บทที่ 1496 ภูมิหลังของจิ้งจอกน้อย 4
จางฉูฉู่หัวเราะเริงร่า ตบฝ่ามือลงเป็นบ่าของหลานไว่หู่ครั้งหนึ่ง “จิ้งจอกน้อย ไม่ธรรมดานะนี่! ที่แท้เจ้าก็มีฐานะสูงส่งถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเปล่งประกายจนทำให้คนเจ้ายศเจ้าอย่างบางคนตาบอดไปเลยจริงๆ! คนบางคนตั้งใจอยากให้ลูกชายผูกมิตรกับคนฐานะสูงส่ง นึกไม่ถึงว่ากลับคว้าเมล็ดงาทว่าทิ้งแตง[1] ฮ่าๆ บางทีที่นางคว้าได้อาจไม่นับว่าเป็นเมล็ดงาด้วยซ้ำ เป็นเพียงแค่ก้อนกรวดเท่านั้น…”
สีหน้ามารดาเยี่ยนซีดเผือดก่อน จากนั้นจึงแดงก่ำ สายตาไม่เชื่อหันเหไปยังร่างของหลานไว่หู่ นัยน์ตาแปลกประหลาด ไม่เชื่อถือ และขัดขืนดิ้นรน บ่นงึมงำ “ข้าไม่เชื่อ…”
หลานเยวี่ยก็เป็นคนตรงไปตรงมายิ่งนัก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เดิมที รูปลักษณ์ที่แท้จริงของนางไม่ควรให้คนทั่วไปอย่างพวกเจ้าได้เห็น ทว่าเพื่อให้เจ้ายอมรับทั้งปากและใจ ข้าจะช่วยให้นางหวนคืนรูปลักษณ์ที่แท้จริงให้ทุกคนเห็นก็ได้ เจ้าสำนักกู่จำสัญลักษณ์ของเผ่าจิ้งจอกครามได้ ท่านตรวจสอบดูเสียหน่อยแล้วกัน”
ชายเสื้อเขาพลันสะบัดบนร่างของหลานไว่หู่ หลานไว่หู่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกบังคับให้แปลงกายอีกครั้งโดยฉับพลัน…
เดิมทีคนเผ่าจิ้งจอกครามงดงามยิ่งนัก มีเสน่ห์น่าดึงดูดภายในอย่างหนึ่ง หลังจากหลานไว่หู่หวนคืนรูปลักษณ์ที่แท้จริง รูปลักษณ์นั้นงดงามจนแทบจะใช้คำว่าใจหายใจคว่ำมาอธิบายได้ ปกคลุมไอเซียนบนร่างกายเอาไว้ไม่อยู่…
หากทุกคนยังคงสงสัยในถ้อยคำที่หลานเยวี่ยพูดก่อนหน้านี้ เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของจิ้งจอกน้อยในเวลานี้ก็จะไม่สงสัยอีกต่อไป หลานไว่หู่เป็นคนเผ่าจิ้งจอกครามโดยแท้จริง! อีกทั้งยังเป็นคนเผ่าจิ้งจอกครามที่มีสายเลือดสูงส่งที่สุด!
สายเลือดเช่นนี้แม้แต่ฮ่องเต้ในโลกมนุษย์ยังไม่คู่ควร ไม่รู้ว่าสูงส่งกว่าสายเลือดอะไรนั่นของเหลิ่งอู๋ซวงไปกี่ช่วงเขา! เหลิ่งอู๋ซวงยังไม่มีคุณสมบัติแม้แต่ยกกระโถนปัสสาวะของนางเลย
มารดาเยี่ยนยืนสิ้นสติอยู่ตรงนั้น มือและเท้าล้วนสั่นสะท้าน ที่แท้คนที่นางพยายามกีดกัดทุกวิถีทางกลับเป็นคู่ครองที่ดีที่สุดของลูกชาย…
นางอดไม่ได้ที่จะมองหลานไว่หู่ “ไว่หู่…”
แม้หนังหน้านางจะหนาแค่ไหน ทว่าในเวลานี้กลับพูดถ้อยคำทวงคืนแทนลูกชายไม่ออก
หลานไว่หู่หลุบตาลงเล็กน้อยไม่มองนาง หันหน้าตามหาจะพูดคุยกับกู้ซีจิ่ว
หลานเยวี่ยยกมือดึงหลานไว่หู่ไว้ข้างกายตนเอง กล่าวด้วยรอยยิ้มสบายใจ “เยี่ยนฮูหยินเสียใจแล้วกระมัง? เสียใจตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว! บัดนี้ ไว่หู่เป็นคู่หมั้นของข้าหลานเยวี่ยแล้ว อีกไม่นานข้าจะพานางกลับไปแต่งงาน ถึงเวลานั้นหากเยี่ยนฮูหยินต้องการดื่มสุรามงคล ข้าจะส่งสักกามาให้ท่านเพื่อเห็นแก่ฐานะที่ท่านเคยเลี้ยงดูนางมา”
สีหน้าเยี่ยนฮูหยินซีดเผือด เสียใจจนลำไส้เขียวคล้ำหมดแล้ว!
