บทที่ 1902 เธอไม่ได้ตั้งใจนะ…
กู้ซีจิ่วมาเสียเที่ยวแล้ว จึงพยักหน้านิดๆ ขณะที่กำลังจะจากไป พลันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเล็กน้อยแว่วออกมาจากตำหนักนภาลัย เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งออกมาเรียกไป๋เจ๋อทันที “ไป๋เจ๋อ เจ้าว่านายน้อยกำลังจะฝ่าออกมาแล้วใช่หรือไม่? ค่ายกลนั้นมีความผิดปกติบ้างแล้ว”
ไป๋เจ๋อถอนหายใจอย่างโล่งอก “ใช่แน่แล้ว! นายน้อยถูกขังอยู่ในเขตแดนนั้นมาสองวันสองคืนแล้ว ใกล้จะฝ่าออกมาได้แล้วเป็นแน่ เถิงเสอ เจ้ารีบไปเตรียมสำรับอาหารเร็ว นายน้อยถูกขังอยู่ในเขตแดนนานถึงเพียงนี้ หลังออกมาต้องหิวมากเป็นแน่…”
ทั้งสองพูดคุยกัน พลางสาวเท้าก้าวเข้าไปแล้ว
กู้ซีจิ่วยืนอยู่หน้าประตูตำหนักนภาลัย เธอเคยได้ยินเรื่องของวังนภาลัยแห่งนี้มาแล้ว
ประตูใหญ่มีเขตแดน ถ้าไม่มีคนในคอยนำทาง คนนอกไม่อาจบุกเข้าไปได้
ดังนั้นประตูใหญ่บานที่ยังเปิดอ้าอยู่บานนี้ อันที่จริงไม่มีคนนอกหน้าไหนสามารถเข้าไปได้ทั้งนั้น
เธอมองเข้าไปด้านใน ดูเหมือนเสินเนี่ยนโม่จะอยู่บ้าน…
ซ้ำยังถูกขังไว้ในเขตแดนอันใดอีก จากถ้อยคำของพวกไป๋เจอ๋ทั้งสอง ดูเหมือนหลังกลับจากงานดอกไม้ไฟคืนนั้น เจ้าเด็กน้อยจะถูกขังไว้ในเขตแดนเลย…
ทำโทษที่หนีออกไปวิ่งเล่นหรือ?
เด็กน้อยที่น่าสงสาร!
ถ้างั้นเธอต้องเข้าไปดูเขาหน่อยหรือเปล่า?
หนก่อนตอนที่เธอเข้าไป เป็นช่วงพิธีวิวาห์ของสองสามีภรรยาพอดี ยามนั้นมีแขกเหรื่อเข้านอกออกใน ไม่ติดตั้งเขตแดนก็เป็นปกติยิ่งนัก แต่ตอนนี้ล่วงเลยมาเนิ่นนานปานนี้ ตำหนักนภาลัยน่าจะกลับสู่สภาพเดิมแล้ว
กู้ซีจิ่วยืนแกร่วอยู่ที่ปากประตูครู่หนึ่ง ตัดสินใจในทันใด ใช้วิชาเคลื่อนย้ายเสียเลย
เธอคำนวณไว้ในใจแล้ว หากว่าเข้าไปได้อย่างราบรื่น เธอจะไปดูเด็กน้อยเสียหน่อย หากว่าไม่ได้ เช่นนั้นก็แล้วไปเถอะ
สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงคือ เขตแดนของตำหนักนภาลัยสำหรับเธอแล้วเสมือนไม่มีตัวตนเลย
เข้าไปได้โดยไม่พบสิ่งกีดขวางสักนิด!
แปลกจัง ทำไมยังไม่มีเขตแดนอยู่ล่ะ? หรือว่าเดี๋ยวนี้ตำหนักนภาลัยไม่ติดตั้งเขตแดนแล้ว?
กู้ซีจิ่วคิดไม่ตกเลย จึงส่ายศีรษะอีกครั้ง ช่างเถอะ!
นี่เป็นเรื่องราวในบ้านของผู้อื่น เธอไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้
เธอเคลื่อนไปรอบๆ ตำหนักนภาลัยอย่างรวดเร็ว เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำลายเขตแดน ย่อมค้นพบเขตแดนที่ด้านหลังภูเขาจำลองในสวนดอกไม้ได้รวดเร็วยิ่ง
ภายในเขตแดนมีความเคลื่อนไหวอยู่บ้างจริงๆ ชัดเจนยิ่งนัก คนถูกขังไว้กำลังหาทางทำลายเขตแดนออกมา
กู้ซีจิ่วจึงนั่งลงบนโขดหินก้อนหนึ่งของภูเขาจำลองเสียเลย อยากเห็นว่าหนูน้อยจะทำลายเขตแดนนี้ออกมาได้อย่างไร
เธอมองออกว่าเขตแดนนี้ซับซ้อนยิ่งนัก ซับซ้อนถึงระดับที่ทำให้เธอตะลึงได้เลย
เขตแดนประเภทนี้หากว่าโยนหลงซือเย่เข้าไปล่ะก็ เกรงว่าสิบวันครึ่งเดือนก็ยังฝ่าออกมาไม่ได้กระมัง?
เด็กคนนั้นยังไม่เต็มขวบ จะสามารถฝ่าออกมาได้ภายในสองวันจริงหรือ?
เสียงโครมครามภายในค่ายกลดังขึ้นเรื่อยๆ
ท้ายที่สุด เพียงได้ยินเสียงฟ้าผ่าคราหนึ่ง เขตแดนนั้นก็ถูกฉีกกระชากอย่างรุนแรงจนกลายเป็นโพรง เงาร่างเล็กๆ เงาหนึ่งมุดออกมาจากโพรงนั้น เป็นเสินเนี่ยนโม่!
เขาดูค่อนข้างมอมแมม แต่ท่าทางกลับดูภาคภูมิใจ หลังออกมาได้เขาก็เงยหน้าหัวเราะคราหนึ่ง “ในที่สุดข้าผู้เป็นนายน้อยก็ออกมาได้แล้ว!”
เขาดูไม่คับข้องใจที่ถูกขังไว้ถึงสองวันสองคืนเลย รู้สึกเพียงว่านภาก็คราม จันทราก็กลม เมื่อหันหลังไป ก็มองเห็นคนผู้หนึ่งในอยู่ในจุดที่ห่างจากเขาไปหนึ่งจั้ง
สวมอาภรณ์ดำ สวมหน้ากากใบหน้าสีเขียวแยกเขี้ยว กำลังมองดูเขาอย่างเยียบเย็น
เขาสะดุ้งโหยง ถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ เท้าพลันสะดุดโขดหินก้อนหนึ่ง เกิดเสียงดังตึง เขาหลุดเข้าไปในเขตแดนอีกครั้ง…
“คนหน้าผีที่น่าตาย!” เขตแดนปิดสนิทอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงด่าทอด้วยความโกรธเคืองของเสินเนี่ยนโม่ที่แว่วอยู่ในอากาศ ไม่เห็นเงาร่างของเด็กน้อยคนนั้นอีกต่อไป…
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน
เธอไม่ได้ตั้งใจนะ…
เธอแค่ไม่อยากให้เสินเนี่ยนโม่จำได้ว่าเธอก็คือ ‘พี่สาว’ ในงานดอกไม้ไฟคืนนั้น ดังนั้นจึงแต่งตัวตามปกติ…
เธอนวดหว่างคิ้วอย่างไร้ซึ่งความผิด ครุ่นคิดเล็กน้อย หัวใจพลันสั่นไหว! บางทีเธอควรจะเข้าไปดูเสียหน่อย!
————————————————————————-
บทที่ 1903 หรือว่าเป็นเพราะพบเจ้านายเก่า?
เธอเพิ่งขยับตัวได้เล็กน้อยก็นิ่งไปอีกครั้ง ในเมื่อเด็กน้อยสามารถทำลายออกมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งที่สองก็น่าจะทำลายได้ดีกว่าเดิมกระมัง? บางทีเขาอาจจะฝ่าออกมาได้อีกครั้งในระยะเวลาสั้นๆ
กู้ซีจิ่วใคร่ครวญดูแล้ว จึงขึ้นไปอยู่บนต้นไม้เสีย กำบังกายไว้ เลี่ยงไม่ให้เขาตกใจอีกครั้งในยามที่ออกมา
เธอเดาได้แม่นยำนัก ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เสินเนี่ยนโม่ก็กระโจนออกมาจากเขตแดนได้อีกครั้ง
ออกมาหนนี้เด็กน้อยไม่ได้หัวเราะร่าอย่างภาคภูมิใจแล้ว แต่มองไปรอบๆ ก่อน ดวงตาฉายแววระแวดระวัง
ค่อยยังชั่ว ไม่เห็นคนหน้าผีลึกลับผู้นั้นแล้ว…
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ได้รีบร้อนไปหาคนอื่นเพื่อกินอาหาร แต่จัดแจงเสื้อคลุมตัวน้อยร่างกายให้เรียบร้อย
ข้ารับใช้ไป๋เจ๋อวิ่งเข้ามาหา เอ่ยแสดงความยินดีกับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นายน้อยยินดีด้วยขอรับที่ฝ่าทะลวงออกมาได้สำเร็จอีกครั้ง! เถิงเสอจัดเตรียมอาหารเลิศรสมากมายไว้ให้นายน้อยแล้ว นายต้องการไปกินตอนนี้เลยไหมขอรับ?”
เสินเนี่ยนโม่หิวจริงๆ แต่ตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องไปทำ “ไม่ ข้าจะไปอาบน้ำก่อน!” วิ่งจากไปปานควันสายหนึ่ง
ยามนี้กู้ซีจิ่วซ่อนตัวอยู่กลางอากาศ มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างด้านล่าง
โชคดีที่เธอหลบได้เร็ว มิเช่นนั้นคงถูกเจ้าเด็กนี้พบเข้าแล้ว!
พบเข้าน่ะไม่เท่าไหร่ เพียงเกรงว่าเขาจะตกใจจนหลุดเข้าไปในเขตแดนอีกครั้งเท่านั้น!
วิชาพรางตัวของเธอเลิศล้ำ ไม่เพียงแต่เสินเนี่ยนโม่เท่านั้นที่ไม่พบตัวเธอ แม้แต่สัตว์วิเศษที่ฝึกฝนจนจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้แล้วอย่างไป๋เจ๋อตัวนั้นก็ไม่พบตัวเธอเช่นกัน
เด็กน้อยคนนี้พิกลนัก หิวจนหัวหนักเท้าล้าแล้ว ยังรักสะอาดยิ่งชีพอยู่อีก…
จะว่าไป เขาใช้คาถาชำระล้างไม่เป็นหรือ?
หรือว่าเขายังไม่ได้ฝึกฝนวิชานี้?
อยู่ที่ดินแดนเบื้องบนกู้ซีจิ่วล้วนตะลอนไปตะลอนมาอย่างเร่งรีบทั้งสิ้น จึงยังไม่เข้าใจผู้คนของดินแดนเบื้องบนแห่งนี้อย่างสมบูรณ์นัก
เธอบังเอิญก้มหน้าลง พู่หยกที่เอวพลันส่องแสงออกมารางๆ
เธอตะลึงงัน!
พู่หยกชิ้นนี้เธอได้มาจากถ้ำบนภูเขาแห่งหนึ่ง บนหยกแกะสลักสัตว์วิเศษไว้แปดตัว เนื้อหยกอ่อนละมุน รูปลักษณ์แปลกใหม่ เมื่ออยู่ภายใต้แสงตะวันสามารถส่องประกายแสงที่แตกต่างกันออกไปได้
เธอจำได้ว่าเคยเห็นพู่หยกชิ้นนี้บนร่างของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ในความฝัน ดังนั้นในยามที่ได้รับสิ่งนี้จึงดีใจยิ่งนัก
ช่วงที่ผ่านมาเธอห้อยเอาไว้ตลอด ล้วนไม่เห็นความผิดปกติใด ยามนี้จู่ๆ กลับส่องแสงออกมา…
หรือว่าเป็นเพราะพบเจ้านายเก่า?
เสี่ยวเนี่ยนโม่คือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์หรือ?!
ลักษณะของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์วาบเข้ามาในสมองเธอ ในความฝันถึงแม้เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์จะสวมหน้ากากไว้ แต่ดวงตาที่อยู่หลังหน้ากากกลับลุ่มลึกทรงเสน่ห์ยิ่งนัก หากคนเผลอไผลก็สามารถถลำลึกเข้าไปได้เลย
บุคคลเช่นนั้นแฝงเสน่ห์เย้ายวนสายหนึ่งไว้รางๆ ดูมีสง่าราศีมากนัก
ไม่เข้ากับเสี่ยวเนี่ยนโม่เลย…
เธอใคร่ครวญอยู่บนฟ้าพักหนึ่ง ตัดสินใจจะไปสังเกตการณ์ดูอีกครั้ง
….
เสินเนี่ยนโม่อาบน้ำอยู่ในทะเลสาบใหญ่ ร่างเล็กๆ ว่ายไปว่ายมาอยู่ในทะเลสาบ ราวกับมัจฉาตัวหนึ่งดิ้นหลุดจากอวน
ท่านพ่อของเขาเล่นแรงเกินไปแล้ว เขตแดนที่ติดตั้งทำเอาผู้อื่นพูดไม่ออกเลย ด้านในฝุ่นทรายว่อนเต็มฟ้า เขาอยู่ในทะเลทรายแห่งนั้นสูดทรายเข้าปอดอยู่สองวัน รู้สึกว่าสมองแทบจะจมเข้าไปในทรายแล้ว!
อยู่ในนั้นเขาสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปมากมาย ถึงจะทำให้ตัวเองดูสะอาดขึ้นมาได้บ้าง
เขารักสะอาดแต่กำเนิด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ติดนิสัยที่จะทำให้ตนดูสะอาดเอี่ยมอ่อง ดังนั้นหลังจากเขาหนีออกมาจากเขตแดนได้สิ่งแรกที่ทำก็คืออาบน้ำ!
ให้สายน้ำชำระล้างความเหนื่อยล้าและคราบสกปรกออกไปจากร่างตน…
เขาอาบอย่างพิถีพิถันยิ่ง แม้แต่เล็บก็ยังขัดจนเอี่ยม
เขาเป็นเด็กน้อย เมื่ออาบน้ำย่อมต้องเปลือยกายล่อนจ้อน อีกทั้งในตำหนักนภาลัยแห่งนี้ก็ไม่มีคนนอก บิดามารดาออกไปข้างนอกแล้ว มีเพียงสี่สัตว์วิเศษที่จำแลงกายเป็นมนุษย์คอยดูแลบ้าน
ยามเขาอาบน้ำจึงไม่มีผู้ใดมารบกวนเขาได้
ขณะที่เขากำลังยุ่งง่วนอยู่ ทันใดนั้นคล้ายจะสัมผัสถึงอะไรได้ ดวงตาคู่โตมองไปที่ต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ
——————————-