บทที่ 1486 มารดาเยี่ยนมาเยือน 6
“เอ๊ะ นางให้บทเรียน ผิดงั้นหรือ?”
เยี่ยนฮูหยินส่ายหน้า “ก็มิผิด ข้ารับใช้เหล่านั้นนินทาเจ้านาย สมควรได้รับบทเรียนจริงๆ เพียงแต่เด็กคนนี้มือหนักไปหน่อย…เกือบเอาชีวิตพวกนางไปเสียแล้ว ความจริงหากข้ารับใช้ทำไม่ถูก ก็ไปบอกพ่อบ้านที่รับผิดชอบเรื่องนี้ในคฤหาสน์ ให้พ่อบ้านลงโทษพวกนางสถานหนัก เจ้านายลงไม้ลงมือให้บทเรียนด้วยตัวเอง ช่างเสียเกียรติยิ่งนัก อย่างไรเสีย ไว่หู่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ อู๋ซวงก็ต่อว่านางไปเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่านางเดือดดาลทุบตีแม้กระทั่งอู๋ซวง หากข้ารีบไปไม่ทันกาล อู๋ซวงคงต้องจบชีวิตไปแล้ว…เฮ้อ ข้าเองก็โกรธ อีกทั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเห็นไว่หู่เป็นคนนอก รักนางเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่ง กลัวว่านางจะก้าวพลาดทำผิดอันใดจนถูกผู้คนติฉินนินทา ดังนั้นจึงสั่งสอนนางไม่กี่คำ นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้กลับควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้แต่ข้าก็ถูกถีบลงไปในทะเลสาบเกือบจะจมน้ำตาย…
เมื่อนางพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมาราวกับภาพฉากในตอนนั้นปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าเห็นได้ชัดว่านางบิดเบือนข้อเท็จจริง
หากกู้ซีจิ่วไม่ได้เห็นภาพฉากที่แท้จริงในความทรงจำของจิ้งจอกน้อย เกรงว่าคงรู้สึกว่าจิ้งจอกน้อยทำไม่ถูกเช่นกัน
ดวงหน้าน้อยๆ ของหลานไว่หู่ซีดขาว นิ้วมือกระชับแน่นขึ้นมาทันใด!
กู้ซีจิ่วยังคงสงบนิ่ง เพียงแค่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “จิ้งจอกน้อยไม่เคยมีนิสัยแบบนี้มาก่อน ฮูหยินจำผิดแล้วกระมัง?”
เยี่ยนฮูหยินส่ายหน้า “จะจำผิดได้อย่างไร? หลังจากเรื่องครานั้น ไว่หู่นางก็ออกจากตระกูลเยี่ยนของข้าไป กลับมาที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ และตัดขาดความสัมพันธ์กับเยี่ยนเฉินเพราะเรื่องนี้ ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงมันขึ้นมาก็เสียใจยิ่งนัก เด็กคนนี้ไม่มีพ่อไม่มีแม่ เดิมทีจิตใจอ่อนไหวอยู่แล้ว ตอนนั้นข้าควรพูดกับนางดีๆ…”
กู้ซีจิ่วกล่าว “ไม่ทราบว่าพวกข้ารับใช้เหล่านั้นนินทาอะไรจึงทำให้นางเดือดดาลเช่นนั้น? ตอนนั้นแม่นางเหลิ่งพูดอะไร? หลังจากเยี่ยนฮูหยินมาแล้วพูดอะไรอีกหรือ? เล่าให้ข้าฟังสักหน่อย ข้าจะได้เป็นทูตเชื่อมสัมพันธไมตรีให้พวกท่านด้วย จิ้งจอกน้อยเชื่อฟังข้าเสมอมา ข้ามองนางเป็นน้องสาวแท้ๆ นางทำผิดข้าก็มีสิทธิสั่งสอนนาง แน่นอนว่าหากนางถูกกลั่นแกล้ง ข้าในฐานะพี่สาวก็ต้องให้ความยุติธรรมแก่นาง ไม่อาจให้นางได้รับความอยุติธรรมเปล่าๆ!”
เยี่ยนฮูหยินตกตะลึง รีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ล้วนเป็นคำพูดด้วยอารมณ์ทั้งนั้น มันก็เนิ่นนานมาแล้ว ผู้ใดยังจำคำพูดเหล่านั้นได้เล่า?” แล้วจึงพูดกับหลานไว่หู่อย่างรักใคร่เอ็นดู “ไว่หู่ ตอนนั้นอาสะใภ้ก็โกรธมาก พูดจารุนแรงไปบ้าง เช่นนี้แล้วกัน อาสะใภ้ขอโทษเจ้า อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยอีกเลยดีไหม?”
