ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1706+1707

บทที่ 1706 ผู้ใดหนีผู้นั้นเป็นไอ้หลานเต่า!

ยามนี้ทันทีที่เขาคิดตกแล้ว ก็ไม่รีบร้อนจะฝึกฝนวรยุทธ์อีก!

ยามนี้เขาผสานเข้ากับร่างของหรงเจียหลัวอย่างสมบูรณ์แล้ว มีเพียงวรยุทธ์เท่านั้นที่ยังไม่ฟื้นฟุกลับมาอย่างสมบูรณ์

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ หากว่าเขาเอาจริงขึ้นมา กู้ซีจิ่วก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา!

ถ้าให้เวลาเขาสักครึ่งวัน เขาก็น่าจะจัดการนางได้! จากนั้นค่อยหาสถานที่สักแห่งเพื่อหลบซ่อน ทุกอย่างรอให้ตี้ฝูอีล่วงลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน…

ขณะที่เขากับกู้ซีจิ่วสนทนากัน ก็เดินไปเดินมาอยู่ในรอยแยกน้ำแข็งด้วย คล้ายว่าเดินเตร่ไปด้วยความเบื่อหน่าย ทว่าความจริงเขาได้เริ่มวางหมาก วางกลยุทธ์แล้ว เขาจะปิดผนึกที่นี่อย่างสมบูรณ์! ทำให้นางหนีไปไม่ได้อีก…

กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างระแวดระวังอยู่ตลอด เมื่อเขาเดินไปเดินมา เธอก็เดินวนเวียนติดตาม

เธอดูหงุดหงิดอยู่บ้าง เตะยอดน้ำแข็งริมฝั่งอยู่เสมอ

ถึงแม้ว่ายอดน้ำแข็งจะแข็งกว่าปกติ แต่ก็ยังต้านทานลูกเตะนี้ของเธอไม่ได้ ถูกเตะจนปลิวว่อนอยู่เสมอ ถึงขั้นที่บางครั้งก็กระเด็นไปทางโม่เจ้าอยู่สองสามที…

เป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ โม่เจ้าก็ไม่ปลอยให้ยอดน้ำแข็งนี้กระทบโดน บางครั้งก็สะบัดแขนเสื้อซัดออกไป บางครั้งก็เคลื่อนกายหลบหลีก แม้แต่เกล็ดน้ำแข็งสักอันก็ไม่ร่วงต้องร่างเขาเลยด้วยซ้ำ

กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่เสมอว่าวาจาของโม่เจ้ามีลับลมคมในยิ่งนัก ทว่ายังเดาไม่ออกว่าเป็นลับลมคมในอันใด

เธอก็ไม่อยากเดาแล้วเหมือนกัน!

เดาไปเดามาช่างเหนื่อยเหลือเกิน เธอคร้านจะใช้สมองแล้ว

ตอนนี้เธอมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สังหารโม่เจ้าซะ! เพื่อล้างแค้นให้จิ้งจอกน้อย! ล้างแค้นให้ตัวเองในอดีต! ล้างแค้นให้หรงเจียหลัว ล้างแค้นให้ปราชาชนบริสุทธิ์ที่ต้องตายอย่างไร้ความผิดเหล่านั้น! กำจัดภัยพิบัติใหญ่หลวงนี้ให้สิ้นซากไปเสีย!

แม้จะต้องตายตกตามกันไปก็ยอม!

เธอก็วางหมากแล้วเหมือนกัน หมากที่จะทำให้บอบช้ำกันไปทั้งสองฝ่าย กลยุทธ์ไม่ตายไม่เลิกรา…

ต่างฝ่ายต่างมีแผนการของตน แต่ละคนต่างเดินหมากแล้ว

ทั้งสองคนพูดคุยบางเรื่องกันต่อไป โม่เจ้าเป็นจอมเจ้าเล่ห์ พูดจาดน้ำไม่รั่วเลยสักหยด

กู้ซีจิ่วก็โต้ตอบอย่างสุขุมเช่นกัน ไม่ปล่อยให้เขาหลอกถามข่าวคราวได้อีกแม้แต่น้อย

ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้ชำนาญด้านการวางกลยุทธ์คนหนึ่ง มองออกเช่นกันว่าโม่เจ้าก็มีแผนการแล้ว คงคิดจะจับกุมเธอหรือไม่ก็สังหารเธอ…

เธอหยักมุมปากนิดๆ ใครจะเป็นฝ่ายสังหารใครก็ยังไม่แน่หรอก!

