บทที่ 1490 เปิดโหมดตบหน้า 4
วาจานี้ของเยี่ยนเฉินเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของมารดาเยี่ยนออกมา ทำให้นางโต้แย้งไม่ได้ไปชั่วขณะ
ชะงักไปครู่หนึ่ง ถอนหายใจแล้วกล่าว “ต่อให้แม่เป็นผู้หยิบยกขึ้นมา แต่เรื่องนี้ก็พูดออกไปแล้ว อู๋ซวงก็อยู่ที่นี่ด้วย ต่อให้เจ้าจะกล่าวว่าเป็นเรื่องล้อเล่น ก็เกรงว่าจะกล่าวไม่ได้แล้ว มิสู้ปล่อยตามเลยไปเสีย อู๋ซวงไม่ว่าจะเป็นชาติตระกูลหรือว่ารูปโฉมล้วนแต่อยู่ในระดับสูง มารยาทก็ดี อ่อนหวานเยือกเย็น รู้หนังสือทราบหลักการ อีกทั้งพวกเราสองตระกูลก็คบหาสนิทสนมกัน…” มารดาเยี่ยนแจกแจงข้อดีของเหลิ่งอู๋ซวง
อันที่จริงถ้อยคำเหล่านี้มารดาเยี่ยนพูดกรอกหูเยี่ยนเฉินมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว เยี่ยนเฉินฟังจนหูแทบด้านแล้ว!
“ด้วยเหตุผลนี้ท่านแม่จึงทำทุกวิถีทางเพื่อบีบให้จิ้งจอกน้อยจากไปใช่ไหมขอรับ?” เยี่ยนเฉินกล่าวขัดนาง สุ้มเสียงแฝงความเศร้าสร้อยไว้รางๆ
มารดาเยี่ยนพูดไม่ออกแล้ว ประโยคนี้จี้จุดของนางเข้าอย่างจัง นางชะงักไปครู่หนึ่ง ยังไม่คิดจะยอมรับ “เฉินเอ๋อร์ ทำไมพูดแบบนี้? วันเวลาที่ไว่หู่พำนักอยู่บ้านของพวกเราคนอื่นไม่รู้ หรือว่าเจ้าก็ไม่รู้ไปด้วย? มอบเรือนที่ดีที่สุดให้นางพำนัก ใช้เครื่องเรือนที่ดีที่สุด เมื่อนางล้มป่วยแม่ก็เข้าครัวตุ๋นน้ำแกงทำอาหารบำรุงให้นางด้วยตัวเอง…เรื่องเหล่านี้เจ้าล้วนเห็นกับตามาแล้ว ยามนี้เจ้ามาพูดเช่นนี้ ไม่ละอายใจบ้างหรือ?”
“ดังนั้นลูกจึงอยากทราบความจริง หวังว่าท่านแม่จะเมตตาให้ได้สมหวัง!” เยี่ยนเฉินค้อมกายคำนับ
แม้มารดาเยี่ยนเผลอ หัวข้อสนทนาก็วกกลับมาที่เดิมอีกครั้ง นางขมวดคิ้วนิดๆ กำลังจะเบี่ยงประเด็นสนทนาอีกครั้ง กู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มแวบหนึ่งแล้วเอ่ยสอด “ใช่แล้ว เยี่ยนฮูหยิน เรื่องนี้ขาดแคลนความเป็นจริงไปจริงๆ นั้นแหละ ยากนักที่คนในเรื่องจะอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้า เหตุใดทุกคนไม่พูดออกมาต่อหน้ากันล่ะ? และหวังว่าเยี่ยนฮูหยินจะไม่เบี่ยงหัวข้อสนทนาไปอีก นอกเสียจากเยี่ยนฮูหยินจะกินปูนร้อนท้องจริงๆ!”
คนอื่นๆ ก็พากันเอ่ยแทรกเข้ามา ล้วนอยากทราบความจริงกันทั้งสิ้น
เยี่ยนฮูหยินอดสูจนกลายเป็นเดือดดาล ลุกพรวดขึ้นมาทันที “นี่พวกเจ้าจะเคี่ยวกรำเพื่อให้คนยอมรับผิดงั้นหรือ? สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ปฏิบัติต่อแขกเช่นนี้สินะ?!”
“มิกล้า!” จู่ๆ ก็มีเสียงกังวานปานระฆังใบใหญ่แว่วมาจากด้านนอก “สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ยุติธรรมเสมอมา ไม่ข่มเหงรังแกผู้ใด แต่คนของสำนักศึกษาชุมนุสวรรค์ก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นมาข่มเหงได้ตามอำเภอใจเช่นกัน! ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าฮูหยินพูดความจริง หากว่าเหล่ารุ่นเยาว์ทำผิด ฉานโม่จะพาพวกนางไปขอขมาต่อฮูหยินด้วยตัวเอง และจะช่วยฮูหยินเกลี้ยกล่อมเยี่ยนเฉินด้วย เป็นธุระจัดการเรื่องวิวาห์ของเขากับแม่นางเหลิ่งให้ลุล่วง ฮูหยินคิดเห็นประการใด?” กู่ฉานโม่สืบเท้าก้าวเข้ามาจากด้านนอก
เยี่ยนฮูหยินตะลึงงัน ใบหน้านางซีดเผือดเล็กน้อย กระอักกระอวนอยู่พักหนึ่งถึงได้เอ่ยขึ้น “นี่…ไว่หู่เติบใหญ่ในบ้านของข้า นี่…นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของพวกเรา”
“ฮูหยินกล่าวผิดแล้ว! ไว่หู่เพียงเคยถูกเลี้ยงดูอยู่ในตระกูลของท่านเท่านั้น หาใช่คนสกุลเยี่ยนไม่ ยามนี้นางเป็นคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้ว สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ย่อมไม่อาจปล่อยปละละเลยได้!” สีหน้ากู่ฉานโม่เคร่งขรึม เขาขึ้นชื่อลือชาเรื่องปกป้องพวกพ้อง ในสายตาของเขาศิษย์ทุกคนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ล้วนเปรียบเสมือนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ไม่ยอมให้ผู้อื่นมาดูหมิ่นได้
ในเมื่อหัวข้อสนทนาดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เยี่ยนฮูหยินจึงไร้หนทางถอย นางตัดสินใจในทันใด สายตาร่อนลงบนร่างหลานไว่หู “ไว่หู่ ปีนั้นอาสะใภ้เข็มงวดกับเจ้าเกินไปหน่อยจริงๆ แต่ก็เป็นเพราะหวังดีต่อเจ้า…”
นางเพิ่งกล่าวมาถึงตรงนี้ ก็ถูกกู้ซีจิ่วเอ่ยขัดอีกครั้ง “เยี่ยนฮูหยิน เวลานี้ไม่จำเป็นต้องหงายไพ่ความเป็นครอบครัวแล้ว และไม่จำเป็นต้องบอกว่าท่านหวังดีต่อนางหรือไม่ ขอเพียงพูดความจริงในปีนั้นออกมาก็พอ”
เยี่ยนฮูหินถูกตอกหน้าจนทึ่มทื่อไปแล้ว
กู้ซีจิ่วมองไปที่หลานไว่หู่อีกครั้ง กล่าวอย่างอ่อนโยน “จิ้งจอกน้อย เจ้าเล่าเรื่องราวในปีนั้นอย่างละเอียดออกมาต่อหน้าฝูงชนเถอะ ไมอนุญาตให้เพิ่มเติมเสริมแต่ง ไม่อนุญาตให้โป้ปด หากโป้ปดแม้เพียงประโยคเดียว ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเจ้าทุกอย่าง!”
————————————————————————-
บทที่ 1491 เปิดโหมดตบหน้า 5
หลานไว่หู่สูดหายใจเบาๆ พยักหน้าเล็กน้อย “ได้!”
แต่ว่าเรื่องราวมากมายเหลือเกิน นางจึงไม่รู้ว่าควรเริ่มพูดจากตรงไหนไปชั่วขณะ ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องราวเหล่านั้นก็ยิบย่อยยิ่งนัก ล้วนเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กระจุกกระจิกที่ทำร้ายคนยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วจึงเสนอความเห็น “แบบนี้แล้วกัน ข้าถาม เจ้าตอบมา”
พลางเหลือบมองเยี่ยนฮูหยินอีกแวบหนึ่ง “หากว่ามีจุดไหนที่นางพูดผิด ฮูหยินก็สามารถแย้งออกมาได้ทันที”
บัดนี้เยี่ยนฮูหยินก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้ว ถึงอย่างไรเรื่องราวก็ผ่านมาเนิ่นนานปานนี้แล้ว จิ้งจอกน้อยก็อาจจดจำได้ทั้งหมดไม่ได้เช่นกัน อีกอย่างหากว่าพูดไปแล้ว นางกัดฟันไม่ยอมรับเสียอย่างก็พอ ถึงอย่างไรก็ไม่อาจพิสูจน์ได้
ทว่ากู้ซีจิ่วมองแผนการของนางออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ยกมุมปากขึ้นแวบหนึ่งเอ่ยออกมา “ฮูหยิน ครั้งนี้พวกเราเพียงต้องการรื้อฟื้นความจริง เพื่อความยุติธรรม พวกท่านทั้งสามคนล้วนต้องเอ่ยสาบาน”
เยี่ยนฮูหยินขมวดคิ้ว “สาบานอะไร?”
กู้ซีจิ่วกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ใช้คนที่ใกล้ชิดกับพวกท่านที่สุดมาเอ่ยสาบาน เยี่ยนฮูหยิน ท่านก็ใช้ความผาสุกทั้งชีวิตของเยี่ยนเฉินมาสาบานสิ หากว่าท่านพูดเท็จ เขาจะหาความสุขไม่ได้ชั่วชีวิต โดดเดี่ยวเดียวดายไปทั้งชาติ!”
