บทที่ 1502 การปล้นนักโทษอันน่าตกตะลึง 3
พัศดีค้อมศีรษะ “เชิญท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคัดเลือกบุคคล”
สายตาทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมองไปรอบเสาประหารเหล่านั้น ดวงตานั้นดุจสุนัขจิ้งจอก จ้องมองไปบนร่างผู้ใด ผู้นั้นพลันหวาดหวั่น
“คนนี้ คนนี้ คนนั้น…” เขาเลือกมาสิบคน ในสิบคนนี้มีทั้งเด็ก สตรีและคนชรา…
อีกทั้งล้วนเป็นญาติห่างๆ ของตระกูลกู้ คนเหล่านี้อยู่เย็นเป็นสุขมาตลอดชีวิต เป็นชาวบ้านธรรมดา ไหนเลยจะเคยผ่านสถานการณ์เยี่ยงนี้มาก่อน เมื่อถูกชี้เป้าก็เหงื่อแตกดังสายน้ำ ใบหน้าซีดเผือด บ้างร้องไห้ บ้างหวีดร้อง บ้างร้องขอความเมตตา…
ทว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสั่งการลงไปแล้ว เพชฌฆาตเหล่านั้นจึงรีบจับคนที่ถูกคัดเลือกมัดใหม่อีกครั้งทันใด…
เพชฌฆาตเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพชฌฆาตมืออาชีพของทางการ แต่เป็นคนที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายบ่มเพาะไว้
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ผ่านการอบรมสั่งสอนมาโดยเฉพาะ นำคนที่จะถูกประหารชีวิตมัดแบบพิเศษอย่างแคล่วคล่องว่องไว ปลดเปลื้องเสื้อผ้า ใช้น้ำสะอาดสาดบนร่างกายคนผู้นั้น…
เมื่อทุกการกระทำดำเนินไป ทำให้ทุกคนล้วนกระชับกำปั้นแน่น กลั้นลมหายใจ!
ดวงตากู้เซี่ยเทียนแดงก่ำ “หากต้องการลองมือก็มาลองที่ร่างข้าก่อนนี่!”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “รีบร้อนอันใดเล่า? ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องถึงคราวเจ้า เจ้าเป็นตัวการร้าย อย่างไรก็ต้องรอให้เพชฌฆาตเหล่านี้ฝึกฝนจนสมบูรณ์แบบเสียก่อนค่อยเริ่มลงมือกับเจ้า วางใจเถิด ต้องเฉือนเจ้าสองพันสามร้อยครั้งและเท่ากันในทุกครั้ง หากยังเฉือนไม่เสร็จแล้วเจ้าตายจากไป ก็นับว่าเพชฌฆาตเหล่านั้นพลั้งมือ จะจัดการฝังศพให้เจ้า”
มือที่จับดาบของเพชฌฆาตเหล่านั้นกระชับแน่นขึ้น!
พวกเขาก็รู้ว่ากู้เซี่ยเทียนถูกปรักปรำ ทว่าพวกเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ พวกเขาไม่ต้องการฝังศพให้กู้เซี่ยเทียน…
เมื่อพัศดีส่งเสียงออกคำสั่ง เหล่าเพชฌฆาตกำลังจะเริ่มลงทัณฑ์ ในที่สุดก็มีคนลุกขึ้นยืน!
ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม มักจะมีคนเห็นแก่ความยุติธรรมอยู่เสมอ ต่อให้เก็บกดได้มากเพียงใดก็คงไม่อาจเก็บเอาไว้ได้ทั้งหมด
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย กู้เซี่ยเทียนสมคบคิดต่างอาณาจักรก่อกบฏสมควรตายจริงๆ ต่อให้เฉือนออกเป็นชิ้นๆ ก็ไม่ผิด ทว่าอย่างไรเสีย เขาเคยออกศึกสงครามมากมายนับไม่ถ้วน ยังมีคุณงามความดี เพียงแค่ประหารชีวิตเขาด้วยวิธีนี้เป็นอย่างไร? ส่วนคนอื่นๆ ตัดเพียงแค่คมมีดเดียวก็พอแล้ว ไม่คุ้มที่ทุกคนจะถูกแล่เนื้อเถือหนัง…” คนที่ลุกขึ้นยืนคือสมุหนายกที่รับราชการรุ่นเดียวกันกับกู้เซี่ยเทียน อุปนิสัยใจคอของคนผู้นี้ไม่นับว่าแข็งกร้าว ทว่ายามนี้กลับทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง!
โดยอาศัยว่าก่อนหน้านี้มีสัมพันธ์อันดีกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ยามนี้จึงออกมาพูดเพื่อผดุงความยุติธรรม
แน่นอนว่า เขาไม่กล้าช่วยกู้เซี่ยเทียนกลับคำตัดสินอย่างเด็ดขาด เพียงแค่ร้องขอความสุขให้คนไร้เดียงสาที่ถูกลากมาพัวพันเหล่านี้
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกลับแย้มยิ้มด้วยสายตาเย็นชาลง “ข้าทำการสิ่งใดมีที่ว่างเหลือให้เจ้าวิพากษ์วิจารณ์ได้งั้นรึ? เจ้าหน้าที่! จับกุมเขา! แล่เนื้อเถือหนังเช่นกัน!”
ฝูงชนนิ่งอึ้ง
ขุนนางท่านนั้นก็นิ่งงัน! มีคนข้างกายของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายวิ่งมาจับตัวเขามัดในทันที…
การกระทำนี้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ทุกคนต่างตกใจนิ่งงันกันหมด ทว่ายิ่งทวีความขุ่นเคือง
ขุนนางท่านนั้นตอบโต้หลังจากถูกจับมัด ส่งเสียงร่ำไห้ร้องขอความยุติธรรม เรียกร้องว่าตัวเองเป็นขุนนางของราชสำนัก ถึงแม้กระทำความผิดมีโทษประหารชีวิตก็ควรมีราชโองการจากจักรพรรดิ ไม่ใช่ให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัดสินโทษประหารชีวิตในทันที…
อย่างไรก็ตาม ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ฟังคำพูดเขาแม้แต่น้อย ส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ย “เจ้าเอ่ยปากแทนกบฏก็มีความผิดโทษฐานเดียวกันกับกบฏ! ไยต้องรบกวนจักรพรรดิออกหน้าด้วยเล่า?”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสั่งการให้นับเขารวมในคนที่จะถูกประหารชีวิตชุดแรกเลย
ยามนี้ชาวบ้านยิ่งส่งเสียโหวกเหวกกันใหญ่ แม้แต่ขุนนางราชสำนักยังถูกลงโทษประหารชีวิตได้ง่ายดายเยี่ยงนี้ นับประสาอะไรกับชาวบ้านอย่างพวกเขาเล่า?
เกรงว่าในสายตาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้ ชีวิตของชาวบ้านยิ่งไร้ค่าเฉกเช่นต้นไม้ใบหญ้า เด็ดทิ้งได้ตามใจชอบ!
ความคับแค้นใจประหนึ่งภูเขาไฟถูกกดทับอย่างแรงกล้า พร้อมที่จะปะทุออกมาทุกเมื่อ
————————————————————————————-
บทที่ 1503 การปล้นนักโทษอันน่าตกตะลึง 4
หากสายตาความคับข้องใจนั้นสังหารคนได้ ยามนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้ก็ถูกแล่เนื้อเถือหนังด้วยสายตาเหล่านั้นแล้ว
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกวาดตามองฝูงชนด้านล่างแวบหนึ่ง เขาไม่สนใจชาวบ้านชั้นต่ำเหล่านั้น ความคับข้องใจของพวกเขาไม่มีค่าควรแก่การเอ่ยถึงในสายตาเขา
เขาพลันโบกสะบัดมือ ออกคำสั่งลงโทษทัณฑ์
เสื้อผ้าของสิบคนนั้นถูกฉีกขาด เหล่าเพชฌฆาตเผยกริชสั้นอันแหลมคมเฉียบบางดังกระดาษแผ่นหนึ่ง กำลังจะลงกริช ณ เวลานี้…
กู้เซี่ยเทียนหลับตาลงด้วยความสิ้นหวังเต็มประดา
เสียง “ตูม!” ดังกึกก้อง หลังคาด้านบนจัตุรัสที่สร้างขึ้นชั่วคราวถูกทำให้พังครืนด้วยพลังแกร่งกล้า! แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนกลายเป็นรูใหญ่รูหนึ่ง มีคนมากมายร่อนลงมาจากด้านบน…
เรือนกายของคนเหล่านี้รวดเร็วดังสายฟ้า ฝูงชนยังไม่ทันได้รู้สึกตัว พวกเขาก็หมุนวนรอบแท่นด้วยความรวดเร็วแล้ว
เหล่าเพชฌฆาตเพียงรู้สึกว่าเบื้องหน้าเลือนราง ยังไม่ทันทำการสิ่งใด กริชในมือก็หายไปเสียแล้ว…
คนเหล่านั้นรวดเร็วปานเงาชั่วร้าย ทำให้คนมองเห็นท่วงท่าของพวกเขาไม่ชัดเจน
ผู้คุ้มกันที่ยืนอยู่ข้างกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับเซียนหญิงลี่หวางเหล่านั้นเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ล้อมวงรอบกายทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายทั้งสองดังตุบตับ ต่างทยอยกันตะโกนเสียงดัง “ใคร?!”
“ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่ที่นี่!”
ทุกคนนิ่งอึ้ง
ชาวบ้านด้านล่างแท่นล้วนเบิกตาโพลงโต กลั้นลมหายใจเอาไว้
ความจริงพวกเขาต่างคาดหวังว่าจะมีวีรบุรุษผู้กล้าบุกเข้ามาในลานประหาร ช่วยเหลือตระกูลกู้เซี่ยเทียนทั้งหมด ทว่าก็ไม่ได้คาดหวังอันใดมาก อย่างไรเสียทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็เป็นคนบัญชาการที่นี่ด้วยตนเอง ผู้ใดจะกล้าเข้ามากระตุกหนวดเสือเล่า?
นึกไม่ถึงว่าในเวลาสำคัญเยี่ยงนี้มีคนบุกลานประหารเข้ามาช่วยเหลือจริงๆ!
อีกทั้งพลังยุทธ์ของคนเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะสูงส่งยิ่งนัก…
คนมากมายเหล่านั้นยืนงามสง่าบนแท่นหลังหยุดท่วงท่าลง ในที่สุดฝูงชนก็เห็นรูปลักษณ์ของพวกเขาอย่างชัดเจน…
มีคนท่ามกลางฝูงชนส่งเสียงตะโกนดังก้อง “คนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์! เป็นคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์!”
ซุ่มเสียงนี้เปรียบเสมือนระเบิดลูกหนึ่ง ระเบิดจนฝูงชนทั้งหลายตื่นเต้นพลุ่งพล่านกันหมด
สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เป็นสำนักศึกษาระดับสูงที่สุดในทวีปแห่งนี้ คนภายในต่อให้เป็นคนระดับต่ำที่สุดคนหนึ่ง ทว่าในสายตาคนทั่วไปก็เปรียบเสมือนเทพเซียน ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มาในคราวนี้เป็นผู้นำสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เจ้าสำนักกู่ฉานโม่!
หลายปีมานี้กู่ฉานโม่ยังคงปรากฏกายให้เห็นอยู่หลายคราในอาณาจักรเฟยซิง ดังนั้น คนที่รู้จักเขาตะโกนโพล่งออกมาท่ามกลางผู้คน
โดยปกติสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไม่สะสางบัญชีกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เมื่อพวกชาวบ้านเห็นพวกเขาก็มีความหวังขึ้นมาในทันที
สายตามากมายนับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างของพวกกู่ฉานโม่
ครั้งนี้กู่ฉานโม่นำกำลังคนมายี่สิบคน ล้วนเป็นคนเฉลียวฉลาด ผู้พิทักษ์ ผู้อาวุโสของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เกือบจะทุกคน!
หัวใจของกู้เซี่ยเทียนพลันสั่นสะท้าน เบิกตาโพลงโตมองไปที่พวกกู่ฉานโม่
เขานึกไม่ถึงว่าคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์จะออกหน้าเพื่อเขา…
ถึงแม้เขาเป็นท่านแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรเฟยซิง ทว่ากลับไม่เป็นสิ่งใดเลยในสายตาของคนสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง…
หรือว่าจะเป็น…เป็นซีจิ่ว?
พวกเขาเห็นแก่หน้าของซีจิ่ว?!
หัวใจกู้เซี่ยเทียนพลันกระโดดโลดเต้น แต่ก็ไม่รู้ว่าคือความรู้สึกอันใด
เขาไม่ได้ข่าวคราวลูกสาวมาแปดปีแล้ว! ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ถึงขั้นที่เขาสิ้นหวังแล้ว ลูกสาวคนนี้กลายเป็นความเจ็บปวดในใจเขาที่ไม่อาจสัมผัสได้…
บัดนี้เมื่อได้เห็นคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงลูกสาว ดวงตาพลันร้อนผ่าว!
เขารู้ว่าก่อนหน้านี้แปดปีกู้ซีจิ่วใช้ชีวิตอยู่ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ได้ไม่เลว นึกไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ของนางจะดีถึงเพียงนี้ สามารถทำให้กู่ฉานโม่นำกำลังคนบุกลานประหารอย่างห้าวหาญในเวลาสำคัญเยี่ยงนี้…
อย่างไรเสีย กู้เซี่ยเทียนก็เป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเนิ่นนาน ประสบการณ์มากมายเหนือธรรมดา ถึงแม้เขาจะซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากที่พวกกู่ฉานโม่มาที่นี่ ทว่ากลับไม่คาดหวังเสียเท่าใด
————————————————————————————-