เธอยอมรับว่าวรยุทธ์ของเธอในตอนนี้สู้โม่เจ้าไม่ได้ แต่เธอก็มีวิธีการของเธอเอง วิธีนี้เธอเรียนรู้มาจากหมอผีคนหนึ่งในชาติก่อน นับว่าเป็นยอดอาวุธสังหารสำหรับต่อกรกับมารร้าย!

เพื่อแต่ค่าตอบแทนที่ต้องแลกเปลี่ยนนั้นใหญ่หลวงเกินไป ถ้าไม่ถึงช่วงจวนตัวจริงๆ ก็ไม่มีใครอยากใช้วิธีนี้

แต่ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาคับขันจวนตัวแล้วจริงๆ เป็นช่วงเวลาที่สมควรสำแดงวิธีนี้ออกมาแล้ว!

ถึงแม้โม่เจ้าจะเป็นยอดฝีมือด้านค่ายกลเช่นกัน แค่ความรู้ทั้งหมดในด้านนี้ของเขายังห่างชั้นกับกู้ซีจิ่วมากนัก

กลังจากเขาเดินวนเวียนเตร็ดเตร่อยู่เกือบครึ่งชั่วยามในที่สุดก็หยุดฝีเท้าแล้ว มองดูกู้ซีจิ่วที่อยู่ตรงข้าม

กู้ซีจิ่วก็เงยหน้ามองเขาเช่นกัน ทั้งสองคนสบตากัน โม่เจ้าแย้มยิ้ม รอยยิ้มนี้ดูอ่อนโยน ทว่ามอบความรู้สึกชั่วร้ายอย่างหนึ่งให้แก่ผู้คน “ซีจิ่ว ในเมื่อเจ้าชมชอบติดตามข้าถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็อย่าได้หนีอีกล่ะ ตกลงไหม?”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขา ไม่พูดอะไร

โม่เจ้าเหินร่างขึ้นมาทันที ร่อนลงบนริมฝั่งด้านนั้นของเธอ

ถึงอย่างไรเขาก็ติดตั้งเขตแดนไว้ในรอยแยกน้ำแข็งทั้งหมดแล้ว วิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วไม่อาจใช้การด้านในนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว นางไม่สามารถใช้วิชาเคลื่อนย้ายหลบหนีได้อีกแล้ว!

การติดตั้งเขตแดนนี้ยังคงสิ้นเปลืองพลังวิญญาณของโม่เจ้ายิ่งนัก หลังจากใช้อาคมนี้ออกมา เขาต้องพักฟื้นอย่างน้อยครึ่งเดือนถึงจะเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์ได้อีกครั้ง

หากมิใช่ตัดสินใจว่าจะละเรื่องการฝึกวรยุทธ์ไว้ก่อนชั่วคราว เขาก็คงหักใจใช่วิธีนี้ในยามนี้ไม่ลง

ครั้งนี้เขาต้องเอาชนะกู้ซีจิ่วให้ได้! แน่นอน เขาไม่ได้เห็นวรยุทธ์ของนางอยุ่ในสายตาเลยสักนิด

เขารู้ว่าวิทยายุทธ์ของนางยอดเยี่ยม แต่เมื่อเทียบกับเขาแล้วยังห่างชั้นกันมากนัก! ถ้าสู้กันจริงๆ ขึ้นมาบางทีนางอาจจะต้านรับเขาได้สักเจ็ดสิบแปดสิบกระบวนท่ากระมัง? ไม่มากไปกว่านี้แล้ว!

