ตอนที่ 205 ตีกลับไป
“จริงสิเจ้าคะ บ่าวก็ไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อนเลย” เจาเอ๋อร์ตบหน้าผากด้วยความรู้สึกผิด “หวังกงกงเป็นถึงคนข้างพระวรกายของฝ่าบาท ย่อมจะไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ แม้แต่เหล่าขุนนางในราชสำนักและเหล่าพระสนมนางในก็จะต้องประจบเอาใจเขา หากเขามีความสัมพันธ์อันดีกับเราแล้ว ต่อไปเรื่องอะไรก็คงจะจัดการได้ราบรื่นมากขึ้น”
“ใช่” อวี้อาเหรามองนางด้วยความพึงพอใจที่นางเข้าใจได้ ก่อนจะออกคำสั่งว่า “เจ้าไปแอบถามมาสิว่าหวังกงกงโปรดปรานสิ่งใด แล้วพวกเราก็ไปเตรียมมาให้พร้อม”
“ไม่ต้องไปสืบแล้วเจ้าค่ะ บ่าก็ทราบเจ้าค่ะคุณหนู” เจาเอ๋อร์ตอบกลับมาในทันที “ได้ยินมาว่าหวังกงกงนั้นชอบขวดยานัตถุ์เป็นที่สุด นี่ก็เป็นเรื่องที่เลื่องลือไปทั่วทั้งเมืองเฟิ่งเฉิงเสียนานแล้ว เช่นนั้นคุณหนูก็ลองส่งขวดยานัตถุ์ดีๆ ไปให้เขาสักขวดสิเจ้าคะ”
“แล้วจะไปเอาขวดยานัตถุ์มาจากที่ใดกัน” อวี้อาเหราขมวดคิ้วถามขึ้น
“ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมีขวดยานัตถุ์ที่ทำจากหยกขาวลายดอกกล้วยไม้อยู่เจ้าค่ะ คุณหนู เช่นนั้นท่านก็ลองไปขอร้องท่านอ๋องให้ประทานขวดยานัตถุ์ให้ท่านดีหรือไม่เจ้าคะ เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถเอาไปให้หวังกงกงได้แล้ว อย่างไรเสียจวนหลิงอ๋องของพวกเราก็ไม่ได้ขาดแคลนอะไรอยู่แล้ว” เจาเอ๋อร์คิด แล้วจึงเสนอความคิดเห็นออกไป
“ดี เช่นนั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน” อวี้อาเหราพยักหน้าลง “ประเดี๋ยวเวลาอาหารเย็นก็จะมีงานเลี้ยงฉลองให้อนุรอง เมื่อถึงเวลานั้นก็เข้าไปทูลขอก็ได้แล้ว”
“เจ้าค่ะคุณหนู” เจาเอ๋อร์พยักหน้าด้วยความยินดี
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย ยามที่เจาเอ๋อร์กำลังเก็บถ้วยชามตะเกียบนั้น ก็เห็นเริ่นหว่านเอ๋อร์เดินร้องไห้เช็ดน้ำตาเข้ามาจากด้านนอก อวี้อาเหราถอนสายตาออกมาจากนอกหน้าต่างด้วยความแปลกใจ ก่อนจะสวมรองเท้าแล้วออกไปต้อนรับ “เจ้าเป็นอะไรไป ใครกล้ารังแกคุณหนูใหญ่แห่งจวนราชเลขาได้”
“พี่เหรา” เริ่นหว่านร้องไห้เอ๋อร์สะอึกสะอื้น
“เป็นอะไรไป” อวี้อาเหราพินิจมองดวงตาแดงก่ำของนาง ในใจของนางคิดว่าก็คงหนีไม่พ้นเรื่องงานเลือกคู่ของฟู่เส่าชิงกระมัง? แต่นางต้องร้องไห้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ เรื่องนี้ยังไม่ได้สรุปเลย ทางฝั่งฮ่องเต้เองก็ยังไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าแท้ที่จริงแล้วพระองค์ทรงเลือกใครกันแน่
เริ่นหว่านเอ๋อร์ทำราวกับจะหยุดร้องไห้เล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้านางแล้วก้มหน้าลงไปร้องไห้ใหม่
อวี้อาเหราอับจนหนทาง เรื่องที่นางไม่ถนัดที่สุดก็คือเรื่องที่ต้องรับมือกับเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ เพราะนางไม่รู้ว่าจะต้องปลอบอย่างไรดีนี่น่ะสิ นางยิ่งเป็นเล่านิทานอะไรไม่เก่ง จนทำให้นางปวดหัวขึ้นมาในทันที จึงรีบส่งสายตาให้เจาเอ๋อร์
