บทที่ 1796 วิวาห์ 3
ตี้ฝูอีก็ควบอาชาเวหาร่อนลงสู่พื้นแล้วเช่นกัน เรือนกายเขาไหววูบ เหินพลิ้วลงไป
ผู้คนมากมายต่างคุกเข่าลง คนนับไม่ถ้วนแซ่ซ้องยินดี
กู้เซี่ยเทียนเข้ามาต้อนรับอย่างด้วยสีหน้าปลาบปลื้มปรีดา อันที่จริงแล้วสองวันมานี้เขาค่อนข้างขัดแย้งในตัวเองอยู่เล็กน้อย ในทวีปนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนเมื่อพบท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ล้วนต้องทำความเคารพอย่างเต็มพิธี ตัวเขาในอดีตย่อมไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
แต่ตอนนี้ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะกลายเป็นลูกเขยเขาแล้ว เขาต้องคุกเข่ากราบอยู่หรือไม่?
ปัญหาข้อนี้เขาเคยถามไถ่หลัวซิงหลานดูแล้ว หลัวซิงหลานเพียงถามเขากลับประโยคหนึ่ง “หากว่าบุตรสาวของพวกเราถวายตัวแก่องค์จักรพรรดิ เมื่อฝ่าบาทมารับตัวท่านจะคุกเข่าหรือไม่?”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้กู้เซี่ยเทียนดุจตื่นจากฝัน ย่อมต้องคุกเข่าอยู่แล้ว!
พระสัสสุระขององค์จักรพรรดิเมื่อพบจักรพรรดิก็ยังต้องกราบสามคำนับเก้า แล้วนับประสาอะไรกับการพบท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เล่า?!
ด้วยเหตุนี้ ครั้งนี้หลังจากกู้เซี่ยเทียนออกมาต้อนรับก็นำคนหนุ่มคนแก่ในบ้านให้คุกเข่าลงไป
ตี้ฝูอีชะงักฝีเท้าเล็กน้อย “เห็นแก่หน้าซีจิ่ว วันหน้าเมื่อเจ้าพบเปิ่นจุนไม่ต้องกราบคารวะอีก” ดวงตาของกู้เซี่ยเทียนส่องประกาบวาบ รีบตอบรับแล้วนำทุกคนลุกขึ้น ต้อนรับตี้ฝูอีเข้าประตูไป…
สี่ทูตรวมถึงนักดนตรีเหล่านั้นย่อมติดตามเข้าไปด้วย
“มาแล้ว!”
“มาแล้ว!”
“มาแล้ว!”
เสียงแว่วต่อๆ กันเข้าไปถึงภายในเรือนนอนของกู้ซีจิ่ว
เหล่าสี่เหนียง[1]ต่างเร่งรีบสาละวนขึ้นมาทันที พยุงกู้ซีจิ่วขึ้นมา แล้วคลุมผ้าคลุมหน้าสีแดงปักลวดลายเมฆาให้เธอ…
ตามธรรมเนียมการส่งตัวเจ้าสาวของอาณาจักรเฟยซิง เมื่อฝ่ายชายมารับ บรรดาสี่เหนียงต้องพยุงเจ้าสาวไปอยู่หน้าประตู จากนั้นก็เปลี่ยนรองเท้าให้นางที่ประตู มอบแพรแดงผืนหนึ่งให้นาง เจ้าบ่าวจะถือปลายผ้าแพรไว้ ตลอดเส้นทางการเดินออกประตูไปขึ้นเกี้ยว สี่เหนียงจะคอยช่วยพยุงเจ้าสาว
สี่เหนียงเหล่านี้ย่อมปฏิบัติไปตามธรรมเนียมข้อนี้ เมื่อเห็นตี้ฝูอีเข้ามา บรรดาสี่เหนียงพอได้เห็นก็ตาลาย แทบจะก้าวขาไม่ออกเลย และยังคงปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างเคร่งครัด รีบยื่นแพรแดงส่งให้ตี้ฝูอีทันที ปากยังขับขานบทเพลงมงคลจำพวก ‘ครองรักชั่วนิรันดร์’ ไปด้วย
ตี้ฝูอียื่นมือหนึ่งมารับอย่างส่งๆ ทว่าไม่ได้หันหลังจูงเจ้าสาวของเขาออกไป แต่สาวเท้าก้าวเข้าไปหากู้ซีจิ่ว
บนร่างเขามีอำนาจชนิดหนึ่งที่ทำให้คนยำเกรง เมื่อสี่เหนียงสองคนที่คอยพยุงกู้ซีจิ่วอยู่ถูกเขาเข้ามาใกล้ สองขาพลันอ่อนยวบด้วยความตระหนก แทบจะคุกเข่าลงไป!