กู้ซีจิ่วหรี่ตาลงเล็กน้อย แย้มยิ้มเช่นกัน “ครั้งนี้เจ้าก็อย่าหนีไปอีกนะ ผู้ใดหนีผู้นั้นเป็นไอ้หลานเต่า! มาตัดสินกันให้จบสิ้นที่นี่เถิด!”

————————————————————————————-

บทที่ 1707 วรยุทธ์ที่ต้องการชีวิตเจ้า!

โม่เจ้าแทบจะไม่คาดคิดว่านางจะพูดจาหยาบโลน ตกตะลึงไปเล็กน้อยจากนั้นก็หัวเราะร่า “ได้! ผู้ใดหนีผู้นั้นเป็นไอ้หลานเต่า! ซีจิ่ว ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสความร้ายกาจของข้า!” เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ครั้งนี้ขอเพียงจับกุมนางได้ก็จะบังคับครอบครองนาง! ให้นางเป็นสตรีของเขา ถึงแม้ไม่ได้ครอบครองใจของนาง ได้ครอบครองร่างกายของนางก็ยังดี

เขาอยากเห็นท่าทางร้องไห้ฟูมฟายของนางภายใต้ร่างของเขา สิ่งของที่ไม่อาจครอบครองได้ เขายอมทำลายมันไปเสียยังดีกว่า!

จากการเรียกด้วยฝ่ามือ กระบี่สีแดงเลือดเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเขาอย่างรวดเร็ว

ปลายกระบี่ดังเปลวเพลิง ทว่าคมเย็นดังน้ำแข็ง ทันทีที่ปรากฏขึ้นราวกับแฝงด้วยเสียงโหยหวนของวิญญาณอาฆาตธารน้ำแข็งที่ไม่แข็งตัวมาเป็นหมื่นปีเดิมทีกำลังไหลเชี่ยว ทว่าทันทีที่กระบี่นี้ปรากฏขึ้น ธารน้ำแข็งพลันแข็งตัวในพริบตา ความมืดมนและหนาวเหน็บแทบจะตัดอาภรณ์ของคนให้ขาดได้

เมื่อแขนเสื้อกู้ซีจิ่วห้อยลง แส้อ่อนเส้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือ แส้อ่อนประกายสีรุ้ง สั่นไหวเล็กน้อย ทว่าก็เป็นเส้นตรงที่สมบูรณ์แบบ ลำแสงบนแส้อ่อนวาบไหว ประหนึ่งริ้วแสงตะวันย้อมสี

อาวุธวิเศษเดิมที่โดดเด่นของเธอโดยพื้นฐานเป็นของที่ตี้ฝูอีให้เธอ หลังจากที่ตัดขาดกับตี้ฝูอี เธอก็ส่งสิ่งของเหล่านั้นที่เขาเคยให้ทั้งหมดคืนกลับไป วรยุทธ์ที่เขาเคยถ่ายทอดให้เธอก็ไม่ใช้แล้ว

ส่วนแส้อ่อนนี้เธอกลั่นออกมาจากดวงวิญญาณ ทันทีที่เพิ่งปรากฏขึ้นก็มีลำแสงมงคลห่อหุ้มทั่วทั้งรอยแยกน้ำแข็ง

เดิมทีใจกลางรอยแยกน้ำแข็งเป็นน้ำแข็งสีฟ้าอ่อน เมื่อถูกแส้อ่อนสีรุ้งนี้ส่องสะท้อน ก็กลับกลายเป็นริ้วแสงอาทิตย์ หลากหลายพิลึกพิลั่นขึ้นมา

โม่เจ้ามองแส้อ่อนของนาง แววตาฉายความประหลาดใจ เขาไม่เคยรู้ว่ายามนี้อาวุธที่กู้ซีจิ่วเลือกออกมาจะเป็นแส้อ่อนเส้นหนึ่ง ในภาพความประทับใจของเขา นางเชี่ยวชาญการใช้กระบี่มาตลอด…

“ของเล่นชิ้นนี้ของเจ้าสีสันช่างฉูดฉาด ตี้ฝูอีให้เจ้ามาหรือ?”