ถ้อยคำเหล่านี้ของนางพูดได้อย่างใจกว้างเหลือเกิน แต่กลับเผยให้เห็นถึงความกล้ำกลืนเพื่อบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น ท่าทีที่ผู้ใหญ่ยอมลดตัวลงมาเท่ากับผู้น้อย ทำให้กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ยกนิ้วให้กับวิธีการของนาง!
คนเยี่ยงนี้หากเป็นจอมนางในวังหลวงก็เป็นยอดฝีมือ จิ้งจอกน้อยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลยสักนิด มิน่าถึงได้เสียเปรียบถึงขนาดนี้ ซ้ำยังเป็นคนใบ้กินหวงเหลียน ขมแต่พูดไม่ออก ต้องทนทุกข์ทรมานทว่าไม่อาจเอื้อนเอ่ยได้
ใบหน้างดงามของหลานไว่หู่ซีดเผือด ยังคงไม่พูดไม่จา
เยี่ยนฮูหยินยังกล่าวอีก “ไว่หู่ เจ้าเติบโตมาในตระกูลเยี่ยน ข้าไม่เคยมองเจ้าเป็นคนนอก ถึงแม้เจ้ากับเฉินเอ๋อร์ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว แต่ยังคงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน พวกเรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน ครานี้เฉินเอ๋อร์กำลังจะหมั้นหมายกับอู๋ซวง ข้าตั้งใจนำเทียบเชิญมาโดยเฉพาะ เพื่อเชิญเจ้ากับพวกศิษย์พี่น้องของเจ้าไปร่วมงานสมรสของพวกเขา จริงสิ อาสะใภ้ได้ยินว่าเจ้ากับคุณชายหลานเยวี่ยมีสัญญาหมั้นหมายต่อกัน คุณชายหลานเยวี่ยเป็นผู้มีความสามารถ อาสะใภ้ดีใจกับเจ้ายิ่งนัก ข้าได้ยินว่าคุณชายหลานเยวี่ยเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกคราม บังเอิญจริงๆ ท่านยายของอู๋ซวงก็เคยเป็นคนเผ่าจิ้งจอกคราม เช่นนั้นดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์ของพวกเราจะยิ่งนับว่าแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก ต่อไปพวกเจ้าทั้งสองคู่ต้องรักใคร่ปรองดองกันให้มากๆ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะได้กลายเป็นเรื่องราวดีๆ”
———————————————————————-
บทที่ 1487 เปิดโหมดตบหน้า
เยี่ยนฮูหยินสมแล้วที่เป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่หลบเลี่ยงหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่ได้สำเร็จ ยังทำให้เห็นถึงความใจกว้างของนางได้อย่างชัดเจน หากกู้ซีจิ่วไม่อยู่ตรงนี้ เกรงว่าต่อให้จิ้งจอกน้อยโกรธจนกระอักเลือดก็ไม่มีทางพูดจาอันใดออกมาได้
ขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อน มารดาของเยี่ยนเฉินผู้นี้ไม่ธรรมดาเสียเลยจริงๆ!
กู้ซีจิ่วยิ้ม “เยี่ยนฮูหยินช่างใจกว้างเสียจริง ซีจิ่วขอชื่นชม”
นิ้วมือหลานไว่หู่พลันแข็งทื่อ นางหันหน้ามองกู้ซีจิ่ว อดไม่ได้ที่จะส่งกระแสเสียงหานาง ‘ซีจิ่ว เจ้า…เจ้าก็เชื่อคำพูดนางหรือ?’
กู้ซีจิ่วส่งกระแสเสียงตอบกลับ ‘จิ้งจอกน้อย เรื่องบางเรื่องที่ควรพูดก็ต้องพูด เจ้าไม่อยากพูดว่าคนอื่นไม่ดี ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่กล่าวหาเจ้า! ข้ารู้จักเจ้า ดังนั้นข้าจึงเชื่อเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเชื่อในตัวเจ้าเหมือนกัน ไม่ว่าต่อไปเจ้ากับเยี่ยนเฉินจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องในตอนนั้นหากเจ้ารู้สึกได้รับความอยุติธรรมก็ควรรื้อฟื้นความจริง’
หลานไว่หู่นิ่งงัน เหมือนโดนสะกิดใจ
กู้ซีจิ่วส่งกระแสเสียงอีกครั้งหนึ่ง ‘อีกเดี๋ยวข้าถามอะไรเจ้า เจ้าก็ตอบตามความเป็นจริง ทำได้หรือไม่?’
หลานไว่หู่พยักหน้า ‘ได้!’
กู้ซีจิ่วโค้งยิ้มมุมปาก ดีมาก เช่นนั้นเธอก็จะเริ่มเปิดโหมดตบหน้าแล้ว!
