ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1462+1463

บทที่ 1462+1463

บทที่ 1462 ไส้ศึกเผยตัว 3

ผู้บงการอยู่เบื้องหลังมีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนว่าน่าจะเป็นหลงฟั่นไม่มีอันใดผิดพลาด ทว่าจุดมุ่งหมายที่เขาทำเช่นนี้กลับทำให้คนคิดไม่ตก

สิ่งที่หยกมารเวหนทำลายก็คือจิตวิญญาณของมนุษย์ เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปจะทำให้คนเสียสติ ทว่าเหตุการณ์ฝันร้ายติดต่อกันทำให้ผู้คนจำต้องอพยพ ไม่มีทางอยู่ที่นั่นต่อไปได้ เมื่อใดที่หลุดพ้นจากการควบคุมของหยกมารเวหนนี้ จิตวิญญาณของผู้คนก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา ไม่มีผลกระทบร้ายแรงเท่าใดนัก

เช่นนั้น เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อซ่อนหยกมารเวหนภายในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ด้วยเหตุใดกันแน่เล่า?

หรือว่าต้องการสิ่งใดจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ดังนั้นจึงขับไล่ผู้คนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ออกไป?

ทว่าที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มีเขตแดนอันแกร่งกล้า ถึงแม้จะขับไล่คนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ออกไปได้ทั้งหมด คนนอกก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี…

หรือบางทีอาจรู้สึกขวางหูขวางตาคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ อยากขับไล่พวกเขาออกมาแล้วสังหารทิ้งเสีย?

ทว่าหลังจากที่คนสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ออกมากลับไม่ถูกโจมตีอันใด ถึงแม้พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างยากลำบาก แต่ก็ไม่เคยพบเจออันตรายใดๆ…

เห็นได้ชัดว่าจุดมุ่งหมายของบุคคลผู้บงการอยู่เบื้องหลังไม่ใช่สิ่งนี้

หงเทียนซินถูกพาตัวออกไป เพื่อรอรับโทษทัณฑ์สถานหนักของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์

ในเมื่อจับตัวการที่ทำให้ฝูงชนฝันร้ายได้แล้ว กู่ฉานโม่ย่อมไม่ต้องการให้ผู้คนของเขาอยู่ในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้อีกต่อไป

ฝูงชนต่างรีบร้อนอยากกลับบ้าน จึงรีบกลับสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ภายในคืนนั้นเลย

ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจ ร้องรำร่ำสุรา หนุ่มสาวกลับบ้านพร้อมเพรียง

หลังจากกลับถึงสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ทุกคนยุ่งง่วนกันอยู่ช่วงหนึ่ง จัดเก็บหลายสิ่งหลายอย่างให้เรียบร้อย

เนื่องจากกู้ซีจิ่วไม่ได้บอกอย่างชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของเธอกับตี้ฝูอี กู่ฉานโม่หัวโบราณจึงรีบจัดแจงให้กู้ซีจิ่วกลับไปอยู่ห้องเดิมที่เธอเคยอยู่ ส่วนตี้ฝูอีกลับถูกจัดให้อยู่ภายในเรือนที่เขาเคยอยู่เช่นกัน ทำให้พวกเขาสามีภรรยาต้องแยกเรือน

กู้ซีจิ่วแอบแย้มยิ้มในใจ ตี้ฝูอีเจ้าคนผู้นี้เป็นคนบอกเองว่าไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ เช่นนั้นเธอก็ทำให้เขาได้สมหวังก็แล้วกัน คืนนี้เธอก็จะได้นอนหลับสบายสักตื่น เพื่อป้องกันไม่ให้ใครบางคนจับไปทำกิจกรรมอันใดได้อีก

กู้ซีจิ่วกลับมาที่นี่ ยังคงทอดถอนใจอยู่ไม่น้อยเมื่อมองเห็นต้นไม้ใบหญ้าที่คุ้นเคย

เปรียบเสมือนความรู้สึกของผู้เดินทางไกลหวนคืนสู่บ้านเกิด

ภายในห้องของเธอยังคงได้รับการดูแลอย่างสะอาดสะอ้าน เธอใช้วิชาชำระล้างเพียงเล็กน้อย ทุกอย่างก็กลับมาเป็นดังเดิมแล้ว

หลานไว่หู่มาเคาะประตูในระหว่างที่เธอกำลังเก็บกวาด เธอเปิดประตูพบว่าเด็กคนนี้อุ้มหมอนหนึ่งใบยืนอยู่ด้านนอกสายตาจ้องมองเธออย่างเป็นกังวล “ซีจิ่ว คืนนี้ข้านอนกับเจ้าด้วยได้หรือไม่?”