กู้ซีจิ่วหยักมุมปากเล็กน้อย “สีสันฉูดฉาด แต่ก็ต้องการชีวิตของเจ้า!” แส้อ่อนดุจธารน้ำตก โบยบินไปทางโม่เจ้า

โม่เจ้าหัวเราะเริงร่า “ดีมาก ข้าก็อยากเห็นว่าสิ่งของอ่อนนุ่มเช่นนี้จะเอาชีวิตข้าได้อย่างไร!”

ลำแสงกระบี่ยาวกว่าหนึ่งจั้งโบยบินออกจากกระบี่โลหิต พุ่งตรงไปตัดแส้อ่อน!

กระบี่โลหิตของเขาคืออาวุธมารบรรพกาลชิ้นหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดที่ตัดไม่ขาด ต่อให้เป็นกระบี่ล้ำค่าที่ตีขึ้นมาจากเพชรก็ถูกกระบี่โลหิตนี้ตัดแหลกเป็นเสี่ยงได้

ที่อันตรายไปกว่านั้นก็คือ ภายในกระบี่โลหิตนี้กักขังวิญญาณอาฆาตที่ดุร้ายไว้มากมายนับไม่ถ้วน ด้วยการแกว่งไกวกระบี่โลหิต ไอวิญญาณอาฆาตจะแปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่ เผชิญเทพสังหารเทพ เผชิญเซียนสังหารเซียน เดิมทีกระบี่โลหิตนี้เป็นกระบี่ที่เขาวางแผนจะใช้ต่อกรกับเทพศักดิ์สิทธิ์ บัดนี้กลับใช้บนร่างของกู้ซีจิ่วเสียแล้ว

หากปราณกระบี่ของกระบี่โลหิตฟันโดนกู้ซีจิ่วจริงๆ นางก็จะถูกแช่แข็งกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง ทำให้โม่เจ้าทำอะไรได้ตามใจชอบ

ลำแสงกระบี่โลหิตปะทะกับแส้อ่อนโดยตรง โม่เจ้าวางแผนจะให้ไอเย็นเข้าสู่ร่างกู้ซีจิ่วโดยผ่านแส้อ่อนเส้นนั้น แช่ให้มือและเท้าของนางแข็งจนใช้การไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ แส้อ่อนก็ส่องสว่าง ลำแสงสีรุ้งแพรวพราว ขจัดและชำระล้างวิญญาณอาฆาตแดงฉานในพริบตา…

เขาประหลาดใจยิ่งนัก ชักกระบี่โลหิตกลับ วิญญาณอาฆาตภายในกระบี่โลหิตถูกลำแสงสีรุ้งของแส้อ่อนชำระล้างไปสองสามดวง…

“เจ้า…” เขามองนางด้วยความประหลาดใจอย่างมิอาจบรรยายได้ “นี่มันวรยุทธ์อะไรกัน?!” เขาไม่เคยพบเจอ

“วรยุทธ์ที่ต้องการชีวิตเจ้า!” กู้ซีจิ่วแปลงแส้อ่อนเป็นภาพลวงสะพานสายรุ้งอีกครั้ง พุ่งตรงไปพันรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว

ภาพลวงหลากสี ลำแสงเปล่งประกาย ภาษาสันสกฤตมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนแส้อ่อน ร่วงหล่นกระจัดกระจายกลางอากาศประหนึ่งกลีบดอกไม้ ร่วงหล่นลงที่ใด ที่นั่นก็เหมือนถูกลมวสันต์พัดโชย น้ำแข็งลึกลับกลายเป็นน้ำ กลับเป็นธารน้ำแข็งอีกครั้ง…

โม่เจ้าหรี่ตาลง!

ยามนี้วรยุทธ์ที่กู้ซีจิ่วใช้ออกมาไม่เพียงแต่แปลกประหลาด เป็นวรยุทธ์ที่เขาไม่เคยเห็น อีกทั้งยังมีพละกำลังมากมายอย่างน่าอัศจรรย์ ดูเหมือนไม่ต่างกับเทพศักดิ์สิทธิ์ออกโรงด้วยตัวเอง…

————————————————————————————-

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset