ตอนที่ 249 นางเป็นใครกันแน่
คงจะเป็นหนิงจื่อเย่ไม่ต้องสงสัยเลย!
และเขายังต้องการที่จะฆ่าฉู่ป๋าย โดยยุยงให้นางเป็นผู้ลงมือ
เมื่อคิดดูแล้ว อย่างไรเสียก็คงไม่อาจจัดการได้โดยง่าย มิเช่นนั้นแล้วก็คงไม่เปลืองแรงถึงเพียงนี้
โยนเรื่องที่ไม่มีใครอยากมาให้นาง ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เจ้านี่มันสวะจริงๆ!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ นางก็เดาไม่ออกจริงๆ ว่ายามที่นางย้อนเวลากลับมานั้นเกิดอะไรขึ้น ราวกับเดิมทีก็ไม่ใช่การทะลุมิติปกติ ไม่ว่าจะเป็นนางที่มีชีวิติอยู่ในยุคปัจจุบันหรือคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่ตกหน้าผาตายในยุคโบราณก็ล้วนแล้วแต่มีใบหน้าที่เหมือนกัน หากคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องตัวจริงถูกเจ้าสำนักเม่ยเก๋อช่วยชีวิตเอาไว้ เพราะฉะนั้นในยามที่นางฟื้นขึ้นมาก็คงจะอยู่ในสายตาของหนิงจื่อเย่โดยมาตลอด นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเหตุใดเขาจึงรู้และเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
แต่ในโลกนี้จะมีคนที่หน้าตาเหมือนกันถึงขนาดนี้อยู่ด้วยหรือ
นางยังคงไม่อยากเชื่อ จุดที่น่าสงสัยมากที่สุดก็คือร่างกายของนางในตอนนี้เหตุใดถึงไม่ใช่ร่างกายของนางในยุคปัจจุบันกันเล่า?
เพียงแค่ใบหน้าที่เหมือนกันราวกับฝาแฝดเท่านั้น
หากคิดเช่นนี้แล้ว ร่างกายที่นางเข้าร่างมานี้ไม่ใช่ร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋อง ถ้าเช่นนั้นเป็นของใครกัน?
เหตุใดจึงมีคนที่หน้าเหมือนกันถึงสามคนเช่นนี้? นี่ก็ไม่น่าเชื่อเอาเสียจริงๆ เลย!
หากจะบอกว่าเป็นแฝดสามก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะนางไม่ใช่คนของยุคนี้ด้วยซ้ำ
ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนไม่เข้าใจ ทำได้เพียงปล่อยวางไม่คิดอีก เพราะไม่แน่ว่าหนิงจื่อเย่อาจจะหลอกนางก็เป็นได้
เจาเอ๋อร์เห็นท่าทีเช่นนี้ของนางแล้วก็ไม่กล้าที่จะไปรบกวนมาก เพียงแต่คิดวิเคราะห์เงียบๆ เท่านั้นว่าเหตุใดคุณหนูของนางจึงถามขึ้นมาเช่นนี้ หรือว่าเจ้าสำนักผู้นั้นจะเป็นชายชุดดำที่ลักพาตัวนางไปเมื่อครู่? เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วนางก็นึกเชื่อมโยงไปถึงผู้ที่ทำร้ายเซิ่นซื่อจื่อที่ภูเขาวั่วหลงซานนั้นว่าเป็นใคร หากเช่นนั้นแล้ว ผู้ที่ต้องการจะสังหารคุณหนูก็คงจะเป็นเจ้าสำนักเม่ยเก๋อ
ทันใดนั้นนางก็ตกใจขึ้นมา ผู้ที่โดนสำนักเม่ยเก๋อหมายตาเอาไว้นั้นไม่มีทางรอดพ้นแน่!