กู้ซีจิ่วเพียงกล่าวคำเยินยอ ทำให้เยี่ยนฮูหยินพึงพอใจยิ่งนัก “แม่นางกู้เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่หวังว่าครอบครัวรักใคร่ปรองดอง ไม่เก็บเอามาใส่ใจว่าใครจะผิดหรือถูก เพียงหวังว่าเด็กรุ่นเยาว์อย่างพวกเจ้าจะเข้ากันได้ดี…”
กู้ซีจิ่วตัดบทนาง “เยี่ยนฮูหยินกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง เรื่องราวบนโลกใบนี้มักต้องให้ความสำคัญกับความผิดชอบชั่วดี หากมีเพียงรักใคร่ปรองดองแค่รสชาติเดียว แล้วเก็บกดความน่ารังเกียจไว้ภายใต้ความรักใคร่ปรองดอง เช่นนั้นก็เหมือนน้ำเหลืองภายใต้รอยแผลเป็น ต้องมีสักวันที่ทำให้ผิวหนังเน่าเปื่อย มิสู้เปิดรอยแผลเป็นนี้แล้วขูดเอาน้ำเหลืองที่ควรขูดออกออกมาเสีย ถึงจะได้หายขาด เรื่องราวระหว่างฮูหยินกับจิ้งจอกน้อยก็เป็นเยี่ยงนี้ เรื่องบางเรื่องยังคงต้องพูดออกมาให้หมดจะดีกว่า มิเช่นนั้น คนที่ได้รับความอยุติธรรมก็ไม่รับไปเสียเปล่าหรอกหรือ? ฮูหยินอาจจะเป็นคนใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องที่ผ่านมา ทว่าบางทีจิ้งจอกน้อยอาจยังมีความอยุติธรรมมากมายภายในใจนี่? บัดนี้ทั้งสามคนล้วนอยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็ให้ทั้งสามคนเผชิญหน้ากันดีกว่า หลังจากพูดออกมาหมดแล้วค่อยรักใคร่ปรองดองกันก็มิสาย”
เยี่ยนฮูกยินตกตะลึง “นี่…เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
เหลิ่งอู๋ซวงสงบสติอารมณ์ไม่ไหวแล้ว “นางมีความอยุติธรรมอันใด? ตอนนั้นนางทุบตีข้ายังพอให้อภัยได้ แต่นางใช้เท้าถีบฮูหยินลงไปในทะเลสาบ เนรคุณเยี่ยงนี้ ฮูหยินไม่ได้ถือโทษโกรธนางแล้ว นางยังต้องการอะไรอีก?”
ใบหน้างดงามของกู้ซีจิ่วเย็นชาเล็กน้อย “ถึงได้อยากทำให้เห็นผิดชอบชั่วดีนี่อย่างไรเล่า เยี่ยนฮูหยิน แม่นางเหลิ่งโปรดวางใจ ถึงแม้ที่นี่คือสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ทว่าก็เป็นสถานที่ที่ให้ความสำคัญเรื่องความยุติธรรมมากที่สุด หากจิ้งจอกน้อยผิดจริง อย่าว่าแต่ผู้อื่น ตัวข้านี่แหละจะเป็นคนแรกที่ลงโทษนาง! จิ้งจอกน้อย เจ้าอยากพูดเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่างที่นี่หรือไม่?”
หลานไว่หู่ทอดถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง “อยาก!”
กู้ซีจิ่วแย้มยิ้มเล็กน้อย มองไปทางเยี่ยนฮูหยิน “ฮูหยินกล้าพูดให้กระจ่างชัดเจนที่นี่หรือไม่เล่า?”
เยี่ยนฮูหยินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าไม่อยากโต้เถียงกับเด็กรุ่นเยาว์…”
กู้ซีจิ่วเอ่ยอย่างเรียบเฉย “วางใจเถิด เพียงแค่ทุกคนพูดออกมาอย่างใจเย็น ไม่จำเป็นต้องโต้เถียง แน่นอนว่าเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ใดใช้ข้ออ้างของกาลเวลาที่ล่วงเลยเนิ่นนานมาโป้ปด ซีจิ่วต้องการให้ทั้งสามคนให้สัตย์สาบาน เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งหมดที่พูดออกมาเป็นความจริง”
สายตาเยี่ยนฮูหยินพลันสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าไม่ยินยอม “นี่…ข้ามาเพื่อเชิญทุกคนไปดื่มสุรามงคล ไม่ได้มาโต้เถียงเรื่องเก่าที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้วเหล่านั้น”
กู้ซีจิ่วโค้งริมฝีปากยกยิ้ม “ฮูหยินบ่ายเบี่ยงเยี่ยงนี้ หรือว่ามีลับลมคมในอันใด ไม่กล้าเผชิญหน้างั้นหรือ?”
————————————————————————–