ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1574+1575

บทที่ 1574 นางต้องการรับสวามีเคียงตั่ง

ครั้งนี้นายท่านก็รับสายอย่างรวดเร็วอีก หลานเหยากวงถอนหายใจยาวมากก่อน แล้วจึงส่งผ่านน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งหนทางไป “พี่หวง พี่หญิงให้ข้าถามท่าน เมื่อใดท่านจะมาเผ่าเงือกเพื่อถอนหมั้น?”

นายท่านยังคงใช้ข้ออ้างเหล่านั้นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ หลังจากนั้นโดยปกติหลานเหยากวงจะถามไถ่อีกไม่กี่ประโยคแล้วจบบทสนทนา แต่ครานี้หลังจากหลานเหยากวงถามไถ่เสร็จกลับไม่ได้ตัดสายยันต์ถ่ายทอดเสียง ทว่าถอนหายใจลากยาวอีกหนึ่งครา “พี่หวง อันที่จริงยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าเก็บมันเอาไว้หลายวัน ลังเลอยู่ว่าควรบอกท่านดีหรือไม่…”

ผ่านไปเนิ่นนาน ไม่มีผู้ใดตอบกลับ หรือว่าตัดสายไปแล้ว?

หลานเหยากวงมองยันต์ถ่ายทอดเสียงในมือที่ยังส่องสว่าง กล่าวหยั่งเชิงว่า “พี่หวง พี่หวง ท่านยังอยู่หรือไม่?”

ความจริงตี้ฝูอีไม่ได้ฟังคำพูดไร้สาระด้านหลังเหล่านั้นของหลานเหยากวงเลย เขาเหม่อลอยอีกแล้ว

ยามนี้เมื่อได้ยินเสียงบ่นพึมพำของหลานเหยากวง ในที่สุดเขาก็คืนสติกลับมา ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “มีเรื่องอันใด? ว่ามา” น้ำเสียงยังคงเหม่อลอยเล็กน้อย

“พี่หวง ท่านคงเคยได้ยินเรื่องหนึ่ง ประมุขเผ่าเงือกของพวกเราก็เหมือนกับจักรพรรดิในโลกมนุษย์ สามารถรับนางสนมได้มากมาย ดังเช่นผู้น้อง ข้างกายมีสนมหลายนาง…” หลานเหยากวงดึงหัวข้อสนทนาออกไปไกลแปดพันจั้ง

ตี้ฝูอีใจร้อน “เจ้าจะรับสนมอีกแล้วหรือ? แล้วแต่ ข้าเคยบอกไว้แล้ว ข้าไม่อาจเข้าไปแทรกแซงประเพณีเผ่าเงือกของเจ้า”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ผู้น้องอยากรับสนม…” หลานเหยากวงปฏิเสธ บ่นงึมงำแล้วพูดจาไร้สาระอีก

ตี้ฝูอีรู้ว่าหลานเหยากวงพูดจาไร้สาระเสมอมา ทว่าการพูดจาไร้สาระอย่างวันนี้ถือเป็นครั้งแรก เขาจึงยิ่งร้อนใจ “พูดเข้าประเด็นหน่อยเถอะ ข้าไม่สนใจฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า!”

หลานเหยากวงทอดถอนใจเบาๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ส่งเสียงกระแอมคราหนึ่ง “พี่หวง ท่านก็รู้ว่าพี่หญิงไม่ยอมรับฐานะนั้น และไม่ต้องการเป็นประมุขเงือก ทว่าสามวันก่อนหน้านางยอมอ่อนข้อ ตกปากรับคำว่าจะลองดู…แน่นอน นางไม่ได้ยอมรับที่จะลองเป็นตัวตนที่เคยเป็นดู แต่ลองรับตำแหน่งประมุขเงือก ตอนนั้นผู้น้องดีใจเป็นอย่างมาก…”

ตี้ฝูอีรู้สึกว่าวันนี้หลานเหยากวงพูดจาหัวไปทาง หางไปทาง วาจาไม่สอดคล้องกันเอาเสียเลย หัวข้อวกไปวนมา ไม่รู้ว่าต้องการจะสื่ออะไร

หากเป็นเมื่อก่อนตี้ฝูอีตัดบทคำพูดไร้สาระของเขาไปนานแล้ว หรือไม่ก็ตัดการติดต่อของป้ายหยกไป ไม่ฟังคำพูดไร้สาระของเขา

ทว่าตอนนี้ตี้ฝูอีกลับรับฟัง เมื่อได้ยินหลานเหยากวงหยุดชะงักไปอีกครั้ง เขายังเร่งถาม “แล้วยังไงต่อ?”