กู้ซีจิ่วย่อมไม่มีทางปฏิเสธ พยักหน้าตอบรับ

เด็กน้อยส่งเสียงดีใจ อุ้มหมอนกระโจนไปที่เตียงของเธอทันที ก้มหน้าก้มตาจัดวางหมอนอย่างดี อีกทั้งยังจัดแจงเครื่องนอนอย่างรวดเร็ว

“ซีจิ่ว พวกเรานอนด้วยกันได้หรือไม่? ข้ามีเรื่องมากมายอยากคุยกับเจ้า”

ความจริงกู้ซีจิ่วก็คิดถึงนางมาก อีกทั้งยังนำของฝากมาให้นางตั้งมากมาย จึงหยิบออกมามอบให้นางในตอนนี้

ของฝากที่กู้ซีจิ่วหยิบออกมาย่อมไม่ใช่สิ่งของธรรมดา หลานไว่หู่ถือของฝากนั้น ดวงตาโค้งยิ้มดุจจันทร์เสี้ยว ดีใจจนแทบจะม้วนตัวเป็นวงกลมแล้ว

กู้ซีจิ่วกล่าว “คราวนี้ ข้านำของมาฝากให้คนมากมาย เจ้าไปแจกจ่ายเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่?”

“ได้สิ” เด็กน้อยไม่รู้จักว่าการปฏิเสธคือสิ่งใดจึงรีบถีบตัวลุกขึ้นมา

กู้ซีจิ่วพานางไปมอบของฝากให้แก่พวกเพื่อนๆ

เพื่อนของกู้ซีจิ่วมีมากมาย คนที่ต้องมอบของให้ย่อมมีไม่น้อย เมื่อเดินครบรอบหนึ่งไปก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว

ในที่สุดก็เดินมาถึงที่พักของเยี่ยนเฉินอย่างไม่รู้ตัว  ที่นี่คือที่พำนักเดิมของเยี่ยนเฉิน ซึ่งถูกแบ่งให้ศิษย์คนอื่นๆ หลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษาไป

เมื่อเยี่ยนเฉินกลับมาครานี้ เดิมทีหัวหน้าผู้ดูแลจัดห้องรับรองแยกให้เขา ทว่าเขากลับอยากอยู่ห้องที่เขาเคยอยู่ หัวหน้าผู้ดูแลคนนั้นจึงเอ่ยปากกับศิษย์ที่อาศัยอยู่ที่แห่งนี้ ศิษย์เหล่านั้นย่อมตกปากรับคำยกห้องให้แก่เขาและย้ายออกไป

—————————————————————————–

บทที่ 1463 พิธีหมั้นหมาย

ยามกู้ซีจิ่วมาถึงสถานที่แห่งนี้ เยี่ยนเฉินเพิ่งจะเก็บกวาดห้อง

เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูและเปิดประตูมาพบว่าเป็นพวกนาง เขาค่อนข้างประหลาดใจจึงเชิญพวกนางเข้ามา

ไม่ได้พบเจอกันแปดปี ชายหนุ่มที่เคยหนักแน่นเงียบขรึม มีใบหน้าไม่ประสาน้อยลง เป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบดังชายชาตรีมากขึ้นหลายส่วน

เขารินชาวางไว้ที่ข้างมือของทั้งสอง

หลานไว่หู่มองดูชา นั่นคือชาผลไม้ซึ่งนางเคยชอบมากที่สุด

นางขบเม้มริมฝีปาก กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เปลี่ยนเป็นอีกแบบได้หรือไม่?”

เยี่ยนเฉินตกตะลึง “เจ้าไม่ได้ชอบดื่มชาแบบนี้ที่สุดหรอกหรือ?”

หลานไว่หู่หลุบแพขนตา น้ำเสียงแผ่วเบาทว่าหนักแน่น “เคยชอบมาก แต่ว่าตอนนี้ไม่ชอบแล้วล่ะ ตอนนี้ข้าชอบดื่มชาหอม”

นิ้วมือเยี่ยนเฉินพลันแข็งทื่อ พยักหน้ารับในทันที “ได้ ข้าเปลี่ยนให้เจ้า”

ในขณะที่กำลังจะรินชาหอมที่อ่อนละมุนแก้วหนึ่ง หลานไว่หู่พลันเอ่ยขึ้นอีก “ข้าอยากดื่มชาเข้มและรสชาติกลมกล่อมสักหน่อย”

เยี่ยนเฉินขมวดคิ้ว “ดื่มชาเข้มตอนกลางคืนไม่เป็นผลดีต่อการนอนหลับ เจ้า…”

“ไม่เป็นไร คนไม่คิดมากอย่างข้า ดื่มชาเข้มแค่ไหนก็ยังนอนหลับได้ หลานเยวี่ยก็ชอบดื่มชาเข้มๆ ตอนกลางคืน ข้ากับเขาเหมือนกัน เป็นคนประเภทเดียวกัน พวกเราดื่มชาเข้มไม่เป็นอะไร” หลานไว่หู่ตัดบทคำแนะนำของเขา

