ตอนที่ 229 เขินอายกลายเป็นโกรธ
“เจาเอ๋อร์ ดูท่าทางพี่เหราจะโกรธจริงๆ เสียแล้ว” เริ่นหว่านเอ๋อร์มองคนทั้งสองด้วยความร้อนใจอยู่บ้าง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้า ราวกับกำลังลอบหัวเราะอยู่ไม่มีผิด
เจาเอ๋อร์ตกตะลึงไปชั่วขณะ ลอบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เป็นเพราะบ่าวหลุดพูดความในใจของคุณหนูออกมา เช่นนั้นคุณหนูถึงได้เขินอายจนกลายเป็นโกรธไปเสียแล้ว อ๊ะ บ่าวไม่พูดแล้วเจ้าค่ะ!”
เมื่อเห็นอวี้อาเหราถลึงตามองมา นางก็รีบหุบปากลงในทันที
เริ่นหว่านเอ๋อร์เห็นท่าทางของพวกนางเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ความโศกเศร้าภายในใจก็เลือนหายไปไม่น้อย อวี้อาเหราที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ต้องนิ่งอึ้งไป ถึงแม้เริ่นหว่านเอ๋อร์จะไม่ใช่หญิงงามล่มเมือง แต่ใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณอ่อนนุ่มแดงระเรื่อ ดวงตาวาววับเป็นประกายก็ยิ่งทำให้นางดูน่ารักน่าเอ็นดู โดยเฉพาะลักยิ้มตรงข้างมุมปากทั้งสองก็ยิ่งทำให้นางดูน่ารักจับใจ
ในขณะที่พวกนางกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง เริ่นฮูหยินก็ได้เดินเข้ามาจากทางด้านนอก เห็นเข้ากับเริ่นหว่านเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ที่นี่พอดี เช่นนั้นจึงรีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ เอ่ยปากอย่างไม่พอใจนักว่า “หว่านเอ๋อร์ เจ้าไปที่ใดมา ที่นี่ไม่ใช่จวนของเรา หากไปชนเข้ากับเหล่าองค์หญิงและพระสนมชายาเข้าจะทำอย่างไร”
“ท่านอาสะใภ้” รอยยิ้มบนใบหน้าของเริ่นหว่านเอ๋อร์จางหายไปในทันที “ข้าเพียงแต่ไปเดินเล่นเท่านั้น ไหนเลยจะไปชนใครเข้าได้เจ้าคะ”
“ไม่มีเรื่องอะไรก็ถือว่าดีแล้ว” มุมปากของเริ่นฮูหยินค่อยๆ เผยออก “เมื่อครู่ข้าพบกับคุณหนูรองเข้า ถึงได้รู้ว่าพวกเจ้ารู้จักกัน ยามนี้เจ้ามีเพื่อนแล้ว ก็นั่งลงดีๆ อย่าได้เที่ยวเดินเพ่นพ่านอีก ประเดี๋ยวงานเลี้ยงในวังหลวงก็จะเริ่มขึ้นแล้ว”
“หว่านเอ๋อร์ทราบแล้วเจ้าค่ะ” เริ่นหว่านเอ๋อร์พยักหน้าลง
เริ่นฮูหยินถอนสายตากลับอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันมองไปทางอวี้อาเหรา “ขอให้คุณหนูรองโปรดช่วยดูแลหว่านเอ๋อร์ด้วย นางยังเด็กนักไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เกรงว่าจะก่อเรื่องขึ้นในวังเข้า ตัวข้ายังต้องรับรองเหล่าขุนนางและเหล่าฮูหยิน เช่นนั้นจึงต้องรบกวนท่านแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกเจ้าค่ะ” อวี้อาเหราพยักหน้าเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าเริ่นฮูหยินจากไปแล้ว เริ่นหว่านเอ๋อร์ถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา “โชคดีที่ไปเสียแล้ว มิเช่นนั้นก็ไม่แน่ว่านางอาจจะลากข้าไปพูดคุยฉอเลาะกับพวกบรรดาฮูหยินและคุณหนูเหล่านั้นอีก น่ารำคาญยิ่งนัก”
“อาสะใภ้ของเจ้าเพียงกลัวว่าเจ้าจะเดินเผ่นพล่านก็เท่านั้น” อวี้อาเหราหัวเราะน้อยๆ
ผ่านไปไม่นานนัก งานเลี้ยงก็ค่อยๆ เริ่มต้นขึ้น เริ่นหว่านเอ๋อร์ถูกเริ่นฮูหยินลากไปนั่งที่ด้านหลัง ผ่านไปสักครู่ก็เห็นหลิงอ๋องเดินเข้ามา เมื่อเห็นนางเขาก็นั่งลง แล้วถามขึ้นว่า “พวกอนุรองไปไหนเสียเล่า”
“อนุรองพาพี่สาวไปไหนไม่ทราบเพคะ แต่เสด็จพ่อทรงวางใจได้ ลูกได้ส่งเหล่าองครักษ์ให้ออกไปตามหาแล้ว เชื่อว่าไม่น่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่เพคะ” อวี้อาเหราหันกลับมาเอ่ยตอบ
เมื่อหลิงอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ใคร่จะยินดีนัก “พวกนางก็ช่างเหลือเกินจริงๆ อุตส่าห์บอกแล้วว่าเมื่อเข้าวังมาแล้วอย่าไปไหนโดยลำพัง ให้ติดตามเจ้าไว้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่รู้จักประสาถึงเพียงนี้!”