เยี่ยนฮูหยินหน้าเปลี่ยนสีแล้ว เอ่ยอย่างโกรธเคือง “แม่นางกู้ เฉินเอ๋อร์ก็เป็นสหายร่วมสำนักของเจ้า เจ้าสาปแช่งเขาเช่นนี้ได้อย่างไร?!”
“ท่านแม่ ข้าไม่กลัวคำสาปแช่ง! ขอเพียงท่านแม่พูดความจริง ลูกย่อมไม่ต้องรับผลจากคำสาปแช่งเช่นนี้” เยี่ยนเฉินเปิดปากอีกครั้ง
เยี่ยนฮูหยินพูดไม่ออกแล้ว
นางทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่จิ้งจอกน้อยให้จำเรื่องราวที่ผ่านมาได้ไม่กระจ่าง แต่หลานไว่หู่ถูกเรื่องเหล่านี้รังควานจนก่อเป็นฝันร้ายมานานถึงเพียงนี้ แล้วจะจำได้ไม่กระจ่างได้อย่างไร?!
ส่วนการตั้งคำถามของกู้ซีจิ่วก็มีชั้นเชิงยิ่งนัก ทุกคำถามล้วนตรงประเด็น
จิ้งจอกน้อยก็ตอบไปตามความจริง ค่อยๆ รื้อฟื้นความจริงในปีนั้นออกมา…
มีหลายครั้งยิ่งนักที่เยี่ยนฮูหยินจะปั้นคำโต้แย้งอยู่เสมอ แต่นางก็ไม่กล้าเอาความสุขทั้งชีวิตของเยี่ยนเฉินมาเสี่ยง…
เยี่ยนเฉินอยู่ด้านข้างคอยฟังอย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวเล็กน้อย สายตานิ่งอยู่ที่ร่างของหลานไว่หู่ แววปวดร้าวในดวงตาค่อยๆ ทวีขึ้น
เขารู้ว่าในปีนั้นจิ้งจอกน้อยได้รับความอยุติธรรมแน่นอน เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นความอยุติธรรมเช่นนี้ มารดาของตนต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง บีบคั้นจิ้งจอกน้อยที่ใสซื่อไร้เดียงสาจนแทบจนตรอก…
เมื่อเล่ามาถึงเรื่องราวช่วงสุดท้ายริมทะเลสาบเหล่านั้น จิ้งจอกน้อยก็เล่าสาวใช้ที่นินทาว่าร้ายสองคนนั้นรวมถึงถ้อยคำทั้งหมดที่เหลิ่งอู๋ซวงและเยี่ยนฮูหยินล่าวออกมา ทวนออกมาทีล่ะประโยค แทบไม่ผิดเลยสักประโยค!
ฝูงชนที่รับฟังอยู่ด้านข้างต่างกำหมัดแน่นแล้ว!
สายตาที่มองเยี่ยนฮูหยินเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อและหมิ่นแคลนอย่างล้ำลึก!
ฮูหยินคนหนึ่งที่ดูสง่างามสูงศักดิ์เช่นนี้กลับด่าทอรุ่นเยาว์คนหนึ่งอย่างระคายหูปานนี้ได้ ไม่ต่างอะไรกับหญิงปากตลาดบนท้องถนนเลย มิน่าเล่าถึงทำให้จิ้งจอกน้อยเดือดดาลจนถีบนางลงแม่น้ำไป…
หมิ่นแคลนถึงบุพการีผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ล้วนต้องสู้ตายกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว!
นี่ไม่ใช่การสั่งสอนผู้เยาว์ธรรมดาๆ แล้ว
ชัดเจนยิ่งนักว่านี่เป็นดูถูกผู้อื่น ข่มเหงรังแกผู้ไร้บิดามารดา คิดจะฉวยโอกาสบีบคั้นให้ผู้อื่นต้องจากไป!
ไม่แปลกเลยที่จิ้งจอกน้อยจะจากมา และแตกหักกับเยี่ยนเฉิน…
ไม่มีเด็กสาวคนใดทนรับเรื่องแบบนี้ได้หรอก!
ใบหน้าของเยี่ยนฮูหยินเห่อร้อน คำให้การของจิ้งจอกน้อยเป็นการตบหน้านางต่อหน้าฝูงชนโดยแท้! ตบจนเกิดเสียงดังเพียะๆ ซ้ำยังเป็นความจริงทั้งสิ้น นางไม่อาจโต้แย้งได้เลย
อย่างมากก็พูดได้เพียงว่าตนติเพื่อก่อ อยากให้จิ้งจอกน้อยเติบใหญ่เป็นลูกสะใภ้ที่ได้มาตรฐานอะไรทำนองนั้น
แต่คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนมใช่เด็กน้อยวัยไม่กี่ขวบ ไหนเลยจะซื่อบื้อปานนั้น?! สายตาที่มองนางจึงดูแคลนยิ่งกว่าเดิม!
หากมิใช่เพราะเห็นแก่หน้าเยี่ยนเฉิน เกรงว่าฝูงชนคงลงมือซ้อมคนไปแล้ว!
——————————————————————