บทที่ 1642 ความพิโรธของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 3
เทพศักดิ์สิทธิ์ ยามนี้เขาปรากฏตัวขึ้นด้วยฐานะของเทพศักดิ์สิทธิ์…
มีกลิ่นอายคล้ายสมุนไพรคล้ายบุปผาอวลอยู่ในโพรงจมูก กลิ่นอายนี้สำหรับกู้ซีจิ่วแล้วคล้ายคุ้นเคยและคล้ายแปลกประหลาด
คุ้นเคยเนื่องจากเป็นกลิ่นอายของเขา ที่แปลกประหลาดก็คือมีกลิ่นอายอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย กลิ่นอายนี้ทำให้ในใจเธอราวกับถูกสาดน้ำมันเดือดๆ ใส่ หัวใจทั้งดวงหดเกร็งขึ้นมา
“ปล่อยข้านะ…” เธอร้อง ดิ้นรนตามสัญชาตญาณ
เนื่องจากความต่างชั้นด้านพลังยุทธ์ ทุกครั้งที่เขาควบคุมเธอไว้ ยามที่เธอดิ้นรนยากยิ่งนักที่จะดิ้นหลุดได้ แต่หนนี้กลับง่ายดายยิ่งนัก แทบจะทันทีที่เธอเปล่งสามคำนั้นออกมา ตัวคนก็ร่วงออกมาจากอ้อมแขนเขาแล้ว
โชคดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอเฉียบไว พลิกตัวอย่างดงามได้ก่อนที่จะล้มหน้าทิ่ม ยืนอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง
หัวใจเธอเต้นโครมคราม ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นอย่างดุเดือดปานอสุนีบาตเช่นนี้ สายตาทั้งคู่มองดูเขา “เจ้า…”
ยังไม่ทันได้เอ่ยท่อนหลังออกมา จู่ๆ ผลปัญญาที่อยู่ในมือก็ลอยออกไป ยังลอยไปไม่ถึงเบื้องหน้าเทพศักดิ์สิทธิ์ ผลปัญญาลูกนั้นก็ระเหิดหายไปเสียแล้ว
หลงซือเย่ตกตะลึง
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
จวบจนยามนี้หลงซือเย่เพิ่งนึกถึงการทำความเคารพขึ้นมาได้ ก้าวขึ้นไปด้านหน้า ประสานมือค้อมกายจรดพื้น “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…”
สายลมกรรโชกปะทะใบหน้า การทำความเคารพนี้ของหลงซือเย่ยังไม่ทันเสร็จสิ้น ตัวคนก็กระเด็นออกไปแล้ว!
เกิดเสียงดัง ‘ปัง!’ ขึ้น เขากระแทกใส่เสาต้นหนึ่งเข้าอย่างจัง!
ห้องวิจัยนี้เดิมทีก็ถูกสั่นสะเทือนจนเจียนจะถล่มอยู่แล้ว การกระแทกนี้ของหลงซือเย่กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ขยี้อูฐให้ตาย ทั้งห้องพังถล่มลงมา
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง โผเข้าไปหาหลงซือเย่โดยไม่หยุดคิดเลย คิดจะดึงหลงซือเย่ออกมาก่อนที่จะเกิดการถล่ม
แต่ร่างกายเธอเพิ่งจะเคลื่อนไหวก็ถูกคนฉุดรั้งไว้ จากนั้นลอยออกมาจากเศษซากอาคารที่พังถล่มทันที และร่อนลงบนพื้น
อาคารทดลองหลังนี้ของหลงซือเย่ขนาดไม่น้อยเลย มีขนาดครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอล การพังถล่มจึงน่าตกใจยิ่งนัก เสมือนทั้งหุบเขาถามสวรรค์จะสั่นไหวตามไปหมด
ย่อมสร้างความตื่นตระหนกให้เหล่าศิษย์ในสำนักถามสวรรค์เป็นธรรมดา ผู้คนนับไม่ถ้วนพุ่งมายังด้านนี้
แต่หลังจากมองเห็นเงาร่างมนุษย์ขาวโพลนที่ยืนอยู่ตรงนั้นชัดๆ แล้ว ล้วนตะลึงงันอยู่ตรงนั้นกันถ้วนหน้า
…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!
ผู้คนมากมายจดจำเขาได้ และมีบางคนร้องอุทานออกมา จากนั้นทุกคนก็คุกเข่าลงกราบคารวะ
ไม่น่าเชื่อว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะมาที่เขาถามสวรรค์!
ผู้คนส่วนใหญ่ของที่นี่เคยเห็นเขาแค่ในภาพวาดเท่านั้น และมีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นในศึกปราบทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม เพียงแต่ยามนั้นเป็นการมองอยู่ไกลๆ เท่านั้น ยามนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นตัวจริงชัดๆ แล้ว!
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ตรงนั้น รัศมีความยิ่งใหญ่ปานภูผามหานาทีบนร่างแผ่กระจายออกมารอบข้าง แรงกดดันนั้นป่านขุนเขา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์สองขาอ่อนยวบยาบ
ไม่มีผู้ใดสงสัยในฐานะของเขา เนื่องจากบนโลกนี้ไม่มีผู้ใดสามารถมีรัศมีเยี่ยงนี้เช่นเขาได้
ราวกับว่าแม้แต่ฟ้าดินก็เปลี่ยนสีสันตามไปด้วย
กู้ซีจิ่วย่อมสัมผัสถึงรัศมีอันยิ่งใหญ่อันไร้ที่สิ้นสุดของเขาได้ หัวใจเสมือนถูกบางอย่างบีบแน่น หดตัวเป็นก้อน อำนาจบนร่างของอีกฝ่ายกดทับลงมา กดทับจนสองขาของเธอก็อ่อนยวบไปด้วยเช่นกัน แทบจะยืนไม่อยู่…
นับตั้งแต่เธอรู้จักเขามา เป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญหน้ากับอำนาจแห่งเทพของเขา เธอพยายามเหยียดกายอย่างสุดกำลังคิดจะเอ่ยวาจา แต่ถูกอำนาจอันยิ่งใหญ่บนร่างเขากดทับไว้ เปล่งวาจาไม่ออกเลยสักคำ
ถึงอย่างไรหลงซือเย่ก็เป็นผู้ที่มีพลังวิญญาณล้ำเลิศเช่นกัน พลังวิญญาณที่คุ้มกายอยู่เมื่อถึงเวลาก็หาใช่มังสวิรัติไร้พิษสงไม่ ถึงแม้การถล่มของอาคารจะน่าตกใจ ทว่าไม่ถึงขั้นเอาชีวิตเขาได้ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพุ่งขึ้นมาจากซากปรักหักพัง จากนั้นก็ร่อนลงบนพื้น
————————————————————————————-
บทที่ 1643 ความพิโรธของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 4
ใบหน้าเขาซีดขาว มองเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ก้มลงมองคนจากกลางอากาศด้วยความแปลกใจ ชั่วขณะหนึ่งเขาไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดกันแน่ ถึงทำให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พิโรธโกรธเคืองถึงเพียงนี้
ภายใต้สถานการณ์ที่อำนาจแห่งเทพของเทพศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่าน หลงซือเย่ยืนไม่อยู่เช่นกัน เขาคุกเข่าลง “ท่าน…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…”
เทพศักดิ์สิทธิ์ก้มลงมองเขา “หลงซือเย่ เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”
หลงซือเย่กล่าว “…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์โปรดชี้แนะ”
“เปิ่นจุนเคยบอกไว้นานแล้ว ร่างโคลนนิ่งเป็นสิ่งที่กำเนิดขัดต่อสวรรค์ ไม่สมควรปรากฏขึ้นบนโลกนี้ เปิ่นจุนเคยเตือนเจ้าเมื่อแปดปีก่อน ไม่อนุญาตให้ทำร่างโคลนนิ่งอีก เจ้าถือวาจาของเปิ่นจุนเป็นแค่ลมผ่านหูไปแล้วงั้นรึ?”
หลงซือเย่พูดจาอันใดไม่ออก เขาเหงื่อออกโซมกาย!
เมื่อนานมาแล้ว เทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ค่อยพอใจกับการวิจัยร่างโคลนนิ่งของหลงซือเย่ ด้วยเหตุนี้ แปดปีก่อนเคยมีโองการกำชับเขา ไม่ให้เขาทำร่างโคลนนิ่งอีกเป็นอันขาด เพื่อป้องกันไม่ให้ทำลายสามหลักห้าคุณธรรม[1]บนโลกใบนี้ เพียงแต่วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็ลืมเลือนไปชั่วขณะ…
คนความจำดีเลิศอย่างเขาเหตุใดจึงลืมได้เล่า?
หรือเพราะก่อนหน้านี้เขาเคยถูกหลงฟั่นยึดครองสังขาร? หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่มีทางปฏิเสธคำขอร้องของกู้ซีจิ่วได้ ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงลืมเลือนไปบ้างภายใต้คำร้องขอของเธอ?
เขาก้มหน้ายอมรับความผิด “เป็นความผิดของซือเย่เอง ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์โปรดลงทัณฑ์”
คำสั่งของเทพศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นกฎเหล็ก ผู้ใดก็ไม่อาจละเมิดได้ เมื่อทำผิดกฎย่อมต้องได้รับโทษทัณฑ์ที่เหมาะสม นี่คือกฎเกณฑ์ที่หลงซือเย่รู้มาตลอดหลายสิบปี
สายตาเทพศักดิ์สิทธิ์เย็นเยือก กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปสงบจิตใจในแดนเพลิงสักสามวัน!”
แดนเพลิงเป็นความลึกลับอย่างหนึ่ง เปลวเพลิงด้านในร้อนระอุ คนทั่วไปเข้าไปจะถูกหลอมละลาย ต่อให้เป็นคนที่มีพลังวิญญาณอย่างหลงซือเย่ก็ถูกแผดเผาจนผิวหนังชั้นหนึ่งลอกได้ เจ็บปวดแสนสาหัส
กู้ซีจิ่วรู้ถึงความร้ายแรงของแดนเพลิง เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป พลันก้าวไปทางเขาก้าวหนึ่ง “ร่างโคลนนิ่งข้าให้เขาทำให้เอง ข้าขอร้องเขาเอง! หากท่านจะลงโทษ เช่นนั้นก็ปล่อยเขาไป แล้วลงโทษข้า!”
เนื่องจากตี้ฝูอีมาอย่างกะทันหันเกินไป เมื่อมาถึงก็เดือดดาลปานอสุนีบาตถึงเพียงนี้ สมองกู้ซีจิ่วที่ถูกเตียงหยกเหมันต์แช่แข็งเชื่องช้าลงไปมาก เหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันทำให้สมองของเธอเกิดความสับสนงงงวยอย่างมิอาจบรรยาย ยามนี้แม้ปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแล้ว ภายในใจกลับบอกไม่ถูกว่านี่คือความรู้สึกอะไร
จิตใต้สำนึกแรกของเธอยังคงคิดว่าความจริงเขายังตัดเธอไม่ขาด ทนรับไม่ไหว ไม่ต้องการให้พลังวิญญาณของเธอถดถอย ดังนั้นจึงทำลายร่างโคลนนิ่ง แล้วยกเธอขึ้นจากเตียงหยกเหมันต์ในช่วงเวลาสำคัญ
ที่แท้เป็นเพียงเพราะว่าหลงซือเย่ละเมิดโองการที่เขาเคยสั่งไว้…
ครั้งนี้ที่หลงซือเย่ทำร่างโคลนนิ่งขึ้นมาก็เพราะเธอ เธอย่อมไม่อาจให้หลงซือเย่ต้องรับโทษทัณฑ์ด้วยเหตุนี้ จึงตัดสินใจกล่าวต่อ “หากจำต้องมีคนรับโทษทัณฑ์เข้าสู่แดนเพลิง เช่นนั้นโปรดให้ข้าเป็นตัวแทนเขา เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อข้า เขาเป็นผู้บริสุทธิ์!”
สุ้มเสียงของเธอยังแหบแห้งอยู่บ้าง นั่นเป็นผลจากไอเย็นที่เคยกล้ำกราย กู้ซีจิ่วอดทนกับความผิดปกติทุกรูปแบบ ยืดตัวตรงมองเขาอยู่ตรงนั้น สายตาคู่นั้นดำสนิทดุจน้ำหมึกที่ไม่จางหาย
นัยน์ตาทั้งคู่ภายใต้หน้ากากของเทพศักดิ์สิทธิ์ลึกลับและหมองหม่นยิ่งกว่านาง เสียงของเขาส่งมาจากหลังหน้ากาก เย็นเยือกจนจะกลายเป็นน้ำแข็งได้ ประหนึ่งเกล็ดหิมะที่โหมกระหน่ำกลางค่ำคืน “กู้ซีจิ่ว เจ้าคิดว่าเปิ่นจุนจะไม่ลงโทษเจ้าจริงๆ ใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วแหงนหน้าขึ้นมองเขา ยามนี้เธอรับรู้ได้ถึงระยะห่างราวฟ้ากับดินระหว่างเขาและเธอได้อย่างชัดเจน!
เขายืนสูงส่งอยู่ตรงนั้น เสมือนเทพก็ไม่ปาน
เธอถูกบังคับให้ค้อมกายยืนอยู่ท่ามกลางเศษหินแตกหัก ดั่งละอองฝุ่นเล็กจ้อย
————————————————————————————-
[1] สามหลักห้าคุณธรรม สามหลักประกอบด้วย กษัตริย์เป็นหลักขุนนาง บิดาเป็นหลักของบุตร สามีเป็นหลักของภรรยา ส่วนห้าคุณธรรม ประกอบด้วยเมตตา ซื่อสัตย์ ปัญญา จารีต และสัจจะ7