“เสด็จพ่ออย่าได้โทษอนุรองและพี่สาวเลย อาจจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ล่าช้าอยู่ก็ได้เพคะ”
“อืม”
สองพ่อลูกนั่งอยู่บนที่นั่ง พากันมองออกไปยังหน้าประตูทางเข้าเป็นบางครั้ง
ผ่านไปไม่นานนัก อนุรองและอวี้จื่อเยียนก็รีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นหลิงอ๋องนั่งอยู่ก็รีบยอบกายลงคารวะทันที
“เหตุใดพวกเจ้าถึงได้ชักช้าเช่นนี้” น้ำเสียงของหลิงอ๋องแฝงด้วยความไม่พอใจ
อวี้จื่อเยียนเงยหน้าขึ้นแล้วมองมาที่อวี้อาเหราด้วยความโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะนางและเหล่าฮูหยินคุณหนูพวกนั้นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเช่นนี้นางก็คงไม่ต้องเสียหน้า จนต้องหลงทางอยู่ในวังหลวง ดีที่ต้าเว่ยมาพบพวกนางเข้าเสียก่อน มิเช่นนั้นนางก็คงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมา
“พี่สาว ท่านมองข้าทำไมหรือ” อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“มองทำไมน่ะหรือ? หากไม่ใช่เพราะเจ้าตั้งใจทำให้พวกเราแม่ลูกต้องอับอายขายหน้า พวกเราก็คงจะไม่…”
ตอนที่ 230 หมื่นหมื่นปี
อวี้จื่อเยียนอดไม่ได้ที่จะเผยความโกรธแค้นออกมาให้เห็น จึงบันดาลโทสะใส่อวี้อาเหรา ในใจเต็มไปด้วยความเคืองโกรธและกล่าวโทษ
อวี้อาเหราไม่พอใจขึ้นมาทันที “เจ้ากล่าวเรื่องอะไรกัน เมื่อครู่นี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
อวี้จื่อเยียนไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก อนุรองเองก็ยิ่งไม่กล้าพูดอะไรออกมา หลิงอ๋องมองเพียงเล็กน้อย พอดีกับที่สายตาเหลือบไปเห็นเจาเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกาย “เจ้าว่ามาสิว่าเมื่อครู่นี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“เรื่องเป็นเช่นนี้เพคะ…” หลังจากที่เจาเอ๋อร์เหลือบสายตามองไปทางอวี้อาเหรา เมื่อเห็นนางพยักหน้าลงแล้วถึงได้เอ่ยปากพูด บอกกล่าวเรื่องราวของอนุรองและอวี้จื่อเยียนออกมาอีกครั้ง หลังจากที่ได้ฟังแล้ว หลิงอ๋องก็ยิ่งโกรธมากขึ้น “พวกเจ้าช่างสร้างเรื่องสร้างราวยิ่งนัก รู้จักแต่ทำให้ข้าเสียหน้า คิดจะหาแต่เรื่องมาให้เสมอ!”
“ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ” อนุรองก้มหน้าลง “ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเยียนเอ๋อร์ทำไม่ถูก ทำให้คุณหนูรองอารมณ์ไม่ดี แต่เรื่องนี้แม้ว่าพวกเราจะผิด แต่คุณหนูรองก็ไม่ควรทำให้พวกเราเสียหน้าต่อหน้าคนอื่น พวกเรานั้นยังดี แต่ผู้อื่นจะเข้าใจว่าเรือนหลังของจวนหลิงอ๋องนั้นไม่ปรองดอง”
อวี้อาเหราได้ยินแล้วก็อยากจะหัวเราะ “เช่นนั้นหากยึดตามวาจาของอนุรองแล้ว ก็หมายความว่าข้าจำต้องอดทน ถึงแม้จะถูกพวกท่านรังแกอย่างไร้เหตุผล?”
“ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น…” อนุรองตกตะลึง
“เช่นนั้นท่านหมายความว่าอย่างไร?” อวี้อาเหราเอ่ยถามเสียงเย็น “เมื่อวานเป็นพวกท่านที่ขอร้องให้ข้าพาเข้าวัง จากนั้นก็จะทำให้ข้าขายหน้าต่อหน้าคนนอกใช่หรือไม่ อีกอย่าง เรื่องนี้ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกท่านตั้งใจให้เกิดขึ้น แล้วเหตุใดถึงต้องการให้ข้าถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะด้วย เรื่องทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่โยนมาให้ข้า เรื่องบัวกีบม้าและน้ำแกงตะพาบน้ำเมื่อวานนี้ แต่เดิมข้าคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ในเมื่อวันนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็ทำให้ข้าสงสัยว่าอนุรองกับพี่สาวไม่ชอบหน้าข้าอย่างนั้นหรือ”
ข้อสงสัยของนางก็ทำให้หลิงอ๋องไม่อยากจะอดกลั้นอีกต่อไป จ้องมองอนุรองและอวี้จื่อเยียนอย่างไม่พอใจนัก “เรื่องวันนี้เดิมทีเป็นความผิดของพวกเจ้า แล้วยังกล้าจะโทษอาเหราอีก อีกทั้งเรื่องอาภรณ์เมื่อเช้าข้าก็ยังไม่ได้คิดบัญชี จะให้ไต่สวนในวังหลวงก็คงไม่เหมาะ แต่หากยังมีครั้งหน้า ไม่ว่าเจ้าจะตั้งครรภ์หรือไม่ ก็ให้ระวังตัวให้ดีเถิด!”
ระวังตัว? ร่างของอนุรองตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาในทันใด ไม่กล้าที่จะพูดอะไรขึ้นมาอีก หลิงอ๋องนั้นใส่ใจเด็กในท้องเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นทายาทก็ไม่เป็นที่ต้องการ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาโกรธเคืองมากเพียงใด
อวี้อาเหราเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ทั้งสองทำได้เพียงแต่ค่อยๆ เดินไปทางที่นั่งด้านหลัง
เมื่ออวี้อาเหราเห็นสองแม่ลูกจากไปแล้ว นางจึงเหยียดยิ้มมุมปากขึ้น ยังคิดอยากจะใช้ประโยชน์เด็กในท้องอีกหรือ หลิงอ๋องนั้นไม่ใช่คนเลอะเลือน แม้ว่าจะหลงใหลรักใคร่อนุรองเพียงใด แต่ก็ยังแบ่งแยกถูกผิดได้ เพราะฉะนั้นนางจึงใช้เรื่องนี้ตลบหลังพวกนางสองแม่ลูกเสีย!
หลิงอ๋องก้มหน้าลง ความโกรธบนใบหน้าค่อยๆ เลือนหายไปแล้ว “อาเหรา เป็นเพราะพ่อไม่ดีเอง ทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว”
“เสด็จพ่อ…” อวี้อาเหรานิ่งไป นางไม่ได้ลำบากเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเรื่องที่อนุรองและอวี้จื่อเยียนทำนั้นจะเป็นการสร้างความยุ่งยากให้กับนางอยู่บ้าง แต่นางนั้นไม่ได้เป็นพวกที่จะจัดการได้ง่ายๆ อย่างไรก็จะต้องหาเรื่องแก้แค้นให้จงได้
“ฮ่องเต้เสด็จ!” ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัดลงในทันใด จนสามารถได้ยินเสียงดอกไม้และใบไม่กระทบกับสายลม หลังจากเสียงร้องแหลมของขันทีผ่านเข้ามา ฮ่องเต้ที่ฉลองพระองค์ด้วยเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองทองก็ก้าวยาวๆ เข้ามา สายพระเนตรกวาดมองไปรอบด้านด้วยความเคร่งขรึมแต่ไม่ทิ้งซึ่งความสง่างาม
ทุกคนพากันนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบโน้มกายลงถวายบังคม “ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”