บทที่ 1630 ดูตัว
บนโลกนี้มีบุรุษดีๆ อยู่มากมาย เขาต้องหาคนที่เพียบพร้อมเลิศเลอให้บุตรสาวสักคน…
ตามความคิดของกู้เซี่ยเทียน หลงซือเย่จะต้องมาเยี่ยมเยือนภายในไม่กี่วันนี้เป็นแน่
กลับนึกไม่ถึงว่าเขารออยู่จนล่วงเข้าวันที่ห้าของปีใหม่ ก็ไม่เห็นเงาร่างของหลงซือเย่เลย
กู้เซี่ยเทียนผิดหวังอยู่บ้าง ดูท่าเขาจะเข้าใจผิดไปเสียแล้ว เจ้าสำนักหลงกับบุตรสาวไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน มิเช่นนั้นบุตรสาวอยู่ที่นั่นทั้งคืน ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงๆ หลงซือเย่จะต้องมามอบคำอธิบายให้แน่นอน
เขาจึงปล่อยข่าวออกไป สุดท้ายย่อมมีแม่สื่อมากมายยื้อแย่งกันมาทาบทาม ชายหนุ่มนับไม่ถ้วนต่างส่งแม่สื่อมาเจรจาหมั้นหมาย
กู้เซี่ยเทียนเลือกเฟ้นจากบรรดาคนเหล่านี้อยู่ครึ่งค่อนวัน เลือกที่ต้องตายิ่งนักออกมาได้หลายคน เชื้อเชิญพวกเขาให้มาเที่ยวเล่นที่จวน
ด้วยเหตุนี้จู่ๆ กู้ซีจิ่วจึงพบว่า ช่วงปีใหม่หลายวันมานี้จู่ๆ ในจวนของเธอก็มีชายหนุ่มเปี่ยมความสามารถเพิ่มขึ้นมามากมาย พวกเขาล้วนใช้ฉากหน้าว่ามาสวัสดีปีใหม่ใต้เท้ากู้เซี่ยเทียน แต่กู้เซี่ยเทียนมักจะหาสารพัดข้ออ้างเพื่อให้กู้ซีจิ่วรับรองคนเหล่านี้แทนเขาอยู่เสมอ…
ช่วงนี้กู้ซีจิ่วก็อยากหาอะไรให้ตัวเองทำเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ได้คัดค้าน เพียงแต่ช่วยรับรองเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เพียงแต่หลังจากที่รับรองไปสองคน ในที่สุดสัญชาตญาณของเธอก็รับรู้ถึงความผิดปกติได้!
ตอนที่เธอไม่มีเวลามาดูแลรับรอง คนหนุ่มมากความสามารถเหล่านี้ล้วนมาเพียงครู่เดียวก็จากไป
แต่ถ้าเป็นเธอที่ดูแลรับรอง คนหนุ่มเหล่านี้จะไม่คิดจากไปเลย หาข้ออ้างสารพัดเพื่อสนทนากับเธอ ขอให้เธอพาไปชมสวน…
แต่ละคนล้วนมองเธอด้วยสายตาหยาดเยิ้มแวววาว สายตาเปี่ยมด้วยความเสน่หาจนทำให้ขนกู้ซีจิ่วลุกชันไปทั้งร่าง
หลังจากกู้ซีจิ่วไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่สองสามวัน ในที่สุดก็ทราบถึงเจตนาของกู้เซี่ยเทียนแล้ว ยิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ออกเลยทีเดียว
เธอจึงไปหากู้เซี่ยเทียนเพื่อคุยกันสักครั้ง แสดงออกอย่างชัดเจนยิ่งว่าตนรังเกียจเรื่องเหล่านี้ยิ่งนัก ถ้าเขาใช้แผนอันใดพาคนหนุ่มเหล่านี้มาอีก เธอจะให้คนไล่ตะเพิดคนเหล่านี้ออกไปเสีย!
การข่มขู่นี้ของเธอได้ผลยิ่งนักจริงๆ กู้เซี่ยเทียนรามือแล้ว ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้อยู่อย่างสงบหลายวัน
กู้เซี่ยเทียนย่อมไม่ยอมถอดใจ เขาก็รู้สึกว่า ‘คนหนุ่มเปี่ยมความสามารถ’ เหล่านั้นไม่คู่ควรกับบุตรสาวของตนเช่นกัน
เขาไครู่ครวญไปใคร่ครวญมา จู่ๆ ก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้…เซียวเหยาโหวหลงโม่เหยียน!
หลงโม่เหยียนเป็นหนึ่งในสี่ยอดคุณชายแห่งเมืองหลวง ชื่อเสียงในปีนั้นไม่ด้วยไปกว่าหรงเจียหลัวกับหรงเช่อเลย!
คนผู้นี้จัดการเรื่องราวได้หมดจด รูปโฉมหล่อเหลา จวบจนยามนี้ก็ยังมิได้แต่งภรรยา ได้ยินมาว่าหลายปีก่อนเขาปักใจต่อสตรีนางหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เคยพบหน้าสตรีนางนั้นเพียงหนเดียว ต่อมาสตรีนางนั้นไม่ปรากฏเบาะแสขึ้นอีกเลย หลงโม่เหยียนตามหาอยู่เนิ่นนานหลายปีก็หาไม่พบ…
ด้วยเหตุนี้กู้เซี่ยเทียนจึงส่งเทียบเชิญหลงโม่เหยียนมาเป็นแขกที่จวน เพียงบอกว่ามีเรื่องต้องการจะหารือ
หลงโม่เหยียนมาเยือนอย่างปีติยินดี กู้เซี่ยเทียนจัดเลี้ยงรับรองที่ศาลาชมดอกเหมยภายในสวนดอกไม้ เพิ่งดื่มไปได้ไม่กี่จอก กู้ซีจิ่วก็มาแล้ว
ช่วงนี้ดอกเหมยบานสะพรั่ง ทุกๆ วันในเวลานี้กู้ซีจิ่วจะมาเดินเล่นที่ดงดอกเหมยรอบหนึ่ง ชื่นชมดอกเหมย คิดไม่ถึงว่าจะเจอกู้เซี่ยเทียนเลี้ยงรับรองแขกอยู่ และที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่าคือจะได้พบ ‘คนรู้จักเก่า’ อย่างหลงโม่เหยียน
ความทรงจำของกู้ซีจิ่วดีจนน่าตะลึง เธอยังคงจดจำเขาได้ ปีนั้นที่ทุ่งน้ำแข็งลี้ลับ เธอที่ใช้ฐานะจ้งเซิงเคยพบหน้าเซียวเหยาโหวผู้นี้คราหนึ่ง นับว่าเข้ากันได้ดีพอประมาณ
ไม่ได้พบกันนานหลายปี หลงโม่เหยียนยังคงดูอ่อนเยาว์ยิ่งนัก ดูเหมือนคนอายุราวยี่สิบปี หล่อเหลาอย่างยิ่ง มีสง่าราศีของคุณชายตระกูสูงศักดิ์ บางทีอาจมีสาเหตุมาจากการยกระดับทางพลังวิญญาณ บนร่างของหลงโม่เหยียนกลิ่นอายสูงส่งที่ยากจะกล่าวได้อยู่ ถึงขั้นที่แฝงไอเซียนที่บรรยายไม่ได้เอาไว้ด้วย
ศาลาชมดอกเหมยตั้งอยู่กลางดงต้นเหมย นอกศาลามีดอกเหมยขับเน้นเสริมส่ง มีท่วงทำนองศิลป์ยิ่งนัก ส่วนหลงโม่เหยียนนั่งอยู่ในศาลา ท่าทางสุขุมเยือกเย็น ราวกับหลุดมาจากภาพวาด
————————————————————————————-
บทที่ 1631 เล่นละคร
ยามนี้ฐานะของกู้ซีจิ่วสูงส่ง ต่อให้เป็นคุณชายจากตระกูลสูงส่ง พอเธอก็มาต้องทำความเคารพเธอเช่นกัน หลงโม่เหยียนจึงลุกขึ้นมา ประสานมือทำความเคารพเธอ
กู้ซีจิ่วไม่มีความอดทนต่อพิธีรีตองเหล่านี้ โบกมือเชิญเขานั่งลง
กู้ซีจิ่วมีความรู้สึกดีๆ ต่อหลงซื่อจื่อผู้นี้ค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงอยู่สนทนาด้วยไม่กี่ประโยค นี่ตรงกับเจตนาของกู้เซี่ยเทียนพอดี หลังจากเขาแนะนำทั้งสองฝ่ายสองสามประโยคแล้ว ก็หาข้ออ้างหลบฉากไป ทิ้งให้ทั้งสองคนสนทนากันอยู่ในศาลาชมดอกเหมย
เมื่อถึงยามนี้กู้ซีจิ่วย่อมทราบแล้วว่ากู้เซี่ยเทียนจัดการนัดดูตัวให้อีกแล้ว ค่อนข้างจนปัญญายิ่งนัก ไม่คิดจะอยู่สนทนาพาทีอีก ขณะที่กำลังจะหาเหตุมาแยกตัวไป จู่ๆ หลงโม่เหยียนก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านทูตสวรรค์ ขออภัยที่ข้าต้องเอ่ยถามสักประโยค ท่านกำลังถูกบีบให้ดูตัวอยู่ใช่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วคาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดอย่างชัดเจนไม่อ้อมค้อม จึงเงยหน้ามองเขา “มิผิด”
“คัดค้านเรื่องนี้ยิ่งนักใช่หรือไม่?”
“แน่นอน”
“ข้าก็เช่นกัน บิดากดดันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ข้ามีคนในดวงใจแล้ว ถ้าหานางไม่พบจะไม่แต่งภรรยาเด็ดขาด แต่ถูกบิดามารดากดดันช่างน่าเบื่อเหลือเกิน…” หลงโม่เหยียนพูดจาฉะฉาน
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง “ดังนั้น?”
“ตัวข้ามีข้อเสนอแนะประการหนึ่ง ท่านทูตสวรรค์ลองดูเถิดว่าใช้ได้หรือไม่”
“ว่ามา”
“พวกเราต่างคัดค้านการบังคับดูตัวยิ่งนัก มิสู้ยามนี้แสร้งเป็นคู่รักกำมะลอเสีย สามวันห้าวันก็มาพบหน้ากันสักครั้ง อยู่ร่วมกันในฐานะสหาย จะได้ยับยั้งความคิดของพวกเขา ท่านและข้าล้วนหมดจดกันทั้งสองฝ่าย”
ความคิดนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ อย่างไรเสียในยุคปัจจุบันก็มีคนหนุ่มสาวมากมายที่ถูกพ่อแม่เร่งรัดให้แต่งงานโดยเร็ว จึงต้องหาใครสักคนมาสวมรอยเพื่อรับมือ
ไม่นึกเลยว่าคนยุคโบราณอย่างหลงโม่เหยียนจะทราบถึงกลอุบายของผู้คนในสมัยปัจจุบันด้วย กู้ซีจิ่วกำลังเบื่อหน่ายกับการโดนกู้เซี่ยเทียนวางอุบายใส่อยู่พอดี ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จึงพยักหน้าตกลง
ทั้งสองคนเห็นพ้องต้องกัน การสนทนาจึงเป็นกันเองขึ้นมา กู้ซีจิ่วจึงโพล่งถามไป “ในเมื่อท่านมีคนในใจแล้ว เหตุใดจึงไม่แต่งเป็นภรรยาเล่า?”
หลงโม่เหยียนถอนหายใจ “ข้าหานางไม่พบ…”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว หลงโม่เหยียนกล่าวต่อว่า “ขอกล่าวกับท่านทูตสวรรค์อย่างมิปิดบัง ข้ากับนางเพียงมีวาสนาได้พบหน้ากันครั้งหนึ่ง ต่อมาจะตามหาอย่างไรก็หานางไม่พบแล้ว…”
รักแรกพบงั้นหรือ?
กู้ซีจิ่วสนอกสนใจขึ้นมา “นางมีนามว่าอะไร? บางทีข้าอาจช่วยเหลือท่านได้” ตอนนี้หอเงาราตรีแทบจะเป็นสำนักที่ขึ้นตรงต่อเธอแล้ว ข่าวสารฉับไวเป็นที่สุด ขอเพียงหลงโม่เหยียนเอ่ยนามคนออกมา ด้วยความสามารถของหอเงาราตรี น่าจะตามหาตัวได้
หลงโม่เหยียนก็ไม่ปิดบัง “นางนามว่าจ้งเซิง ข้ากับนางบังเอิญพบกันที่ทุ่งน้ำแข็งลี้ลับ…”
กู้ซีจิ่วตกตะลึง
นึกไม่ถึงว่าการปลอมตัวเมื่อปีนั้นของเธอจะเกี่ยวชะตารักที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้มาได้!
ซ้ำยังเป็นชะตารักตั้งแต่แรกพบอีกด้วย!
จ้งเซิง จ้งเซิง ที่แท้ก็ไร้สาระทั้งเพ
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ “นี่ท่านรักตั้งแต่แรกพบหรือ? อันที่จริงในเมื่อท่านตามหามาหลายปีแล้วยังไม่พบนาง อาจเป็นเพราะนางไม่ได้มีตัวตนจริงๆ อันใดเลย นามก็เป็นนามแฝง เหตุใดท่านต้องยึดติดด้วยเล่า?”
หลงโม่เหยียนหัวเราะขื่นๆ คราหนึ่ง “ข้าจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? แต่ข้าก็ลืมนางไม่ลง…ไม่ว่าอย่างไรก็อยากหานางให้พบก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ถ้าหากนางตายไปแล้วล่ะ?”
“อย่าแช่งนาง! ข้าเชื่อว่านางยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้”
กู้ซีจิ่วเงียบไป
เอาเถอะ เธอใช้ความเป็นไปได้อื่นก็ได้ “นางอาจจะออกเรือนไปแล้วก็ได้นะ?”
“หากว่านางได้รับความสุขที่นางปรารถนาแล้วจริงๆ ข้าจะอวยพรให้นาง…แต่ข้าจะต้องตามหานางให้พบก่อน ถ้านางอยู่สุขดีจริงๆ ถึงจะสามารถปล่อยวางความยึดมั่นนี้ไปได้”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว…
————————————————————————————-