บทที่ 1460 ไส้ศึกเผยตัว 1
ผ่านไปครู่หนึ่งศิษย์สองคนนั้นก็เริ่มพากันขยี้ตา ศิษย์คนหนึ่งตะโกนอย่างโมโห “เสี่ยวห้าวเจ้าไปเอาต้นไอ้นี่มาจากไหน? ฉุนเหลือเกิน จะถูกรมตายแล้ว ตาของข้าแทบลืมไม่ขึ้นแล้ว!”
“อาจเป็นเพราะต้นไอ้ชื้นเกินไปดังนั้นควันจึงรมให้แสบตา…” ศิษย์อีกคนขยี้ตาพลางคาดเดาไปด้วย
ทั้งสองถูกรมควันจนน้ำตาไหลพราก ลืมตาไม่ขึ้นเลย
และในระยะเวลาชั่วครู่ที่พวกเขาขยี้ตา เงาดำที่แอบอยู่ในจุดอับก็เคลื่อนไหวปานสายฟ้าแลบ แวบผ่านด้านหน้าคนทั้งสอง ตรงเข้าไปในถ้ำ
เงียบเชียบแบบเทพไม่รู้ผีไม่เห็นโดยแท้ ศิษย์สองคนนั้นไม่สังเกตเห็นเลย
เงาดำโพกหนาด้วยผ้าสีดำ เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง เมื่อเขาเข้าไปในถ้ำแล้วก็ตรงไปยังจุดที่วางหินหยั่งจิตไว้ ดวงตาที่คล้ายตาจิ้งจอกจับจ้องบนหินหยั่งจิตนั้น
ผ่านไปสามชั่วยามแล้ว หินหยั่งจิตทุกก้อนล้วนมีความเปลี่ยนแปลงแล้ว ทุกก้อนแปรเปลี่ยนเป็นสีสันที่ต่างกันไป และยังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงด้วย…
หินเหล่านี้เปลี่ยนสีได้จริงๆ ด้วย!
กู้ซีจิ่วไม่ได้หลอกลวง! เห็นทีจะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว หินที่เป็นตัวแทนของเขาก้อนนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับหยกมารเวหน…
เขายื่นมือไปคว้าหินก้อนนั้นที่เป็นตัวแทนของตนอย่างรวดเร็ว มองชื่อที่สลักไว้บนนั้น มีแสงจางๆ ผุดออกมาจากปลายนิ้ว ลบชื่อบนหินหยั่งจิตทิ้งไป…
จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนชื่อหนึ่งลงไปอีกครั้ง…
เห็นได้ชัดว่าเขาลอกเลียนแบบลายมือของผู้อื่นได้ เมื่อเขียนเสร็จก็พิศมองอยู่ครู่เดียว มุมปากยกขึ้นน้อยๆ
“เจ้ามีความสุขมากสินะ” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นไม่ไกลจากเขา น้ำเสียงใสกระจ่าง ถึงขั้นที่เจือเสียงหัวเราะไว้ด้วย “ข้าก็มีความสุขมากเช่นกัน” เป็นเสียงของกู้ซีจิ่ว
เงาดำนั้นปานถูกสายฟ้าฟาด แข็งทื่อไปชั่วครู่ นับว่าเขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวเช่นกัน แทบไม่มองคนเลย เงาร่างพุ่งวาบทันที เหินทะยานไปทางนอกถ้ำ แต่ก็เกือบชนใส่ร่างคนผู้หนึ่งเข้า!
“มีข้าอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดหรือ?” น้ำเสียงคนผู้นั้นเย็นชาแฝงเสน่ห์ดึงดูด เป็นเสียงของตี้ฝูอี
พลันโบกแขนเสื้อไปทางคนโพกหน้าชุดผู้นั้น ผ้าโพกหน้าบนใบหน้าของคนชุดดำผู้นั้นหลุดร่วง เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
น้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวของกู่ฉานโม่แว่วออกมาจากส่วนลึกที่มืดมิด “หงเทียนซิน! ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเจ้า!”
ใบหน้าคนชุดดำผู้นั้นเป็นสีเทาทึบทึม ถลึงตามองสามคนนั้นที่ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากไหนกัน “เจ้า…พวกเจ้า…” เขาพยายามพูดแถ “ศิษย์เพียงแค่ เพียงแค่มาดูเพราะอยากรู้อยากเห็น มิได้เป็นไส้ศึก”
กู่ฉานโม่ซัดฝ่ามือใส่จนเขาหงายหลังตีลังกา เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “อย่ามาเล่นลิ้น! ผู้เฒ่าเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง เจ้าแก้ชื่อบนหินตัวแทนของเจ้าให้กลายเป็นคนอื่น! เมื่อครู่หากว่าไม่หยุดยั้งเจ้า เกรงว่าเจ้าคงนำหินของผู้รับเคราะห์คนนั้นมาแก้เป็นชื่อเจ้าไปแล้ว!“
หงเทียนซินไม่พูดอะไร
กู่ฉานโม่นำหินที่สลักชื่อเดียวกันทั้งสองก้อนมาถือไว้ มองครู่หนึ่ง โกรธเคืองอย่างยิ่ง “ที่แท้แพะรับบาปที่เจ้าหามาก็คือสหายสนิทของเจ้าเล่อเฟิงเหยียน!”
ถูกจับได้คาหนังคาเขาแล้ว ต่อให้หงเทียนซินมีวาทศิลป์ยอดเยี่ยมเพียงใดก็ไม่อาจอธิบายได้แล้ว
สีหน้าเขาดุจคนตาย ถอยหลังไปสองก้าว แล้วก็ถอยไปอีกสองก้าว มีสามคนนี้อยู่ที่นี่ ต่อให้เขามีปีกสี่คู่ก็บินหนีไม่ได้แล้ว!
เขาตัดสินใจในทันใด พลันหลับตา กัดฟันทันที!
ฟันไม่ได้ขบเข้าหากันอย่างที่เขาปรารถนา แต่กัดลงบนหินหยกก้อนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน หินที่เย็นเฉียบแข็งทื่อแทบจะทำให้เขาสูญเสียฟันหน้าทั้งสองซี่ไปแล้ว!
เขาลืมตาขึ้นทันที สิ่งที่มองเห็นคือใบหน้าที่เย็นชายิ่งนักของผู้อาวุโสหน่วยลงทัณฑ์ “คิดจะฆ่าตัวตายรึ? ไม่มีทาง!”
ผู้อาวุโสหน่วยลงทัณฑ์ยื่นนิ้วมือสองนิ้วกดเข้าที่ฟันกรามด้านหลังของเขาอย่างแรง ยาลูกกลอนสีขาวขนาดเท่าเมล็ดถั่วกระเด็นออกมาจากปากเขาหนึ่งเม็ด ตกลงกลางฝ่ามือของผู้อาวุโสหน่วยลงทัณฑ์
——————————————————————————
บทที่ 1461 ไส้ศึกเผยตัว 2
ผู้อาวุโสหน่วยลงทัณฑ์ยังถือโอกาสสกัดจุดหงเทียนซินไปหลายจุด เพื่อให้แน่ใจเขาไม่มีทางเล่นเล่ห์อันใดได้อีก แล้วจึงค่อยส่งยาลูกกลอนให้ตี้ฝูอี
ตี้ฝูอีใช้วิชาชำระล้างบนยาลูกกลอน เขาเหลือบมองยาลูกกลอนนั้นแวบหนึ่ง ลักษณะของยาลูกกลอนแปลกประหลาดยิ่งนัก เป็นรูปร่างดาราแฉกซึ่งเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
กู้ซีจิ่วเดินเข้ามา เหลือบมองยาลูกกลอนนั้นแวบหนึ่ง “ยาเม็ด!”
ยาเม็ดชนิดนี้คล้ายคลึงกับยาเม็ดฮอร์โมนสเตอรอยด์สมัยใหม่มาก เป็นยาที่คนสมัยนี้สร้างขึ้นมาไม่ได้
อย่างไรเสีย การสร้างยาชนิดนี้จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากมาย ในยุคนี้คนที่สร้างยาชนิดนี้ขึ้นมาได้ นึกถึงใครอื่นไปไม่ได้เลย…หลงฟั่น!
ดูเหมือนว่ามือของไอ้คนชั่วช้าผู้นี้จะยื่นออกไปทั่วทุกสารทิศ…
วิญญาณชั่วร้ายของไอ้คนชั่วช้าผู้นี้ยังคงไม่ไปไหนเลยจริงๆ!
การฆ่าตัวตายของหงเทียนซินล้มเหลว ทั้งร่างกายพลันสั่นสะท้าน กู่ฉานโม่ก็โมโหจนร่างกายเกือบสั่นเทา
หลงซือเย่แนะนำหงเทียนซินผู้นี้เมื่อปีกลาย และสานุศิษย์สวรรค์คนอื่นๆ ก็เป็นคนแนะนำให้เข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เป็นอัจฉริยะหาได้ยาก ตอนเข้ามามีพลังวิญญาณขั้นเจ็ด หนักแน่นและมีความสามารถ เป็นที่โปรดปรานของกู่ฉานโม่ยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าเขากลับเป็นไส้ศึกที่หลงฟั่นส่งเข้ามาเพื่อเล่นงานสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์!
“ไอ้คนสารเลว เจ้าเป็นคนของหลงฟั่นงั้นรึ?!”
ถึงตอนนี้หงเทียนซินก็ตาสว่างแล้ว สายตาจ้องมองใบหน้ากู้ซีจิ่ว “ที่แท้นี่ก็เป็นแผนการของเจ้า! ความพิเศษของหินหยั่งจิตอะไรนั่นเป็นแค่เรื่องโกหกกระมัง? เจ้าทำเช่นนี้ก็เพื่อหลอกล่อให้ข้ามาติดกับเสียเอง?”