ทว่านางก็ยังไม่ยอมลดละ! อย่างไรเสียนางรู้ว่าหลานไว่หู่รักลูกชายตนเองด้วยใจจริง มิเช่นนั้น ตอนนั้นคงไม่ทนแบกรับความอยุติธรรมมากมายขนาดนั้น
ดังนั้น นางกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง “ไว่หู่ เจ้าชอบคุณชายหลานผู้นี้ด้วยใจจริงหรือ? ความจริง สองปีที่ผ่านมาเฉินเอ๋อร์ยังคงไม่ลืมความรักที่มีต่อเจ้า…”
นางกำลังคิดที่จะสาธยายร่ายยาวเพื่อทำให้จิ้งจอกน้อยซาบซึ้ง เยี่ยนเฉินตะโกนออกมาโดยไม่ทันได้ระวัง “พอได้แล้ว!”
มารดาเยี่ยนสะอึกเล็กน้อย “เฉินเอ๋อร์…”
เยี่ยนเฉินยิ้มเศร้าหมอง “ท่านแม่ ละครขบขันฉากนี้ควรจบลงได้แล้ว! เรื่องของลูกไม่ต้องรบกวนท่านเป็นกังวลอีกต่อไป!”
“แต่ไว่หู่…เจ้าไม่เคยลืมนางได้เลย แม่เห็นมาตลอด…”
“ท่านแม่คิดมากเกินไปแล้ว ต่อไปข้าจะรักไว่หู่เหมือนน้องสาว เชิญท่านแม่กลับไปเสียเถิด!” เยี่ยนเฉินสะบัดชายเสื้อพลันเดินจากไป เขาจากไปอย่างรีบร้อน ตอนออกไปเกือบชนเข้ากับวงกบประตู! ทว่ายังคงจากไปโดยไม่หันกลับมา
หัวใจกู้ซีจิ่วหนักอึ้งเล็กน้อย ความจริงวันนี้คนที่อึดอัดใจที่สุดก็คือเขา…
คนที่แข็งแกร่งอย่างเขา กลับก้าวมาถึงจุดนี้ได้เพราะมารดาของตนเอง สองปีมานี้เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อทวงคืนจิ้งจอกน้อยมาโดยตลอด ถึงขนาดใช้เทียบเชิญงานแต่งงานปลอม…
———————————————————————–
บทที่ 1497 ภูมิหลังของจิ้งจอกน้อย 5
หากว่าจิ้งจอกน้อยยังคงเป็นจิ้งจอกน้อยคนนั้น มิใช่ธิดาราชครูผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าจิ้งจอกคราม บางทีเขาอาจจะยังไม่ยอมแพ้ ยังคงทุ่มเทช่วงชิงอย่างสุดกำลัง
แต่ยามนี้กลับเปิดเผยออกมาเช่นนี้แล้ว ด้วยความทระนงของเยี่ยนเฉิน เกรงว่าต่อให้เขาไม่อยากยอมแพ้ก็ต้องยอมแพ้แล้ว…
สายตาของกู้ซีจิ่วร่อนลงบนร่างหลานเยวี่ย เจ้าคนผู้นี้ยิ้มแต้อยู่ตลอด แต่แววตากลับเฉียบขาดแกร่งกร้าว เห็นได้ชัดว่าต้องการคว้าจิ้งจอกน้อยมาให้ได้
คนผู้นี้ไม่ธรรมดายิ่งนักจริงๆ เล่ห์เหลี่ยมก็ลึกล้ำ วันนี้เขาเปิดเผยภูมิหลังของจิ้งจอกน้อยออกมาต่อหน้าผู้คนมองเผินๆ คือการระบายแค้นแทนจิ้งจอกน้อย แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะเข้าใจนิสัยของเยี่ยนเฉิน ทราบว่าหลังจากเขารู้เช่นนี้แล้ว จะต้องไม่ยื้อแย่งช่วงชิงอีกเป็นแน่…
วันนี้หลานเยวี่ยผู้นี้กำจัดศัตรูตัวฉกาจคนหนึ่งออกไปได้แล้วจริงๆ! หลานเยวี่ยเป็นคนมีความสามารถผู้หนึ่ง! มิเสียทีที่เป็นว่าที่ประมุขเผ่าจิ้งจอกคราม…
เยี่ยนฮูหยินและเหลิ่งอู๋ซวงจากไปอย่างหน้าม่อยคอตก เห็นแก่หน้าเยี่ยนเฉิน ทุกคนจึงปล่อยไปสักครั้ง ไม่ได้สร้างความลำบากให้พวกนาง เพียงแต่ไม่มีผู้ใดคิดจะส่ง เดินจากไปอย่างเย็นชาเสีย
ส่วนเยี่ยนเฉิน ยามที่เขาไปจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เขาทระนงเหลือเกิน ด้วยบาดเจ็บลึกล้ำเกินไป ต้องการหาสถานที่ไร้ผู้คนเพื่อหลบเลียแผลใจของตน…
หนึ่งวันให้หลังกู้ซีจิ่วใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อหาเขาดู ผ่านไปพักใหญ่เขาถึงจะรับ น้ำเสียค่อนข้างแหบพร่าและราบเรียบยิ่งนัก “ซีจิ่ว มีอะไรหรือ?”
กู้ซีจิ่วไม่รู้จะพูดอะไรดีไปชั่วขณะ กลั่นกรองอยู่พักใหญ่ถึงกล่าวออกไปห้าคำ “เยี่ยนเฉิน ขอโทษนะ” เยี่ยนเฉินก็เป็นเพื่อนเธอเหมือนกัน และเคยมีน้ำใจไมตรีต่อเธอเช่นกัน เธอระบายแค้นให้จิ้งจอกน้อยสำเร็จ แต่ก็ทำร้ายเยี่ยนเฉิน…
น้ำเสียงเยี่ยนเฉินสงบนิ่งยิ่งนัก “ไม่ต้องขอโทษหรอก อันที่จริงข้ายังรู้สึกขอบคุณเจ้ายิ่งนัก ที่ทำให้ข้าได้รู้ความจริงที่ยืดเยื้อมานาน…” ชะงักไปครู่หนึ่ง “จิ้งจอกน้อยล่ะ? นางสบายดีใช่ไหม?”
“สบายดี” กู้ซีจิ่วตอบกลับสองคำ
จิ้งจอกน้อยที่เคยมีเรื่องอะไรในใจก็แสดงออกมาทางสีหน้าเสมอยามนี้เรียนรู้ที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกแล้ว หลังจากเยี่ยนเฉินจากไป นางก็เหม่อลอยอยู่เป็นเวลานาน
แต่ที่ควรพูดก็ยังพูด ที่ควรยิ้มก็ยังยิ้ม เข้ากับสหายร่วมสำนักได้ดียิ่งนัก เมื่อก่อนเป็นอย่างไรปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนั้น นางก็น่าจะพยายามก้าวออกมาอย่างเต็มที่อยู่เหมือนกัน…
เยี่ยนเฉินเงียบไปพักหนึ่ง คล้ายว่าจะหัวเราะ “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าหวังเพียงว่านางจะมีความสุข…”
ต่อให้ความสุขนี้จะไม่ใช่เขาที่เป็นผู้มอบให้ เขาก็ยังหวังว่านางร่มเย็นเป็นสุขไปชั่วชีวิต เขาไม่คู่ควรกับนางแล้ว เพียงหวังให้นางอยู่ดี ใช้ชีวิตอย่างผาสุกตลอดไป
“เอาล่ะ ซีจิ่ว หากวันหน้ามีการใดให้ข้าช่วยเหลือ บอกมาได้เสมอ ข้ายุ่งอยู่ ขอตัวก่อน…”
เยี่ยนเฉินตัดสายยันต์ถ่ายทอดเสียง ยามนี้เขานั่งดื่มสุราอยู่ในตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่งในในหลืบเขา ดื่มสุราไปไม่น้อยแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะสุราคุณภาพต่ำเกินไปหรือไม่ เขาดื่มไปมากมายถึงเพียงนี้แล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเมาเลย ฟุบโต๊ะใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง หยิบข้าวของกระจุกกระจิกกองหนึ่งออกมา…
เฒ่าแก่แผงสุรามองแขกท่านนี้ด้วยสายตาปละหลาดใจ แขกท่านนี้รูปโฉมหล่อเหลา เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านสูงศักด์ บุคลิกก็เลิศล้ำไม่ธรรมดา เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าน่าจะเป็นชนชั้นสูงที่กินหรูอยู่สบาย ทว่ามาแกร่วอยู่ในร้านเล็กๆ ที่คล้ายกระต๊อบฟางของเขาทั้งวันแล้ว เอาแต่ดื่มสุราอยู่ตลอด จดึกดื่นค่อนคืนแล้ว เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจากไป
เห็นแก่ความมือเติบของแขกท่านี้ เถ้าแก่จึงไม่ไล่คนไป เพียงเฝ้าสังเกตเขาอย่างระมัดระวังอยู่พักหนึ่ง
ยามนี้เมื่อเห็นเขาหยิบสิ่งละอันพันละน้อยกองนั้นออกมา เถ้าแก่ร้านผู้นั้นจึงยืดคอมองแวบหนึ่ง
ของเหล่านั้นล้วนมิใช่ของมีราคาค่างวดอะไร มีหยกประดับทรงนัยน์ตาจิ้งจอกแกะหยาบๆ มีพัดจีบที่ไม่มีราคา ถึงขั้นที่มีสิ่งของประเภทตั๊กแตนหญ้าสาน มาลัยดอกไม้ด้วย…
————————————————————————-
[1] คว้าเมล็ดงาทว่าทิ้งแตง หมายถึง เห็นแก่ผลประโยชน์เล็กๆ จนสูญเสียผลประโยชน์ที่มากกว่าไป