เมื่อรถม้าจอดลงที่หน้าจวนหลิงอ๋อง ก็เห็นหลิงอ๋อง อนุรองตลอดจนอวี้จื่อเยียนยืนรออยู่หน้าประตูอยู่แล้ว
ไม่ต้องรอให้เอ่ยปาก อวี้อาเหราก็รีบคุกเข่าลงทันที “ลูกทำให้เสด็จพ่อทรงเป็นกังวล จนเกือบจะถูกคนพวกนั้น…”
“เด็กโง่ เจ้าพูดอะไรไร้สาระ รีบลุกขึ้นเร็ว ไหนเลยพ่อจะลงโทษเจ้าได้” ดวงตาชราของหลิงอ๋องเผยให้เห็นถึงรอยแดงช้ำ ราวกับเพิ่งหลั่งน้ำตามา กล่าวเอาไว้ว่าลูกผู้ชายนั้นยากเหลือเกินที่จะหลั่งน้ำตา ไหนเลยหลิงอ๋องแห่งต้าเยี่ยนจะร้องไห้ได้เล่า
ครั้งนี้คงจะเป็นการทำให้เขาตกใจและเป็นกังวลจริงๆ ทันทีที่ได้ยินว่าอวี้อาเหราถูกชุดดำลักพาตัวไปที่ประตูหน้าราชวังเขาก็เกือบจะหลั่งน้ำตาออกมา ในใจของเขานั้นอดไม่ได้ที่จะคิดว่าหากเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเขาจะทำเช่นไรดี หลิงอ๋องที่สงบนิ่งอยู่เสมอเมื่อได้ยินเรื่องนี้เข้าถึงกับตื่นตระหนกเป็นการใหญ่
“เสด็จพ่อ ก่อนหน้านี้ที่ลูกได้ทูลขอพระราชทานสมรสให้พี่สาวเสกสมรสกับองค์ชายเป่ยเจียงนั้น เป็นเพราะลูกเห็นแก่พี่สาวจึงได้ทำเช่นนั้น แม้ว่ายามนี้องค์ชายเป่ยเจียงจะเสเพล แต่เมื่อพี่สาวแต่งเข้าไปก็ได้เป็นพระชายาเอก ถ้าหากพลาดโอกาสครั้งนี้ไปแล้วพี่สาวได้ขึ้นเป็นพระชายาเอก และไม่ถูกคนรังแกอีกได้อย่างไรเพคะ” น้ำตาของอวี้อาเหราพร่างพรู กะพริบตาแล้วเอ่ยว่า “อีกอย่าง หากภายหลังพี่สาวแต่งไปแล้ว องค์ชายเป่ยเจียงก็จะได้ขึ้นครองราชย์บัลลังก์ เมื่อถึงตอนนั้นอาจได้เป็นฮองเฮาก็ได้นะเพคะ”
ได้เป็นฮองเฮาหรือ? แววตาของอวี้จื่อเยียนแฝงแววเย้ยหยัน ฟู่เส่าชิงไร้ความสามารถถึงเพียงนี้ หากสามารถต่อกรกับราชินีแห่งเป่ยเจียงได้ เขาจะถูกไล่มาถึงที่นี่ได้หรือ
ตอนที่ 250 เป็นธิดาอนุไปทั้งชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังมีหญิงสาวรายล้อมอีกมากมายนับไม่ถ้วน แค่เพียงแต่งงานจะสามารถหยุดเขาไว้ได้อย่างไรกัน ที่อวี้อาเหราทำเช่นนี้ก็คงเพราะต้องการจะทำร้ายนางสินะ!
“เอาเถิดอาเหรา พ่อรู้ว่าลูกลำบากใจ เป็นพ่อผิดเองที่โทษเจ้า เป็นเพราะพ่อไม่ดีเอง ต่อไปหากเจ้าคิดจะทำอะไรก็ทำเถิด หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกพ่อจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน!” หลิงอ๋องที่เมื่อครู่เกือบจะเสียบุตรสาวอันเป็นที่รักไป ยามนี้ไหนเลยจะสนใจเรื่องการแต่งงานของธิดาอนุกัน ตอนนี้หากนางบอกว่าอยากให้อวี้จื่อเยียนแต่งงานออกไปเขาก็คงตกปากรับคำอย่างเต็มใจแน่
“เสด็จพ่อ” อวี้อาเหราผ่อนลมหาย พุ่งเข้าไปในอกของหลิงอ๋องอย่างออดอ้อน
นางแอบปรายตามองอนุรองและอวี้จื่อเยียน ถือว่าเหตุการณ์ที่นางถูกลักพาตัวในครั้งนี้ได้ช่วยเหลือนางเอาไว้มากทีเดียว เพราะก่อนหน้าที่นางจะกลับมานั้น พวกอนุรองสองแม่ลูกก็ได้เป่าหูหลิงอ๋องด้วยคำพูดไม่ลื่นหูมากมาย แต่กลับไม่คิดว่านางจะพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ได้ แล้วไหนเลยหลิงอ๋องจะโกรธเคืองได้เล่า เมื่อเขาได้รักแล้วก็รักเสียจนหลงเช่นนี้
อนุรองและอวี้จื่อเยียนกดเก็บความไม่พอใจเอาไว้ ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