กู้ซีจิ่วตอบอย่างสบายใจ “ถูกต้องแล้ว!”
หงเทียนซินกระชับกำปั้น ความจริงเขาก็เคยสงสัยในจุดนี้อยู่เช่นกัน ทว่าสิ่งที่กู้ซีจิ่วทำทั้งหมดเหมือนจริงยิ่งนัก เขาจึงคลายความสงสัย
ตอนมาเขายังแอบสำรวจอยู่รอบหนึ่ง เมื่อเห็นตี้ฝูอี กู้ซีจิ่ว กู่ฉานโม่ กับเหล่าผู้อาวุโสกำลังหารือบางเรื่องกันอยู่ เขาตรวจสอบกลลวงที่เป็นไปได้ทั้งหมดแล้ว และไม่พบความผิดปกติอันใดเลย จึงเริ่มเคลื่อนไหว นึกไม่ถึงว่ายังคงตกหลุมพรางของคนอื่นได้!
กู่ฉานโม่เป็นคนใจร้อน เมื่อจับตัวไส้ศึกได้ทำให้เขาโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เขาอยากจะสอบสวนว่าใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังและจุดมุ่งหมายของการกระทำเช่นนี้ในทันที ทว่าปากของหงเทียนซินเสมือนเปลือกหอย ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถง้างปากเขาให้พูดออกมาได้
กู้ซีจิ่วจึงเรียกเจ้าหอยยักษ์ออกมา ให้มันใช้วิชาห้วงฝันมายาทำให้คนผู้นี้ปริปากพูดความจริง
เจ้าหอยยักษ์ย่อมดีใจเป็นอย่างมาก ยามนี้มันใช้วิชานี้ได้อย่างแคล่วคล่องแล้ว ผ่านไปไม่กี่นาทีหงเทียนซินก็เหมือนดังเทถั่วออกจากกระบอกไม้ไผ่ เปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้ออกมาจนหมดเปลือก
แต่กลับไม่เหมือนกับที่กู้ซีจิ่วคาดเดาไว้สักเท่าไหร่ เจ้านายสายตรงของหงเทียนซินไม่ใช่หลงฟั่น แต่กลับเป็นคนลึกลับผู้หนึ่ง คนลึกลับผู้นี้ติดต่อกับเขาโดยใช้วิชาส่งกระแสจิต อีกทั้งยังเป็นการติดต่อเพียงฝ่ายเดียว มีเพียงคนลึกลับผู้นั้นติดต่อเขาได้ แต่เขาไม่มีทางติดต่อกลับไปหาคนลึกลับผู้นั้นก่อน
คนลึกลับผู้นั้นติดต่อเขาทั้งหมดสามครั้ง ครั้งแรกเพื่อบอกข้อมูลเกี่ยวกับหยกหอมเวหน เพื่อให้เขารายงานแก่กู่ฉานโม่รับทราบ หยกหอมเวหนเป็นหยกวิญญาณชนิดหนึ่ง ประสิทธิภาพแกร่งกล้า กู่ฉานโม่เป็นผู้รอบรู้ เมื่อพบหยกชนิดนี้ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังสั่งคนให้ใช้หยกชนิดนี้สร้างพู่ห้อยเอวขับไล่วิญญาณชั่วร้ายและเพิ่มพลังวิญญาณที่ทุกคนห้อยติดตัวได้ออกมา
ครั้งที่สองคือให้เขาออกมา เพื่อตรวจดูพู่ห้อยเอวของเขา
ครั้งที่สามคือมอบพู่ห้อยเอวหยกมารเวหนกับเขา ให้เขาเอามันไปซ่อนใต้พื้นของหอฝึกยุทธ์…
คนลึกลับผู้นี้ถึงแม้เรียกเขาไปพบถึงสองครั้ง ทว่าเขาเพียงได้ยินเสียง ไม่เคยเห็นตัวตน แม้แต่พู่ห้อยเอวยังมอบให้เขาโดยวางไว้ในโพรงต้นไม้กลางป่ารกร้าง…
ส่วนเรื่องพู่ห้อยเอวหยกมารเวหนมีการใช้งานอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง หงเทียนซินไม่รู้อันใดสักนิดเลย
อีกทั้งวิธีที่คนลึกลับผู้นี้ใช้ควบคุมเขาก็แปลกประหลาดยิ่งนัก มีเสียงสั่งการดังขึ้นภายในหัวสมองของเขา หากเขาไม่ทำตามก็จะปวดศีรษะอย่างหาที่เปรียบมิได้ เจ็บปวดยิ่งกว่ามงคลรัดเกล้าของซุนหงอคงเสียอีก…
—————————————————————————