“จากนั้นพี่หญิงก็เสนอเงื่อนไขหนึ่งขึ้นมา ถึงแม้เงื่อนไขข้อนี้ไม่ได้ละเมิดประเพณีของประมุขเผ่าเงือก แต่…แต่ผู้น้องรู้สึกลำบากใจ จึงมาถามความคิดเห็นของท่านเป็นพิเศษ”

“เงื่อนไขอะไร?” จู่ๆ ตี้ฝูอีก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมา

เป็นไปตามคาด หลานเหยากวงรวบรวมความกล้าอยู่นาน ในที่สุดก็พูดเงื่อนไขของกู้ซีจิ่วออกมา “นางต้องการรับสวามีเคียงตั่ง…”

เสียงแกร๊งดังขึ้น ป้ายหยกในมือของตี้ฝูอีร่วงหล่นลงบนพื้น

“นี่ พี่หวง? ท่านฟังอยู่รึไม่? พี่หวง?”

ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อ ป้ายหยกที่อยู่บนพื้นโผบินขึ้นมา ร่อนลงบนฝ่ามือเขาใหม่อีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเหมือนเปล่งออกมาจากนรก “นางจะรับสวามีเคียงตั่งอันใด?!”

“ประเพณีของเผ่าเงือก ประมุขเงือกมีสามมเหสีสี่สนมได้ ไม่ว่าชายหรือหญิง พี่หญิงจะเป็นประมุขหญิง ตามกฎนางรับสวามีเคียงตั่งได้สามคน ตอนนี้นางเลือกไว้สองคนแล้ว…” สุ้มเสียงของหลานเหยากวงแผ่วลงเรื่อยๆ เขาเหมือนรับรู้ได้ถึงลมเย็นอันหนาวเหน็บที่ส่งผ่านป้ายหยกถ่ายทอดเสียงมาจากฝั่งตี้ฝูอี…

————————————————————————————-

บทที่ 1575 คู่รัก

เนื่องจากป้ายหยกไม่มีการปิดกั้นเสียง มู่เฟิงจึงได้ยินทั้งหมด เขาอ้าปากค้างเล็กน้อย มองดูใบหน้าที่พลันเขียวคล้ำของนายท่าน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง!

สวรรค์ เขาได้ยินอะไรนี่?

กู้ซีจิ่วจะรับสวามีเคียงตั่ง? เช่นนั้นนายท่านของเขาจะทำอย่างไร? สวามีเอก?

ทวีปหลานเฟิงถึงแม้จะอยู่ใต้สมุทร ทว่ายังคงมองเห็นดวงจันทร์และดวงดาราบนท้องนภาได้ ด้วยวิชาพิเศษกับการหักเหของน้ำทะเล

เทศกาลจันทร์เพ็ญเวียนมาบรรจบอีกครา

แหงนหน้ามองท้องนภา ดวงจันทร์กลมโตประหนึ่งพานทองขนาดใหญ่

ที่ทวีปหลานเฟิง เทศกาลจันทร์เพ็ญเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวันแห่งความรัก ในวันนี้ เหล่าคู่รักที่ต้องใจกันจะออกมานัดพบกัน ต่อให้เป็นชายหนุ่มหญิงสาวที่ยังโสดและไม่ได้แต่งงานก็จะออกมาเดินเตร็ดเตร่ เพื่อสร้างโอกาสในการพบปะมิตรสหายให้มากขึ้น ร้องเพลงตอบโต้หรือเชิญชวนเต้นรำ ไม่แน่อาจได้พบเจอเนื้อคู่และได้ครองคู่กันก็เป็นได้…

กู้ซีจิ่วก็กำลังนัดพบเช่นกัน คนที่นัดพบกับเธอเป็นชายหนุ่มเผ่าเงือกท่านหนึ่ง

สถานที่นัดหมายของเธอก็คือเนินเขาเล็กๆ ซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าเขียวขจีอันอ่อนนุ่ม

บนเนินเขามีต้นไม้ที่ไม่รู้จักชื่อเป็นพุ่มๆ ใบไม้เป็นแถบยาวอ่อนนุ่ม แผ่ออกสลับซับซ้อน เขียวมรกตเป็นประกาย ดุจเส้นผมยาวสลวยของหญิงสาว

อีกทั้งยังมีต้นปะการังสีแดงสด สีเขียวมรกต และสีเงินแซมระหว่างต้นไม้เหล่านี้ ลักษณะและรูปร่างหลากหลาย ประดับประดาไว้ ทำให้ทิวทัศน์ที่นี่งดงามดุจความฝัน

สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่นิยมนัดหมายกัน ถึงแม้ไม่ใช่เทศกาลจันทร์เพ็ญ หากมาเยือนก็จะพบเจอคู่รักมากมาย…

ส่วนวันเทศกาลจันทร์เพ็ญ คู่รักที่นี่ยิ่งมากมายละลานตา แทบจะมีคู่รักคู่หนึ่งทุกๆ สิบก้าว

ทว่าคืนนี้ คู่รักที่นัดหมายกันที่นี่มีเพียงคู่เดียว

เป็นเหตุผลอื่นไปไม่ได้ ที่นี่ถูกกวาดล้างแล้ว!

ไม่ใช่ว่าถูกกองกำลังอันใดกวาดล้าง ทว่าเป็นชายหนุ่มเผ่าเงือกคนนั้นใช้เงินทองและเกียรติยศขับไล่คนอื่นออกไปหมด…

ชายหนุ่มเผ่าเงือกคนนั้นชื่อหลานเฝ่ย เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงในทวีปแห่งนี้ เป็นที่เคารพนับถือของชาวเงือกในฐานะนักร้องต้นแบบ เทียบเท่ากับซูเปอร์สตาร์ยุคปัจจุบัน รวมกลุ่มทรงอิทธิพลและกลุ่มไอดอลเข้าไว้ด้วยกัน มีแฟนคลับจำนวนมาก

เดิมทีกู้ซีจิ่วยังเคยแข่งร้องเพลงกับเขา นับได้ว่าเคยมีวาสนาได้พบหน้ากันครั้งหนึ่ง

ความจริงการพบกันครั้งนี้ของกู้ซีจิ่วกับหลานเฝ่ยเหมือนดังละคร หรือจะพูดว่ามีบุญวาสนายิ่งนัก

เธอเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนน ก็พบกับหลานเฝ่ยออกมาจากสถานที่แห่งหนึ่งพอดิบพอดี ดึงดูดให้แฟนคลับรายล้อมและส่งเสียงกรี๊ด สถานการณ์ดุเดือดยิ่งกว่าดาราปรากฏตัวเสียอีก

พูดแล้วก็น่าแปลก ทั้งที่รอบกายหลานเฝ่ยรายล้อมด้วยชายหนุ่มหญิงสาวมากมายขนาดนั้น เขากลับมองเห็นกู้ซีจิ่วที่ยืนกอดอกชมความครึกครื้นอยู่ที่มุมถนน จากนั้นเขาฝ่าวงล้อมของหนุ่มสาวในชุดงดงามที่บ้าคลั่งอยู่ข้างกาย พุ่งตัวมาในทันที…

ท่าทางที่พุ่งตัวเข้ามานั้นราวกับต้องการทวงสิ่งใดคืนจากกู้ซีจิ่ว ทำให้กู้ซีจิ่วตกตะลึง

“กู้ซีจิ่ว!” เขาตะโกนเรียกชื่อนางมาแต่ไกล นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจที่ ‘เพียรตามหาสตรีแสนงามผู้นั้นเป็นร้อยพันครั้ง เมื่อหันกลับมานางกลับอยู่ตรงโคมฉายหม่นมัว[1]’

ผู้คนบนถนนทั้งสายล้วนได้ยินเสียงที่เขาตะโกนเรียกกันหมด กู้ซีจิ่วเพียงแค่ออกมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของฝูงชน ดังนั้นจึงพูดคุยกับหลานเฝ่ยเพียงเล็กน้อยแล้วแยกย้ายกันไป

ไม่ง่ายเลยที่หลานเฝ่ยจะตามหานางเจอ เขาย่อมไม่อยากพบเจอกันด้วยความบังเอิญเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วปล่อยมันไป หลังจากที่กู้ซีจิ่วจากไป เขาสอบถามจากทั่วทุกสารทิศ ในที่สุดก็รู้สถานที่ที่กู้ซีจิ่วพำนักอยู่ในตอนนี้ และฐานะของนาง…

เขาเป็นพวกลงมือฉับไว วันถัดมาหลานเหยากวงก็ได้รับหนังสือหมั้นหมายของหลานเฝ่ยแล้ว…

ลำดับชนชั้นของอาณาจักรเงือกไม่เคร่งครัดเท่ากับโลกมนุษย์ ต่อให้เป็นชาวบ้านธรรมดาก็พูดคุยกับประมุขเงือกได้

เขามีความสุขที่ได้พบกับประมุขเงือก เขายังรื่นเริงไปกับผู้คน ร้องรำทำเพลงกันบนเวที…

————————————————————————————-

[1] เพียรตามหาสตรีแสนงามผู้นั้นเป็นร้อยพันครั้ง เมื่อหันกลับมานางกลับอยู่ตรงโคมฉายหม่นมัว เป็นช่วงหนึ่งของบทกวีสมัยราชวงศ์ซ่ง เปรียบเทียบการตามหาหญิงงามในอุดมคติในคืนเทศกาลงานโคมไฟ

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset