บทที่ 1927 หลบหนี
เหล่าเถี่ยผู้นั้นโล่งอก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังลั่น “ช่างบังเอิญเหลือเกิน! นังหนูนี่ดีกว่าชิงหลัวผู้นั้นเสียอีก!”
ใบหน้าพริ้มเพราะของสาวน้อยคนนั้นซีดเซียว เม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มนิดๆ “แล้วพวกเจ้าจะเสียใจที่จับข้ามา!”
เหล่าเถี่ยหัวเราะฮ่าๆ “เสียใจ? เจ้านึกว่าจื่อฉุนซ่างเหรินอาจารย์ของเจ้าจะมาช่วยเจ้า ล้างแค้นให้เจ้าได้หรือ? อย่าได้ฝันเลย! เจ้าหายตัวไปเช่นนี้ นางไม่มีทางพบร่องรอยเลยสักนิด…จุ๊ๆ นำหนูน้อยที่งดงามถึงเพียงนี้มาหลอมเป็นโอสถช่างเสียของโดยแท้…”
กล่าวไปพลาง ยื่นมือออกไปพลาง หมายจะบีบแก้มของสาวน้อยคนนี้
สาวน้อยเอียงคอมองเขา ระลอกแสงในดวงตาทอเข้มขึ้น ราวกับมีสีสันพิสดารหมุนวนอยู่ แฝงความเยียบเย็นเอาไว้ ดั่งแสงสะท้อนบนทุ่งน้ำแข็ง ทำให้หัวใจของเหล่าเถี่ยหนาวยะเยือกขึ้นมาทันที แข็งทื่อไปแวบหนึ่ง
เพื่อนร่วมงานของเขาก็ปรามเขาแล้ว “เหล่าเถี่ย เด็กพวกนี้จะต้องเก็บรักษาความบริสุทธิ์ไว้ สรรพคุณของโอสถที่หลอมออกมาถึงจะครบถ้วน เจ้าอย่าได้วุ่นวายรุ่มร่าม”
เหล่าเถี่ยชักมือกลับมาอย่างขุ่นเคือง “ข้อนี้ข้ารู้อยู่ ไม่เช่นนั้นข้าคงลิ้มรสเจ้าไก่อ่อนพวกนี้ไปนานแล้ว!”
ไม่กี่คนที่อยู่ตรงนั้นเอ่ยหยอกล้อกันอยู่สองสามประโยค เหล่าเถี่ยคนนั้นรวมถึงเพื่อนร่วมงานของเขาก็พาพวกซือชิงเข้าไป
เดิมทีเขายังคิดจะยัดเด็กน้อยทั้งสามเข้าไปในถุงกระสอบดำ แต่สาวน้อยคนนั้นกลับเอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้พวกเขาหวั่นไหว “เจ้าคลายจุดให้พวกเราสิ พวกเราจะเดินไปเอง”
เหล่าเถี่ยก็ไม่อยากแบกถุงกระสอบเดินแล้ว อีกอย่างที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของพวกเขาแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าเด็กทั้งสามจะงอกปีกแล้วบินหนีไป
ดังนั้นเขาจึงคิดดูแวบหนึ่ง สุดท้ายก็คลายจุดให้เด็กน้อยทั้งสาม ทำให้สองขาของพวกเขากลับมาเคลื่อนไหวได้ แต่ก็แค่พอมีแรงเดินเหินเท่านั้น อย่างอื่นยังคงถูกผนึกไว้
เหล่าเถี่ยนำทางอยู่ด้านหนึ่ง เด็กทั้งสามเดินอยู่ตรงกลาง ด้านหลังมีคนผู้หนึ่งปิดขบวน เช่นนี้ก็ไม่ต้องกลัวเด็กทั้งสามจะเล่นเล่ห์แล้ว
ทว่าสายตาของซือชิงกลับอดไม่ได้ที่จะมองไปยังสาวน้อยคนนั้นอยู่หลายครา เขาเคยเห็นศิษย์น้อยปิดสำนักของจื่อฉุนซ่างเหริน เป็นคนงามน้อยวัยสิบสามสิบสี่คนหนึ่งจริงๆ นิสัยร่าเริงมีชีวิตชีวา ไม่เหมือนสาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้านี้เลยสักนิด
เด็กสาวคนนี้แอบอ้างสวมรอย!
เช่นนั้นนางมีที่มาเช่นใดกัน?
ในใจเขายังคงเป็นห่วงศิษย์น้องหญิงของตนอยู่ จึงค่อยๆ เข้าไปใกล้เด็กสาวคนนั้นเล็กน้อย แต่จนปัญญาที่ไม่อาจเอ่ยถามได้
บนร่างของสาวน้อยคนนั้นมีกลิ่นหอมอ่อนจาง เดิมทีซือชิงร้อนใจ แต่เมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนจางสายนี้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะสงบลงอย่างรวดเร็ว
เส้นทางของที่นี่พิสดารนัก มีทางแยกมากมายยิ่ง และทุกเส้นทางล้วนมีคูน้ำสายหนึ่งอยู่ ในคูน้ำมีของเหลวสีเขียวไหลรินอย่างมีชีวิตชีวา
เส้นทางก็ขรุขระไม่ราบเรียบ ยามที่เหยียบย่ำลงไป ถึงขั้นที่ค่อนข้างหนืดเท้าด้วย
ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?
ชั่วชีวิตนี้ซือชิงไม่เคยสัญจรบนเส้นทางและเข้าสู่สถานที่แปลกประหลาดเช่นนี้เลย
ด้านในของที่นี่ค่อนข้างคล้ายกับรังมด แตกแขนงออกไม่นับไม่ถ้วน แยกย่อยออกไปมากมาย ระหว่างทางก็ได้พบเจอมนุษย์ครึ่งสัตว์คนอื่นๆ ด้วย แต่ละคนล้วนประหลาดพิสดาร
ยิ่งเดินซือชิงก็ยิ่งสิ้นหวังขึ้นเรื่อยๆ
ตลอดทางมานี้เขาพบเจอมนุษย์ครึ่งสัตว์อย่างน้อยๆ ก็หกสิบเจ็ดสิบคนแล้ว แต่ละคนต่างวรยุทธ์ไม่ต่ำต้อย ต่ำที่สุดก็ขั้นเสินจวิน
เดิมทีเขายังคงจดจำเว้นทางไว้ในสมองอยู่ เตรียมการไว้เผื่อมีโอกาสหลบหนี จะได้หนีกลับออกมาตามเส้นทางเดิมได้
แต่หลังจากจากเดินวกวนไปมาเจ็ดแปดรอบ เดินผ่านทางแยกติดต่อกันกว่าสิบสาย เขาก็รู้สึกว่าสมองตนมึนงงแล้ว…
วรยุทธ์ของพวกเขาเป็นเพียงชั้นหยวนจวิน โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง อีกทั้งปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก ถูกขังไว้ในสถานที่ประหลาดเช่นนี้ ไหนเลยจะยังมีหวังว่าจะรอดออกไปได้?!
“ไอ้พวกตัวแสบ อย่าได้มีความคิดจะหลบหนีใดเลย มาถึงที่นี่แล้วเจ้าก็ต้องยอมรับชะตากรรม! เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาจะได้ตายสบายหน่อย” เหล่าเถี่ยข่มขู่
เด็กน้อยทั้งสามไม่พูดอะไร ซือชิงกับเหิงชิงพูดไม่ได้ ส่วนสาวน้อยคนนั้นก็วาจาดั่งทองคำ เงียบขรึมไร้คำพูด
—————————————————————-
บทที่ 1928 หลบหนี 2
พวกเขาเดินไปในเส้นทางที่แปลกประหลาดเช่นนี้นานกว่าครึ่งชั่วยาม ก่อนจะมาถึงยังห้องที่คล้ายรังผึ้งห้องหนึ่งแล้วถูกผลักเข้าไป
ประตูใหญ่สีเขียวเข้มปิดลงในทันใด ซือชิงพบว่าในห้องมีเด็กอยู่แล้วสิบกว่าคน!
มีทั้งเด็กชายและเด็กหญิง โตสุดอายุสิบหกสิบเจ็ดปี เด็กสุดอายุเพียงแปดเก้าปี ทุกคนล้วนนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
จุดใบ้ของพวกซือชิงถูกคลายลงแล้ว พูดคุยกันได้ตามปกติ ทว่าพลังวิญญาณบนร่างกายยังคงถูกผนึกไว้ เหมือนคนธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย
เด็กเหล่านี้น่าจะถูกขังมาหลายวันแล้ว ใบหน้าซีดเซียวผอมโซ สีหน้าแต่ละคนล้วนสิ้นหวัง
เนื่องจากผู้ทะลวงขั้นโบยบินขึ้นมาของแดนพ้นโศกล้วนเป็นผู้ใหญ่กันหมด ดังนั้นระดับขั้นต่ำสุดที่พวกเขาขึ้นมาก็คือเสี่ยวเซียน
ส่วนเด็กเหล่านี้กลับเป็นชนพื้นเมืองของที่นี่หรือทายาทของผู้โบยบินขึ้นมา ระดับขั้นไม่นับว่าสูงมาก ฝึกฝนถึงขั้นเสี่ยวเซียนได้ตอนอายุสิบกว่าปีก็นับว่าน่าทึ่งมากแล้ว
เด็กเหล่านี้ส่วนมากฝึกฝนถึงขั้นเสี่ยวเซียน เห็นได้ชัดว่าคุณสมบัติของพวกเขาสูงมาก แต่ละคนล้วนเป็นต้นกล้าชั้นดีของการฝึกฝน
ซือชิงก็เคยได้ยินว่าเด็กที่หายตัวไปล้วนเป็นทารกมหัศจรรย์ ในที่สุดเขาก็ได้พบพวกเขาแล้ว ทว่ากลับได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้!
เด็กเหล่านี้น่าจะรู้ชะตากรรมจากปากมนุษย์ครึ่งสัตว์เหล่านั้นแล้ว ทุกคนล้วนสิ้นหวัง
เมื่อเห็นว่ามีคนใหม่เข้ามา พวกเขาเพียงกระสับกระส่ายเล็กน้อย แล้วกลับสู่สภาพตายซากเงียบงัน
เหิงชิงเป็นคนช่างพูด หลังจากนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ ก็นำเครื่องมือสื่อสารจำพวกยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมา คิดที่จะติดต่อคนสนิท ผลคือแทบจะไม่มีการตอบสนอง เขาเดือดดาล อดไม่ได้ที่จะทุบประตูแล้วตะโกนออกมา
“ปล่อยข้าออกไป! พวกเจ้าเป็นใคร?! ปล่อยข้าออกไป!”
เขาตะโกนด้วยพลังทั้งหมดที่มี ซุ่มเสียงดังกึกก้องและมีพลังทะลุทะลวงยิ่งนัก เชื่อว่าส่งผ่านออกไปได้ไกลสามถึงสี่ลี้
เสียงดังกังวาลของเขาทำให้แก้วหูของคนในห้องสั่นสะท้าน
“อย่าตะโกนอีกเลย ไม่มีประโยชน์หรอก”
เด็กคนหนึ่งในนั้นเอ่ยปาก
“เสียงด้านในนี้ส่งผ่านไปไม่ถึงด้านนอก! พวกเราเคยตะโกนจนคอแหบแห้งไปหลายคนแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรเลย! เจ้าเก็บแรงไว้จะดีกว่า”
เหิงชิงนิ่งงัน
แววตามีความหวังของทั้งคู่หันมองไปทางซือชิง
“ทำอย่างไรดี? พวกเราควรทำอย่างไรดี? ศิษย์พี่ซือ ท่านมีวิธีหรือไม่?”
ซือชิงไม่พูดจาอันใด เพียงแต่ส่ายหน้า
สายตาเหิงชิงหมดหวัง
“คนที่จับพวกเรามาเป็นใครกันแน่? ต้องการจะหลอมพวกเราเป็นโอสถงั้นรึ? จับมนุษย์มาหลอมโอสถ ต้องเป็นปีศาจชั่วร้ายแล้วแน่ๆ?!”
พวกเด็กๆ ต่างส่ายหน้า พอพวกเขาถูกจับตัวมาก็ถูกขังไว้ที่นี่ คนที่ถูกขังไว้นานที่สุดคือครึ่งเดือนแล้ว พวกเขาแทบจะไม่เห็นผู้ใด โดยปกติแม้แต่อาหารก็ไม่มีคนนำมาส่ง มากสุดคือมีน้ำดื่มซึ่งไหลออกมาจากท่อๆ หนึ่งในห้อง…
เด็กเหล่านี้ล้วนเป็นที่อัจฉริยะคนโปรดสวรรค์ นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีวันที่ถูกขังไว้ที่นี่เหมือนหมูเหมือนหมา เรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน
ซือชิงเขยิบเข้าใกล้เด็กที่ชื่อเริ่นจ้งเซิง กระซิบถามนาง
“ศิษย์น้องข้าเล่า?”
“ถูกข้ากดจุดทำให้สลบไปแล้ว ซ่อนเอาไว้ใต้เตียง จุดจะคลายเมื่อฟ้าสาง”
เริ่นจ้งเซิงตอบอย่างเรียบง่าย
ซือชิงรู้สึกโล่งใจ ศิษย์น้องเล็กไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เชื่อว่าเมื่อศิษย์น้องเล็กตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าพวกศิษย์พี่หายตัวไปก็จะรับรู้ได้ถึงความรุนแรงของปัญหา ตรงกลับไปภูเขาเพื่อขอกำลังสนับสนุน…
เพียงแต่ไม่รู้ว่าหลังจากอาจารย์ทราบเรื่องแล้วจะตามหาที่นี่พบหรือไม่
“เจ้าไม่ใช่ศิษย์ปิดสำนักของจื่อฉุนซ่างเหริน ข้ารู้จักศิษย์คนนั้น…เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ซือชิงกดเสียงตัวเองให้เบาลงกว่าเดิม
เริ่นจ้งเซิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ในที่สุดก็ตอบกลับเขาไป
“ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าข้าเป็นใคร ข้าช่วยเหลือพวกเจ้าและถือโอกาสเปิดเผยตัวตนของผู้บงการเบื้องหลัง”
—————————-