เจาเอ๋อร์มองมาอย่างนึกขัน แล้วค่อยปัดมือแล้วเดินเข้ามา เอ่ยปลอบขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณหนูหว่านเอ๋อร์ ท่านเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ มีคนรังแกท่านหรือ หรือว่าเป็นเพราะเรื่องงานเลือกคู่ของฝ่าบาท…”
“ไม่ใช่” เริ่นหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้าในที่สุด
เรื่องนี้ทำให้เจาเอ๋อร์และอวี้อาเหราชะงักไป ในเมื่อไม่ใช่เรื่องงานเลือกคู่ของฮ่องเต้แล้วจะร้องไห้ทำไมกันเล่า
เจาเอ๋อร์ปลอบใจได้สองสามประโยคเสียงร้องไห้ก็หยุดลง ทำได้แต่เพียงหยักไหล่ให้นาง แล้วขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณหนูหว่านเอ๋อร์คงจะมีเรื่องทุกข์ใจ ให้นางได้ร้องไห้สักพักเถิดเจ้าค่ะ คุณหนู ท่านก็อย่าได้รบกวนนางเลย”
“อืม” แม้อวี้อาเหราจะปวดหัว แต่นางก็อับจนหนทาง ทำได้แต่เพียงปล่อยให้เริ่นหว่านเอ๋อร์ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้นวมตัวยาวแล้วร้องไห้ด้วยอาการหัวใจแตกสลาย เสียงร้องไห้นี้ทำให้นางอดปวดใจไม่ได้ ราวกับชีวิตถูกผู้อื่นรังแกปานนั้น ในสิ่งที่นางได้พบเจอมาก็ยากจะจินตนาการได้เลยว่ามีเรื่องอะไรที่ควรค่าให้ร้องไห้ได้ขนาดนี้
“พี่เหรา” ท่าทางของเริ่นหว่านเอ๋อร์ราวกับร้องไห้จนเหนื่อยเสียแล้ว เมื่อหยุดร้องแล้วจึงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ถูกลมปะทะจนแดงก่ำไปทั่ว ดวงตาก็แดงเรื่อ น้ำตาไหลนองไปทั่วทั้งใบหน้า นางเห็นแล้วก็รู้สึกหัวใจถูกบีบ รีบถามขึ้นในทันที “ที่แท้เจ้าเป็นอะไรกันแน่ เหตุใดต้องร้องไห้ หากมีใครรังแกเจ้า ก็ส่งคนไปตีเสียสิ!”
ตอนที่ 206 สามภรรยาสี่อนุ
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ พี่เหรา” เริ่นหว่านเอ๋อร์รีบส่ายหน้า แล้วเอ่ยปากพูดอย่างตะกุกตะกัก “จะ จริงๆ แล้ว พี่ชิงเขา…”
“เขารังแกเจ้าหรือ” อวี้อาเหราพลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา สิ่งที่นางทนเห็นไม่ได้มากที่สุดคือการที่ชายหนุ่มรังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง หากได้เจอเขาแล้วนางจะตีเขาเสียจนจำหน้าแม่ตัวเองไม่ได้เลย เจาเอ๋อร์เมื่อเห็นนางโกรธเคืองขึ้นมาก็แย้มริมฝีปากพูดขึ้นว่า “คุณหนู ท่านใจเย็นๆ ก่อนเถิดเจ้าค่ะ เราก็ยังไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“อ้อ แล้วเขาทำไมล่ะ” อวี้อาเหราแสร้งยิ้มประจบขึ้น ปกปิดท่าทีเสียอาการเมื่อสักครู่
“ข้าเพียงแต่อยากจะมาดูว่าพี่ชิงเขาอยู่กับท่านที่นี่หรือไม่เจ้าค่ะ” เริ่นหว่านเอ๋อร์สูดน้ำมูก
“หา? เจ้าคงจะไม่ได้ร้องไห้เพราะหาเขาไม่เจอใช่หรือไม่” อวี้อาเหรากลอกตาอย่างจนคำพูด ในโลกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก เรื่องที่น่าแปลกประหลาดมีมากมายเป็นกอง นางยังต้องพบเจออะไรอีกตั้งมาก จะต้องร้องห่มร้องไห้เพื่อผู้ชายขนาดนี้เขียวหรือ
เริ่นหว่านเอ๋อร์รีบส่ายหน้า “ไม่ใช่เช่นนั้น วันนี้หวังกงกงมายังจวนของข้าเพื่อส่งเทียบเชิญ ข้าถึงได้รู้ว่าฝ่าบาทมีพระประสงค์จะจัดงานเลือกคู่ให้กับพี่ชิง เพราะอย่างนั้นข้าจึงไปถามเขาที่หอว่านฮวา แต่สุดท้ายเขากลับพูดขึ้นมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน ว่าฝ่าบาทจัดงานเลือกคู่ให้แล้วไม่ดีตรงไหน อีกทั้งยังให้หญิงหน้าไม่อายเหล่านั้นทั้งผลักทั้งดันข้าให้ออกจากห้อง พอข้าไม่ยอม พี่ชิงเลยไปเอง ข้าหาตั้งนานก็หาเขาไม่พบแม้เพียงเงา เพราะอย่างนั้นจึงได้มาหาพี่เหราที่นี่เพื่อจะมาดูว่าเขาอยู่ที่นี่หรือไม่”
“ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง” อวี้อาเหราเข้าใจขึ้นมาแล้ว เรื่องความรู้สึกของผู้อื่นนางจะไม่มีทางสอดปากเข้ามายุ่ง นี่ก็ยากจะกล่าวว่าใครถูกใครผิด
“คุณหนูหว่านเอ๋อร์ องค์ชายแห่งเป่ยเจียงไม่ได้อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ตอบ
“อืม ข้าทราบแล้ว” เริ่นหว่านเอ๋อร์เช็ดน้ำตา ก่อนพยักหน้ารับอย่างฝืดฝืน
อวี้อาเหราเมื่อเห็นอารมณ์ของนางไม่ใคร่จะดีนัก จึงได้แต่พูดว่า “เมื่อสองวันก่อนพวกเราแกล้งปั่นหัวอนุสาม ให้นางเก็บดอกเบญจมาศมาให้ในจำนวนมาก เพื่อให้คนครัวทำขนมเบญจมาศให้กิน เจ้านั่งรอตรงนี้ก่อนเถิด อีกสักพักพี่ชิงของเจ้าอาจจะมาที่นี่เองก็เป็นได้ หากเจ้ากลับไปในสภาพเช่นนี้ ให้ท่านพ่อของเจ้าเห็นเข้าก็คงไม่ดีนัก…”
“แกล้งปั่นหัวอนุสาม?” เริ่นหว่านเอ๋อร์เริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา
อวี้อาเหราพยักหน้า ก่อนจะให้เจาเอ๋อร์ไปสั่งความคนครัว แล้วค่อยอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เริ่นหว่านเอ๋อร์ฟัง
หลังจากที่นางได้ฟังจนจบแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน “ไม่คิดเลยว่าพี่เหราจะนิสัยไม่ดีถึงเพียงนี้ ฮ่าๆ…”
“หากข้าไม่ทำเช่นนี้แล้ว ก็คงจะต้องถูกรังแกเหมือนเมื่อก่อนน่ะสิ” อวี้อาเหรากลอกตามองค้อนนางคราหนึ่ง
“ใช่แล้ว เมื่อก่อนข้าก็มักจะได้ยินว่าท่านถูกรังแกบ่อยๆ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก แม้กระทั่งหลิงอ๋องก็ไม่ทราบเรื่องนี้เลยหรือ” เริ่นหว่านเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงสะบัด จู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า “แต่ว่าพี่เหรา เหตุใดท่านจึงไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยเล่า”
“ก็เกือบตายไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็ต้องไม่เหมือนเดิมน่ะสิ” อวี้อาเหราเงียบไป
“ก็จริง” เริ่นหว่านเอ๋อร์นึกถึงเรื่องการแย่งชิงอำนาจในหมู่ภรรยาหลวงและภรรยาน้อยในจวนหลิงอ๋องแล้วก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา “โชคดีที่ท่านพ่อของข้าไม่ได้แต่งตั้งภรรยาคนใดขึ้นมาหลังจากที่ท่านแม่ตายไป ดังนั้นภายในจวนจึงค่อนข้างสงบ ไม่มีใครกล้าที่จะรังแกข้า”
“นั่นก็เป็นเพราะเจ้าเติบโตมาอย่างดี” อวี้อาเหราถามกลับ “เจ้าลองดูครอบครัวใหญ่ๆ ในเมืองเฟิ่งเฉิงแห่งนี้สิ เพียงแค่มีเงินสักหน่อย ก็แต่งตั้งภรรยาสามอนุภรรยาสี่กันแล้ว”
“ใช่เจ้าค่ะ” เริ่นหว่านเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เพราะอย่างนั้นเจ้าต้องจดจำเอาไว้ว่าตัวเจ้านั้นจะต้องมีความสามารถ เช่นนี้จึงจะไม่ถูกผู้ใดรังแกเอาได้” อวี้อาเหราพูดอย่างแฝงความนัย หวังว่านางจะเข้าใจความหมายในสิ่งที่ตนกำลังพูดถึง