ตี้ฝูอีโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง สี่เหนียงทั้งสองปล่อยตัวกู้ซีจิ่วแล้วถอยห่างไปหนึ่งจั้งอย่างไม่อาจควบคุมตัวได้
ไม่รอให้ปฏิกิริยาตอบสนองของพวกนางกลับมา ตี้ฝูอีก็ก้มตัวอุ้มกู้ซีจิ่วที่ยืนอยู่ตรงนั้นขึ้นมาแล้ว เสียงหัวเราะเบาๆ ของเขาลอดผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดง “ซีจิ่ว ข้าจะอุ้มเจ้าไปนะ”
ร่างของกู้ซีจิ่วเข้าสู่อ้อมแขนของเขา อ้อมแขนนั้นอบอุ่นเช่นที่ผ่านมา หัวใจที่กระสับกระส่ายของเธอในที่สุดก็สงบลงแล้ว อบอุ่น ตื้นตัน เป็นสุข…สารพัดอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่ในทรวงอกเธอ
เธอรู้ว่าเขาทำแบบนี้ก็เพื่อเธอ เป็นเพราะเมื่อก่อนเธอเคยเอ่ยกับเขาโดยไม่ตั้งใจ ว่าการแต่งงานของยุคปัจจุบัน ตอนที่เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวจะใช้การอุ้มเพื่อพาไปขึ้นรถ…
ตอนนั้นตี้ฝูอีไม่ได้พูดอะไร กลับไม่นึกเลยว่าเขาจะจดจำใส่ใจไว้ แล้วนำมาปฏิบัติในยามนี้จริงๆ!
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างตกตะลึงทึ่มทื่อกันทั่วหน้า!
สี่เหนียงบางคนคิดจะตะโกนว่าทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่กล้า ทั้งหมดต่างเจ้ามองข้าข้ามองเจ้า
ยังคงเป็นกู้เซี่ยเทียนที่ตามเข้ามาด้วยเอ่ยขึ้นอย่างอดไว้ไม่ได้ว่า “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านสมควรถือแพรแดงจูงนางไปนะขอรับ ท่านทำเช่นนี้ขัดต่อธรรมเนียม…”
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเฉยชา “เปิ่นจุนก็คือธรรมเนียม”
กู้เซี่ยเทียนเงียบไป เข้าไม่กล้าพูดอีกสักประโยคแล้ว!
สิ่งที่เขาไม่ทราบคือ เนื่องจากประโยคนี้ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ นับจากนี้ไปธรรมเนียมการวิวาห์ของหนุ่มสาวในแผ่นดินนี้ล้วนเป็นฝ่ายชายอุ้มฝ่ายหญิงก้าวออกประตูไป
————————————————————————-
บทที่ 1797 วิวาห์ 4
กู้ซีจิ่วไม่สนใจสายตาของคนเหล่านั้น เธอยื่นแขนไปคล้องคอเขา ซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกเขา “ได้!”
ตี้ฝูอีอุ้มเธอเดินออกไปช้าๆ ระหว่างทางไม่ทราบว่าทำให้ผู้คนเบิกตาด้วยความตกตะลึงไปมากน้อยเพียงใดแล้ว
ยามที่เขาอุ้มกู้ซีจิ่วออกมาจากประตูใหญ่สกุลกู้ ฝูงชนที่มุงดูอยู่ด้านนอกเหล่านั้นกลายเป็นหนักพันหลักหมื่นแล้วเมื่อเห็นฉากนี้แต่ละคนก็ยิ่งพากันสูดหายใจ…
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้หล่อเหลายิ่งใหญ่อุ้มเจ้าสาวตัวน้อยก้าวข้ามประตู ฉากนี้สร้างความสั่นสะเทือนอย่างยิ่งใหญ่เหนือธรรมดา!
สตรีเหล่านั้นต่างริษยากันจนตาแดงก่ำไปหมดแล้ว!
ตี้ฝูอีอุ้มเจ้าสาวของเขาออกประตูมาเช่นนี้ แล้วอุ้มนางไปขึ้นเกี้ยวของตน…
ในภายภาคหน้างานวิวาห์นี้จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจที่สุดของแผ่นดินนี้ ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่มีวาสนาได้ชมงานวิวาห์นี้ ได้เปิดโลกทัศน์แล้ว
หลานไว่หูแนบชิดอยู่ข้างกายเยี่ยนเฉิน ในสายตาคู่นั้นมีความอิจฉาอยู่
เยี่ยนเฉินโอบเอวนางไว้ กระซิบริมหูนาง “ไว่หู ข้าไม่สามารถจัดงานวิวาห์ที่ยิ่งใหญ่ปานนี้ให้เจ้าได้ แต่ว่า…เมื่อถึงวันนั้นข้าก็จะอุ้มเจ้าไปขึ้นเกี้ยวเหมือนกัน!”
หัวใจหลานไว่หูอุ่นวาบ พยักหน้าหนักๆ “อื้ม!”
