วยเหลือปราบปรามวายร้าย นี่เป็นหน้าที่ของเขา
กู้ซีจิ่วยินดียิ่งนัก รีบขอให้เขาเรียกตัวปรมาจารย์หลอมโอสถในใต้หล้า อีกห้าวันให้หลังให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่โรงเตี๊ยมใต้หล้า ณ เมืองเฟิ่งไหล
หงซือเย่ย่อมรับปากในทันที ทั้งสามคนจึงพูดคุยกันอีกพักหนึ่ง
อย่างไรเสียกู้ซีจิ่วกับหลงซือเย่ก็ไม่ได้พบกันมาแปดปีแล้ว ยามนี้พูดคุยสัพเพเหระไปๆ มาๆ ฟ้าก็มืดลงโดยไม่รู้ตัวแล้ว
กู้ซีจิ่วนั้นไม่เท่าไหร่ ถึงอย่างไรเธอก็มีพลังวิญญาณขั้นสิบแล้ว เรียนรู้เคล็ดตัดธัญญะแล้ว ไม่ได้กินอาหารสักสองสามวันก็ไม่รู้สึกหิว กลับเป็นหลีเมิ่งซย่าที่ท้องเริ่มส่งเสียงคร่ำครวญ ถูกหลงซือเย่ได้ยินเข้า เขาอดขำไม่ได้ “พวกเจ้าอยากกินอะไรกัน? ข้าจะไปทำมาให้พวกเจ้า”
กู้ซีจิ่วมองหลีเมิ่งซย่า หลีเมิ่งซย่าไม่รู้จักว่าเกรงใจคือตัวอันใด “ได้ยินว่าอาหารบำรุงของสำนักถามสวรรค์มีมากมาย มิสู้ทำมาอย่างละจานเล่า? ให้พวกเราได้ลิ้มรสด้วยกัน”
หลงซือเย่พยักหน้า “ได้” ขณะที่เขากำลังจะเรียกคนเข้ามาสั่งการ กู้ซีจิ่วก็เอ่ยขึ้นมา “ครั้งนี้พวกข้ามาอย่างลับๆ ยิ่งคนทราบน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี เลี่ยงไม่ให้คนปากโป้งแพร่งพรายออกไป ทำให้เจ้าตัวปลอมนั่นไหวตัวทัน”
หลงซือเย่พยักหน้า “เจ้าคิดรอบคอบแล้ว วางใจเถอะ ข้าจะไปเตรียมด้วยตัวเอง…” พลางลุกขึ้นแล้วก้าวออกไป
ทว่ากู้ซีจิ่วกลับไม่อยากรบกวนเขาอีก เธอมาครั้งนี้มิใช่เพื่อกินอาหารสักมื้อ อีกอย่างเธอบอกกับตี้ฝูอีไว้ดีแล้วว่าจะพยายามกลับไปให้ได้ในคืนนี้ ยามนี้จัดการเรื่องราวเรียบร้อยแล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่ที่นี่ต่อไป ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นเสียเลย “พวกเราออกไปกินข้างนอกเถอะ ข้าอยากกินอาหารของร้านเซียนหงสาที่เมืองเว่ยไหล”
เมืองเว่ยไหลเป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากสำนักถามสวรรค์ เมื่อก่อนกู้ซีจิ่วเคยไปอาหารที่ร้านเซียนหงสาในเมืองนั้นอยู่ครั้งหนึ่ง ดังนั้นเลยค่อนข้างคุ้นเคย จึงแนะนำให้ไปที่นั่น
หลงซือเย่ชะงักไปเล็กน้อย เหลือบมองหลีเมิ่งซย่าแวบหนึ่ง “มิใช่ว่าประมุขหลีอยากกินอาหารบำรุงของสำนักถามสวรรค์เราหรอกหรือ?”
หลีเมิ่งซย่าถูจมูก “ความจริงแล้วข้าก็พูดไปเช่นนั้นแหละ จะเป็นอาหารบำรุงหรือไม่ไม่สำคัญ ขอเพียงอาหารอร่อยก็พอแล้ว”
นางกล่าวเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเปลี่ยนความเห็นแล้ว หลงซือเย่ย่อมไม่พูดจาเป็นอื่นอีก
….
หลงซือเย่จองห้องส่วนตัวของร้านเซียนหงสาไว้ห้องหนึ่ง ทั้งสามคนสั่งอาหารหลายอย่าง กินดื่มอยู่ที่นี่
เดิมทีหลงซือเย่มิชอบดื่มสุรา ทว่าคืนนี้กลับผิดวิสัยอยู่บ้าง สั่งมาหนึ่งไหใหญ่ ซ้ำยังไม่ลืมชี้แจงกับพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองด้วย “สุรานี้ชื่อว่าดอกซิ่งแดง รสชาติไม่เลวเลย เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ ทั้งสองท่านลองชิมดูเถิด”
พลางรินใส่เต็มจอกให้ทั้งสองคน
หลีเมิ่งซย่าชอบดื่มสุรา และปกตินางก็สังสรรค์กับพี่น้องมากมายอยู่บ่อยครั้ง ฝึกฝนการดื่มจนคอแข็งเป็นพิเศษ สำหรับนางแล้ว การดื่มสุราก็ไม่ต่างอะไรกับการดื่มน้ำ
กู้ซีจิ่วก็ชมชอบสุราเช่นกัน แต่ตอนที่เธอออกปฏิบัติภารกิจ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ดื่มจนเมามายแล้วเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น ครั้งนี้เธอจึงไม่อยากดื่ม อย่างไรเสียในสถานการณ์ไม่ปกติเช่นนี้การดื่มสุราจนเมาจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นได้ง่ายนัก เพียงแต่ถึงอย่างไรเธอกับหลงซือเย่ก็ไม่ได้พบหน้ากันมานานแล้ว พบพานสหายเก่าไม่จะไม่ดื่มกันสักจอกสองจอกก็ใช่ที ดังนั้นเธอจึงดื่มด้วย แน่นอนว่าเธอสงวนปริมาณ พยามดื่มให้น้อยที่สุด
ทั้งสามคนดื่มไปพลางคุยไปพลาง ย่อมปรึกษาหารือกันถึงขั้นตอนต่อไป หลงซือเย่ดื่มสุรารวดเร็วยิ่ง เมื่อกินอาหารมื้อนี้เสร็จ เขาก็กรึ่มๆ บ้างแล้ว
————————————————————————–