ยามนี้ก็เกรงว่าพวกนางคงจะแอบด่าทออวี้อาเหราอยู่ในใจใช่หรือไม่
“อาเหรามาเถิด พ่อจะส่งเจ้าไปพักผ่อน วันนี้เจ้าคงตกใจเสียยกใหญ่ใช่หรือไม่” อารมณ์ของหลิงอ๋องสงบลงแล้ว แต่ยังจับแขนของอวี้อาเหราไม่ปล่อย กลัวว่านางจะหายไปกับหมอกควัน จนทำให้เขาต้องวุ่นวายใจอีก
“ท่านอ๋อง จะไม่ไปเสวยกับหม่อมฉันหรือเพคะ” อนุรองก้าวขึ้นมาอย่างไม่ยินยอม “หม่อมฉันสั่งให้คนทำอาหารที่ทรงโปรดไว้มากมาย ลูกในท้องเองก็คาดหวังว่าจะได้ทานข้าวกับเสด็จพ่อของเขานะเพคะ”
“จะทานอะไรกันอีก” น้ำเสียงของหลิงอ๋องแสดงความไม่พอใจอยู่บ้าง หลังจากนั้นก็สงบลง เอดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง “เจ้ากับเยียนเอ๋อร์กลับไปทานกันเถิด วันนี้อาเหราก็ตกใจมากแล้ว เราจะไปส่งนาง จริงสิ เมื่อครู่เจ้าว่าให้คนเตรียมน้ำแกงเห็ดหูหนูและลูกบัวเอาไว้ใช่หรือไม่ ประเดี๋ยวให้คนยกเข้ามาด้วย”
“ท่านอ๋อง…” สีหน้าของอนุรองแสดงถึงความกระอักกระอ่วน นางจะต้องมอบน้ำแกงลูกบัวที่เคี่ยวอย่างยากลำบากให้อวี้อาเหราดื่ม เมื่อคิดแล้วอย่างไรก็ยากที่จะยอมรับได้ ยามปกตินางเป็นคนที่มีความอดทนยิ่งนัก แต่หลังจากที่นางถูกอวี้อาเหราและเหล่าฮูหยินทั้งหลายดูถูกลบหลู่เกียรติเข้า และทำเอาลูกสาวเพียงคนเดียวของนางเกือบจะต้องแต่งงานกับองค์ชายเป่ยเจียง นางที่ปกติจะสงบนิ่งนั้นกลับโกรธแค้นจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และยิ่งเห็นหลิงอ๋องเข้าข้างนางเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะโกรธเคือง
“เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” เมื่อหลิงอ๋องเห็นท่าทีของนางแล้วก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที
เมื่อก่อนยามที่ได้ยินว่าอวี้อาเหราถูกพวกนางสองแม่ลูกรังแกก็ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่ยินยอมพร้อมใจของอนุรองเข้าเต็มตาเช่นนี้ ในใจของเขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที น้ำเสียงที่ใช้กับนางก็ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ “ยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบไปเสียสิ เราจะไปส่งอาเหรากลับเรือนพัก!”
“ท่านอ๋อง!” อนุรองร้องเรียกอย่างไรก็ไม่เป็นผล หลิงอ๋องจึงหันกลับมามองมาด้วยสายตาเย็นชาเพื่อเป็นการตักเตือนนาง เมื่อครู่นี้นางก็เกือบจะกลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว
เมื่อก่อนหลิงอ๋องเห็นว่านางนั้นไม่เพียงต้องเลี้ยงลูกทั้งสองคนด้วยความยากลำบาก แต่ยังรู้จักวางตัวน่าเคารพจึงให้ความรักใคร่กับนางอยู่บ้าง มิเช่นนั้นก็คงเป็นเหมือนอนุสามและอนุสี่ ที่เกือบจะไม่ให้ความสนใจเลย
ทันใดนั้นนางก็ไม่กล้าที่จะโกรธเคืองอะไรอีก
อวี้จื่อเยียนเห็นว่าคนเหล่านั้นไปแล้ว ก็โกรธเสียจนต้องกระทืบเท้า “ท่านแม่ ท่านดูอวี้อาเหราสิเจ้าคะ วันนี้ที่ข้าต้องโดนดูถูกจะต้องเสียเปล่าอย่างนั้นหรือ”
“ฟังนะเยียนเอ๋อร์” อนุรองลูบศีรษะนางด้วยความอ่อนโยน “เจ้าวางใจเถิด อย่างไรแม่ก็ไม่ยอมให้เจ้าต้องเป็นธิดาอนุ ให้คนดูถูกไปชั่วชีวิตแน่”