เยี่ยนเฉินขบเม้มริมฝีปากไม่พูดจาอันใดแล้ว ชงชาที่ค่อนข้างเข้มให้นางแก้วหนึ่ง เป็นเพียงชาที่ค่อนข้างเข้มเท่านั้น ไม่ถึงขั้นชาเข้ม

ภายในห้องเงียบสงัดไปชั่วขณะ เป็นกู้ซีจิ่วที่หยิบยกเรื่องมอบของฝากให้เขาและชวนคุยเรื่องอื่นๆ ถึงได้ทำให้บรรยากาศภายในห้องดีขึ้นมาเล็กน้อย

กู้ซีจิ่วพูดถึงจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้อย่างชัดเจน อยากให้เยี่ยนเฉินกับคนสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ร่วมมือกันจัดการคนที่ปลอมตัวเป็นตี้ฝูอี

เยี่ยนเฉินย่อมตกปากรับคำ รับฟังคำสั่งของกู้ซีจิ่วทั้งหมด กู้ซีจิ่วมอบยันต์ถ่ายทอดเสียงที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษให้กับเขาหนึ่งอัน เพื่อให้ติดต่อกันได้ตลอดเวลา

เมื่อพูดคุยกับกู้ซีจิ่ว เยี่ยนเฉินไม่ได้เหลือบมองหลานไว่หู่เลย ส่วนหลานไว่หู่ก็ไม่อาจสอดปากเข้ามาในเรื่องการเมืองเหล่านี้ได้ จึงได้แต่รับฟังพลางดื่มชาอยู่ด้านข้าง

น้ำชาเย็นชืดลงอย่างไม่รู้ตัว นางยังคงดื่มอย่างออกรสออกชาติ ในที่สุดเยี่ยนเฉินก็เหลือบมองนางแวบหนึ่ง มองถ้วยชาที่เย็นลงของนาง เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เก็บกดมันเอาไว้

เขามองท้องฟ้าด้านนอก สื่อความหมายถึงการยกน้ำชาส่งแขกอย่างหนึ่ง

กู้ซีจิ่วมองดูจิ้งจอกน้อย ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ สายตาเหม่อลอยมองไปทิศทางหนึ่งไม่กะพริบ

กู้ซีจิ่วเรียกนางคราหนึ่ง นางจึงได้สติกลับคืนมา วางถ้วยชาที่เย็นชืดลงแล้วลุกขึ้นยืน

เยี่ยนเฉินเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ หยิบเทียบเชิญสีแดงสดสองใบออกมาจากหน้าอกยื่นให้ตรงหน้าของทั้งสองคน “ซีจิ่ว ไว่หู อีกครึ่งเดือนเป็นวันมงคลของข้า หวังว่าพวกเจ้าทั้งสองคนจะให้เกียรติมาร่วมงาน”

เห็นได้ชัดว่าหลานไว่หู่แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง ยื่นมือออกไปรับเทียบเชิญงานสมรสนั้นไว้ในมือ

ตอนที่ดึงมือกลับไม่ทันได้ระวัง แขนเสื้อชนเข้ากับถ้วยชาที่เย็นชืดบนโต๊ะ ตกลงพื้นดังเพล้ง

ถ้วยชาตกแตก น้ำชาไหลรินเป็นทางบนพื้น

“ขออภัย” หลานไว่หู่กล่าวคำขอโทษ น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

“เจ้าเป็นอะไรไป?” เยี่ยนเฉินจ้องมองใบหน้าพริ้มเพราของนาง “ไม่สบายหรือเปล่า?”

หลานไว่หู่ส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “มือไม้อ่อนไปชั่วขณะเท่านั้นเอง ไม่สบายอะไรที่ไหนกันเล่า? เอาเถิด นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกข้าขอตัวลา”

นางลากกู้ซีจิ่วเดินออกไป

กู้ซีจิ่วไม่พูดจาอันใด ทว่ารับรู้ได้ถึงนิ้วมือเล็กๆ อันเย็นเยือกกับฝ่ามือที่เปียกชื้นของหลานไว่หู่

เยี่ยนเฉินมองดูเบื้องหลังของหลานไว่หู่ที่วิ่งไปอย่างลุกลี้ลุกลน ดวงตาวาบไหวเล็กน้อย

เขาอ้าปากเหมือนอยากพูดบางสิ่ง ท้ายที่สุดก็เก็บกดเอาไว้

บนเทียบเชิญงานสมรสสีแดงสดเต็มไปด้วยดอกบัวแฝด ชื่อของทั้งสองคนด้านบนดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

พิธีหมั้นหมายระหว่างเยี่ยนเฉินกับเหลิ่งอู๋ซวง ขอเชิญเพื่อนรักหลานไว่หู่ร่วมเป็นเกียรติ

หลังจากกลับมาหลานไว่หู่ก็นั่งบนโต๊ะ เอาแต่เหม่อลอยมองเทียบเชิญงานสมรสสีแดงสดนั้น

————————————————————————————

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset