บทที่ 1644 ถือกำเนิดใหม่ 1
เธอเคยยืนอยู่ข้างกายเขา คิดว่าเท่าเทียมกับเขาได้ และพยายามทำตัวเองให้คู่ควรกับเขา ที่แท้ทั้งหมดกลับกลายเป็นเพียงภาพลวงตา…
เขาดูแลปฏิบัติต่อเธอเป็นพิเศษเพียงเพราะเธอคือจิตสำนึกของหลานจิ้งเคอ หากสลัดตัวตนนั้นออกไปได้เมื่อใด เธอก็จะเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งในสายตาเขา
เขายืนอยู่ตรงนั้น เว้นระยะห่างระหว่างกันเหมือนระยะห่างระหว่างฟ้าดิน ไม่มีทางมาบรรจบกันได้!
เธอข่มความเศร้าโศกที่กำลังเอ่อล้นในก้นบึ้งหัวใจ กระตุกมุมปากเล็กน้อย “ซีจิ่วไม่เคยคิดเช่นนี้!”
เขามองเธอเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว จะเมตตาต่อเธอได้อย่างไร?
แม้ว่าถูกอำนาจแห่งเทพที่แข็งแกร่งของเขากดเอาไว้ ทว่าเธอยังยืดตัวตรงอย่างสุดความสามารถ มองตรงไปที่ตี้ฝูอี “ข้าขอยืนยันคำเดิม หากจะลงโทษเขาให้ลงโทษข้าก่อน! ข้ายินยอมรับโทษทัณฑ์แทนเขาทั้งหมด!”
“ซีจิ่ว ไม่ได้!” ใบหน้าหลงซือเย่ก็แปรเปลี่ยน
เขาเคยลิ้มรสความทุกข์ทรมานของแดนเพลิงมาแล้ว มนุษย์ไม่อาจทนรับไหวจริงๆ เขาเป็นชายชาตรี ตอนนั้นอยู่ด้านในยังถูกแผดเผาจนตัวหดเกร็งอยู่ตลอดเวลา ผู้หญิงบอบบางอย่างกู้ซีจิ่วจะทนไหวได้อย่างไร?! เขายอมรับไว้เองเสียยังจะดีกว่า!
เขาก้าวไปด้านหน้า “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ โองการนี้ท่านสั่งต่อซือเย่ เป็นซือเย่ที่ทำผิดกฎนี้ เดิมทีซีจิ่วไม่รู้ว่ามีโองการนี้ นางแค่ต้องการสลับร่าง นำร่างเดิมส่งคืนให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ว่ากันว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องการร่างเดิมของนางไปใช้งานอย่างอื่น นางไม่อยากติดค้างเขาอีก…จึงใช้วิธีการโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้ให้ซือเย่สลับร่างให้ ไม่ได้มีความคิดชั่วร้ายใด ผู้ไม่รู้ย่อมไม่มีความผิด ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ได้โปรดปล่อยนางไป!”
เทพศักดิ์สิทธิ์หลุบตาลงมองเขา “นี่เจ้ากำลังต่อรองกับเปิ่นจุนอย่างนั้นรึ?”
หลงซือเย่นิ่งอึ้ง
“เจ้ากล้าดีอย่างไร?!”
หน้าผากของหลงซือเย่มีเหงื่อไหลซึม
หลายสิบปีมานี้ เทพศักดิ์สิทธิ์พูดคำไหนคำนั้นมาตลอด แทบจะไม่เหลือที่ว่างให้ผู้ใดโต้แย้ง โองการที่เขาถ่ายทอดลงมาเข้มงวดยิ่งกว่าคำสั่งทางทหาร ต้องปฏิบัติตามเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องถามหาเหตุผล เพียงแค่เขาพูดโทษทัณฑ์ออกมานั่นก็คือคำขาด! ใครหน้าไหนจะกล้าต่อรอง?!
บางครั้งการต่อรองโดยไม่ลืมหูลืมตาก็อาจทำให้โทษทัณฑ์ร้ายแรงมากขึ้น!
เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งอย่างเขา ไม่จำเป็นต้องเป็นกันเอง เข้าถึงได้ง่าย ทุกคนมีเพียงแค่สองคำต่อโองการของเขา…เชื่อฟัง!
ทั้งพื้นที่ภายในหุบเขาเงียบสงัด ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
มีเพียงสุ้มเสียงของเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ดังขึ้นอย่างเย็นชาเรียบเฉย “หลงซือเย่ เจ้าเป็นถึงสานุศิษย์สวรรค์กลับใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ขาดความยั้งคิด ถูกความรักบดบังตา ไม่คำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม ยังมีคุณสมบัติอะไรจะเป็นสานุศิษย์สวรรค์ได้อีก? ไม่อยากเป็นแล้วกระมัง!”
วาจาเพิ่งจบ คลื่นแสงเจ็ดสีบนฝ่ามือเขาก็ปกคลุมลงมา คุมขังหลงซือเย่ไว้ในทันที…
“ไม่นะ!” กู้ซีจิ่วหน้าถอดสี เรือนกายวาบไหว กระโจนออกไป ฝ่ามือทั้งสองโจมตีคลื่นแสงเจ็ดสีนั้นทันที!
ภายใต้บุ่มบ่ามของเธอ เสียงพายุฟ้าคะนองก่อตัวอย่างแผ่วเบาในฝ่ามือทั้งสอง จู่ๆ เธอก็ปล่อยคลื่นแสงหลากสีสายหนึ่งปะทะกับคลื่นแสงเจ็ดสีที่ตี้ฝูอีปล่อยออกมา สะเทือนจนมันสั่นสะท้าน
ทว่าพละกำลังของเธอสู้ตี้ฝูอีไม่ได้ คลื่นแสงหลากสีที่เธอปล่อยออกไปทั้งหมดแม้จะทรงพลัง ก็ยังคงไม่อาจสั่นคลอนคลื่นแสงที่ตี้ฝูอีส่งออกมาได้ กลับทำให้หลงซือเย่ที่ถูกคลื่นแสงปกคลุมส่งเสียงกรีดร้อง…
“เจ้าลองซัดอีกสักฝ่ามือดูได้!” น้ำเสียงเทพศักดิ์สิทธิ์เย็นชา “เปิ่นจุนกล้ารับประกันเลยว่าเขาจะสิ้นชีพอยู่ด้านในอย่างอนาถ!”
กู้ซีจิ่วตกตะลึง
เธอล่าถอยไปหลายก้าว ใบหน้าซีดขาว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กจ้อยเช่นนี้ ไม่มีพละกำลังถึงเพียงนี้!
เธอทำให้หลงซือเย่ต้องเดือดร้อนด้วย ทว่าเธอกลับทำสิ่งใดไม่ได้เลย…
————————————————————————————-
บทที่ 1645 ถือกำเนิดใหม่ 2
เธอจ้องมองเทพศักดิ์สิทธิ์ นัยน์ตาราวมีไฟลุกโชน!
และในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ แสงเจ็ดสีที่หมุนวนรอบหลงซือเย่อยู่จางหายไป ใบหน้าหลงซือเย่ซีดขาว ทรุดลงที่พื้น ไม่รู้ว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง เพียงเห็นหยาดเหงื่อที่ไหลลงจากศีรษะเขา
กู้ซีจิ่วแทบจะทรุดลงข้างกายหลงซือเย่ จับชีพจรเขาด้วยนิ้วมือที่สั่นเทา
เห็นได้ชัดว่าหลงซือเย่กำลังอดทนกับความเจ็บปวดแสนสาหัส เหงื่อโซมอาภรณ์ ทว่ายังกลัวว่ากู้ซีจิ่วจะเป็นกังวล จึงยกแขนขึ้นเล็กน้อย ไม่อยากให้เธอสัมผัสโดนตัวเอง “ไม่เป็นไร ฉัน…ไม่เป็นไร…”
“ฉัน…ฉันตรวจดูหน่อย…” เสียงกู้ซีจิ่วแหบแห้งนัก เหมือนกำลังพยายามข่มบางอย่างไว้ “ฉันขอร้อง…ให้ฉันตรวจดูหน่อย…”
ถึงแม้ว่าเธอพยายามควบคุมตัวเอง แต่ร่างกายยังสั่นเทา สีหน้าซีดขาว ดวงตาดับขลับทั้งคู่เบิกกว้างจับจ้องหลงซือเย่ “คุณ…ให้ฉันตรวจดูหน่อย…”
หลงซือเย่ชะงักงัน ในที่สุดก็ไม่หลบเลี่ยงเธออีก
กู้ซีจิ่ววางนิ้วมือจับชีพจรของเขา นิ้วมือเธอเย็นเยือกดุจแท่งน้ำแข็ง ทว่าสีหน้ากลับจริงจังยิ่ง ประหนึ่งเป็นหมอจริงๆ
การไหลเวียนโลหิตภายในร่างกายของหลงซือเย่พลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดทั่วร่างกายคล้ายถูกชำแหละ ทำให้เขาแทบอยากจะนอนขดตัวม้วนไปมาหลายรอบ ทว่าเขากลัวกู้ซีจิ่วจะเป็นกังวลจึงอดทนไว้ตลอด ใบหน้าอดกลั้นความเจ็บปวดไว้สุดชีวิต พลางฝืนยิ้ม “ไม่…ไม่เป็นไร…แค่เจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้นเอง เดี๋ยว…เดี๋ยวก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
กู้ซีจิ่วจ้องมองเขา ไม่ได้พูดอะไร ปลายนิ้วกลับมีพลังวิญญาณส่งผ่านระหว่างข้อมือ ไหลผ่านไปยังเส้นเลือดของเขา ช่วยให้การไหลเวียนโลหิตที่พลุ่งพล่านสงบลง…
ค่อยยังชั่ว หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ในที่สุดชีพจรของเขาก็กลับมาเป็นปกติ ความเจ็บปวดในกายทุเลาลงฮวบฮาบ ความเร็วของเหงื่อที่ไหลหยดในที่สุดก็ช้าลง ใบหน้าที่ซีดเผือดเริ่มกลับเป็นปกติ
สุดท้ายกู้ซีจิ่วหดมือกลับ “ตอนนี้คุณ…รู้สึกยังไงบ้าง?”
หลงซือเย่รับรู้ร่างกายตัวเองเล็กน้อย ดูเหมือนพลังวิญญาณของเขาจะลดลง! เดิมทีอีกไม่นานก็จะทะลวงขั้นสิบแล้ว ตอนนี้ยังไม่ถึงแม้แต่ขั้นเก้า…
ความจริงเขารู้สึกโล่งใจ เขาคิดว่าพลังวิญญาณของตนจะสูญสิ้นไปทั้งหมดเสียอีก…
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร” เขารีบเอ่ยปาก พลังวิญญาณลดลงขั้นหนึ่งถึงแม้จะน่าเสียดาย ทว่าเขายังฝึกฝนกลับมาได้ใหม่ ดีกว่าที่จินตนาการไว้มากนัก
นัยน์ตากู้ซีจิ่วหมองหม่น มองสีหน้าของเขาโดยละเอียดอีกครั้ง พูดงึมงำว่า “พลังวิญญาณของคุณถดถอยลงแล้ว…”
“ถดถอยลงไปเล็กน้อย ไม่เป็นไร”
กู้ซีจิ่วหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งยังยิ้มบางๆ “จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร? ทะลวงขั้นแปดไปขั้นเก้ายากจะตาย…” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้เธอก็ชะงัก ริมฝีปากสั่นเครือ แต่มุมปากยังคงหยักยิ้ม “ฉันทำให้คุณต้องเดือดร้อน ฉันสมควรตายจริงๆ เอาแต่ใจจริงๆ ต่อไปจะไม่ทำแล้ว…”
ยังกล่าวไม่ทันจบ เธอก็กระอักโลหิตออกมา!
เรือนกายไหวเอน เบื้องหน้ามืดมัว ทรุดตัวล้มลงในทันที…
“ซีจิ่ว!”
ภายใต้ความงุนงงเธอได้ยินเสียงตะโกนด้วยความตกใจของหลงซือเย่ ร่างกายเหมือนร่วงเข้าสู่อ้อมกอดของคนผู้หนึ่ง ต่อมาเธอก็ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
…
กู้ซีจิ่วไม่สบายสามวัน ไข้สูงสามวัน และสลบไปแล้วสามวัน
ตลอดเวลาที่สลบไป เธอรู้สึกรางๆ ว่ามีใครบางคนกุมมือเธอแน่น มีใครบางคนพูดจาเจื้อยแจ้วกับเธอ บอกเธอว่าต้องอดทน บอกเธอว่าต้องเข้มแข็ง…
ทำอย่างไรถึงจะอดทนได้เล่า?
เธอเหนื่อยล้ายิ่งนัก…
ความจริงเธอเข้มแข็งมาโดยตลอด ไม่ต่างกับแมลงสาบ ตราบใดที่ยังไม่ตายก็จะสู้ต่อไปไม่หยุด…
ไม่ว่าพบเจอความลำบากยากเข็ญอะไร เธอก็จะคิดหาวิธีฟันฝ่า อันที่จริงเธอเป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก
—————————————————————————