ขบวนรับตัวเจ้าสาววนเหนือเมืองหลวงอยู่สองรอบ แฝงความนัยที่เป็นมงคลต่อทั้งคู่ สองสองเข้าคู่กัน
ด้วยเหตุนี้ ประชาชนทั้งเมืองจึงได้เห็นฉากที่อลังการนี้กันทั้งสิ้น
สถานที่ที่เกี้ยวมงคลเคลื่อนผ่านจะมีกลีบบุปผาโปรยปราย ราวกับหยาดพิรุณกลีบบุปผา…
ในเกี้ยวมงคลตี้ฝูอีก็ไม่ได้วางนางลง ให้นางนั่งอยู่ในอ้อมแขนของตนต่อไป ทั้งสองอิงแอบแนบซบกัน ถึงแม้จะคลุมหน้าไว้ ก็ไม่อาจขวางกั้นอันใดอย่างแท้จริงได้
“ซีจิ่ว เจ้าดีใจไหม?” ตี้ฝูอีถาม
“ดีใจสิ!”
ตี้ฝูอียิ้มนิดๆ จุมพิตหน้าผากนางผ่านผ้าคลุมหน้า “ข้าก็เหมือนกัน” อันที่จริงฉากนี้เป็นสิ่งที่เขาตั้งตารอตั้งแต่เมื่อเก้าปีก่อนแล้ว ถึงขั้นที่เคยจัดการไว้แล้ว เพียงน่าเสียดายที่ครั้งนั้นนางหนีไปก่อนถึงวันเข้าพิธี…
นางนั่งอยู่ในอ้อมแขนเขา มือของทั้งสองคนเกาะกุม สิบนิ้วสอดประสาน แหวนสองวงส่องประกายอยู่บนนิ้วมือของกันและกัน เฉกเช่นยวนยางเคียงคู่
คล้ายว่ากู้ซีจิ่วจะนึกอะไรขึ้นมาได้เช่นกัน “ขอโทษนะ…” เธอขอโทษที่ครั้งก่อนหนีงานแต่งไป
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ครั้งนั้นข้าผิดเอง…ซีจิ่ว ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ได้แต่งกับเจ้าแล้ว ข้าดีใจยิ่งนัก”
เธอซุกเข้าหาอ้อมอกเขาอีกครา “ข้าก็เหมือนกัน ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันอยู่…” ซ้ำยังเป็นความฝันที่สุขสันต์อย่างยิ่งอีกด้วย!
ตี้ฝูอีเกลี่ยแก้มนาง “ตอนกลางคืนข้าจะทำให้เจ้าสัมผัสเองว่าอะไรคือความจริง!”
กู้ซีจิ่วตอบอ้อมแอ้ม “…บ้ากาม!”
ตี้ฝูอียิ้ม กระซิบริมหูนาง “ข้าบ้ากามแค่กับเจ้า!”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว…
เธอไม่ยอมแพ้ เอ่ยกระซิบข้างหูเขาเช่นกัน “ข้าก็อนุญาตให้ท่านบ้ากามได้แค่กับข้าเหมือนกัน”
ตี้ฝูอีหัวเราะฮ่าๆ อย่างอดไว้ไม่อยู่ “เช่นนั้นข้าก็ยินดีรับ!”
เสียงหัวเราะของเขากังวาน แว่วออกไปนอกรถ ทำให้ใบหน้าของสี่ทูตที่ติดตามอยู่ข้างๆ เกี้ยวมงคลเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
มีแค่ช่วงเวลาที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่กับแม่นางกู้ ถึงจะหัวเราะออกมาได้เต็มเสียงเช่นนี้!
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาไม่เคยหัวเราะเช่นนี้มานานมากแล้ว!
โดยเฉพาะในช่วงที่แม่นางกู้ ‘สิ้นชีพ’ ไป ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งเทพเหมันต์ ไม่สนทนาพาทีเลยสักประโยค ตัวคนก็หมดอาลัยตายอยาก…
เมื่อแม่นางกู้ฟื้นคืนชีพก็ทำให้อารมณ์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ฟื้นฟูกลับมาด้วย ชอบยิ้ม ชอบหยอกเย้าคน เจ้าเล่ห์จนเอาชีวิตคนได้ บางครั้งก็หยอกล้อพวกเขาทั้งสี่ด้วย…ทั้งหมดเป็นความดีความชอบของแม่นางกู้!
พวกเขาทั้งสี่ซาบซึ้งในตัวแม่นางกู้อย่างยิ่ง ซาบซึ้งที่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต นางทำให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มีความสุขได้เช่นนี้
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ขณะที่พวกมู่เฟิงยิ้มอยู่ ขอบตาก็แดงเรื่องไปด้วย…
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับกู้ซีจิ่วแล้วราวกับภาพฝันมายา งดงามจนไม่คล้ายว่าใช่ความจริง
———————————————————————–
[1] สี่เหนียง คือ สตรีที่ออกเรือนแล้ว ทำหน้าที่คอยเป็นพี่เลี้ยงให้เจ้าสาวในวันวิวาห์ คอยช่วยเหลือและแนะนำเจ้าสาวในตอนเข้าพิธี