ตอนที่ 281 องค์ชายใหญ่
เหตุใดจึงยอมหลีกทางง่ายๆ เช่นนี้เล่า นี่ก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไปจริงๆ อวี้อาเหราทำราวกับรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ จึงตอบออกไปว่า “ข้ากระทำการใดก็รู้จักหนักเบา ตอนนี้พวกเราอยู่ในป่ารกร้าง ไม่ควรก่อเรื่องวุ่นวายอะไรอีก”
“อ้อ เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
เมื่อได้ยินเจาเอ๋อร์ตอบกลับมาเช่นนี้ พวกต้าเว่ยจึงทำได้แต่เพียงเปิดทางให้อีกฝ่ายผ่านไป
ชายหนุ่มอ่อนเยาว์ไม่มีทีท่าพะวักพะวน ดึงม้าให้เดินไปทางที่พวกเขาอยู่ ลอบมองไปทางอวี้อาเหราผ่านทางผ้าม่านของรถ ทว่าทันใดนั้นก็ต้องตกใจ ดึงสายบังเ**ยนเอาไว้ ยกมือขึ้นแล้วบอกให้องครักษ์ที่ตามมาด้านหลังนั้นหยุดลง ชายหนุ่มมองนางอย่างตื่นตะลึง น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่อาจเก็บซ่อนความประหลาดเอาไว้ได้ มองดูแล้วคงจะตื่นตะลึงเป็นยิ่งนัก
“คุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋อง?”
“เจ้ารู้จักข้าหรือ” ดวงตาของอวี้อาเหราวาบประกายตกใจ เลิกผ้าม่านของรถม้าขึ้น จึงทำให้อีกฝ่ายมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน
“เป็นคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องจริงๆ หรือ” หลังจากที่ตกตะลึงแล้ว ใบหน้าของชายหนุ่มก็ฉายแววไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าก็ควรจะอยู่ในเมืองเฟิ่งเฉิงมิใช่หรืออย่างไร”
อวี้อาเหราถามกลับด้วยความระมัดระวัง “เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดถึงรู้จักข้าได้”
ชายหนุ่มดูตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มรับใช้ข้างกายจึงตอบคำถามแทน “ท่านนี้คือองค์ชายใหญ่องค์ปัจจุบัน เป็นโอรสแท้ๆ ของเริ่นกุ้ยเฟยขอรับ”
จวินจื่อหร่าน? อวี้อาเหราเข้าใจขึ้นมาทันที ทำท่าเหมือนนึกย้อนกลับไปแล้วพยักหน้าลง “ที่แท้ก็องค์ชายใหญ่นี่เอง ถึงว่าข้าจึงรู้สึกคุ้นตายิ่งนัก ยังคิดอยู่ว่าเป็นใครกันถึงได้มีขบวนใหญ่โตเพียงนี้”
เจาเอ๋อร์กระแอมไอออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “คุณหนู ท่านก็ไม่เคยพบกับองค์ชายใหญ่มาก่อนนะเจ้าคะ?”
“แม้ว่าจะไม่เคยพบมาก่อน แต่ทั่วทั้งต้าเยี่ยนนั้นมีผู้ใดบ้างไม่รู้จักคุณชายใหญ่ผู้น่าเลื่อมใสเล่า” อวี้อาเหรายิ้มแย้มเต็มใบหน้า นางจะไปรู้ได้อย่างไร ก็คิดว่าอีกฝ่ายรู้จักนาง นางก็ควรจะรู้จักคนผู้นี้ถึงจะถูกสิ
จวินจื่อหร่านได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มบางๆ “คุณหนูรองก็ดูเปลี่ยนไปไม่เหมือนแต่ก่อนเลย”
“ไม่เหมือนตรงไหนหรือ” อวี้อาเหราเม้มปากอย่างระมัดระวัง
“ได้ยินมาว่าไม่กี่เดือนมานี้คุณหนูรองก็เปลี่ยนไปมาก ก่อนหน้านี้ก็ถอนหมั้นกับองค์รัชทายาท ทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ทำให้ผู้คนไม่อาจคาดเดาได้กับเซิ่นซื่อจื่อและท่านอ๋องน้อยแห่งจวนหนานหยางอ๋อง ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วต้าเยี่ยน แม้แต่ตัวข้าที่ออกไปจัดการกิจธุระนอกเมืองยังได้ยินมากับหู” จวินจื่อหร่านพูดออกมาเป็นชุด แต่เพราะท่าทีอ่อนโยนของเขาจึงทำให้ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เช่นกัน ท่าทีของเขานั้นก็ดูสุภาพอ่อนโยนอยู่ตลอด
“ไม่หรอก…”
อวี้อาเหราเหมือนเคยได้ยินเจาเอ๋อร์พูดถึงองค์ชายใหญ่อยู่บ้าง แต่เดิมตำแหน่งรัชทายาทเป็นของเขา แต่กลับถูกลูกเลี้ยงของฮองเฮาแย่งชิงไป ตั้งแต่นั้นคนทั้งสองก็ไม่ลงรอยกัน และยังมีบางคนบอกว่าไม่ช้าก็เร็วรัชทายาทก็จะถูกปลด องค์ชายใหญ่มีท่าทีสุขุมและฉลาดเฉลียว เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตำแหน่งรัชทายาท นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ
แต่ยามที่ได้พบองค์ชายใหญ่ด้วยตาตนเอง นางก็รู้สึกได้ว่าคำพูดพวกนั้นก็ค่อนข้างน่าเชื่อถืออยู่บ้าง
ตอนนี้จวินฉางอวิ๋นเป็นองค์ชายเสเพลที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่จวินจื่อหร่านกลับตรงกันข้าม ทั้งยังรู้จักคิดและวางแผน หากได้รับตำแหน่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายอันใด
“แต่ว่าคุณหนูรองก็มาทำอะไรถึงที่นี่หรือ” จวินจื่อหร่านสงสัย มีคุณหนูบ้านใดบ้างที่จะออกเดินทางมายังดินแดนรกร้างแห่งนี้ เขามองไปยังอวี้อาเหราอย่างพิจารณา ก็ยิ่งรู้สึกว่านางแตกต่างจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก
หากจะพูดจริงๆ แล้วก็เหมือนจะไม่ใช่คนคนเดียวกัน แม้ว่าจะมีใบหน้าที่เหมือนกันเช่นนี้ อีกทั้งแม้แต่น้ำเสียงก็ยังไม่มีความแตกต่าง แต่ท่าทีและลักษณะนั้นกลับไม่เหมือนคนเดียวกันเลย
ตอนที่ 282 ขอให้บอกมา
ก่อนหน้านี้อวี้อาเหรามักจะก้มหน้าก้มตาอยู่เสมอ ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะมองเห็นกระนั้น
กระทั่งทุกครั้งที่นางกล่าววาจากับองค์รัชทายาท แม้จะเป็นเพียงแค่ไม่กี่ประโยคแต่ก็จะอึกๆ อักๆ ทำให้มักจะถูกผู้อื่นเหยียดหยามอยู่เสมอ
แต่ครั้งนี้ไม่เจอกันนาน ทว่านางกลับเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือทีเดียว!
อย่าได้โทษที่เขาจ้องมองนางเสียนาน แต่คนที่อยู่รอบข้างก็ยังอดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัย
นี่ก็คือคุณหนูรองคนนั้นจริงๆ หรือ? เหตุใดไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนเลยเล่า
“เช่นนั้นองค์ชายใหญ่เล่าเพคะ เหตุใดถึงได้ทรงเดินทางในยามค่ำคืนเช่นนี้” อวี้อาเหราเฉไฉ เลี่ยงคำถามของอีกฝ่ายด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะถามกลับไป จวินจื่อหร่านเมื่อได้ยินดังนั้นก็เงียบไปนาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงตาแพรวพราวของนาง แล้วจึงค่อยตอบว่า “เป็นเพราะได้รับคำสั่งจากเสด็จพ่อถึงได้ออกจากเมืองมาทำงานหลายเดือนแล้ว ยามนี้ก็ใกล้จะถึงเฟิ่งเฉิง คิดว่าเสด็จแม่คงจะรออยู่ตำหนัก จึงอยากที่จะกลับไปเร็วๆ”
“อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง ยังคิดว่าองค์ชายใหญ่จะทรงมีเรื่องด่วนอะไรที่ต้องรีบจัดการเสียอีก…” อวี้อาเหราพูดขึ้นอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก
จวินจื่อหร่านเงยหน้าขึ้นในทันที จ้องมองนางด้วยสายตาล้ำลึก
ไม่ผิด เหตุใดเขาจะต้องเดินทางในยามค่ำคืนเพียงเพราะคิดถึงมารดากัน นี่ก็เป็นเพราะมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการต่างหากเล่า เรื่องนี้ได้ถูกอวี้อาเหราคาดเดาจนถูกต้อง แต่เดิมคิดว่านางนั้นจงใจพูดขึ้นมา แต่เมื่อเห็นท่าทีเกียจคร้านไม่ใส่ใจของนางแล้ว ก็คิดว่าน่าจะเป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้นเอง
แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าที่นางพูดนั้นหมายถึงอะไรกันแน่
วางอารมณ์สงสัยลง รอยยิ้มของเขาดูฝืดฝืนเล็กน้อย “เมื่อครู่นี้คุณหนูรองยังไม่ตอบคำถามของข้าเลย”
“หม่อมฉันจะมีเรื่องอันใดได้ เพียงเพราะอยู่แต่ในจวนมานานจนรู้สึกเบื่อ เช่นนั้นจึงแอบหนีเสด็จพ่อออกมาเที่ยวเล่นเท่านั้นเอง แต่ก็หวังว่าองค์ชายใหญ่จะไม่นำเรื่องนี้ไปทูลบอกเสด็จพ่อนะเพคะ มิเช่นนั้นหากทรงทราบเข้าข้าคงต้องถูกจับตัวกลับไปแน่ๆ ทรงต้องเก็บเป็นความลับนะเพคะ!” ดวงตาของอวี้อาเหราเปล่งประกาย ท่าทีเปลี่ยนไปเป็นขี้เล่นทันที
จวินจื่อหร่านเห็นท่าทีเหมือนเช่นเด็กน้อยของนางแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองคงคิดมากไป
แล้วจึงพยักหน้า ยิ้มอย่างขอไปที “คุณหนูรองโปรดวางใจ เราไม่บอกใครแน่”
“เช่นนั้นก็ดีเพคะ องค์ชายใหญ่ทรงพระทัยดียิ่งนัก ท่าทีไม่เหมือนองค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อย” อวี้อาเหราจงใจพูดประโยคนี้ขึ้นมา เพื่อประจบเอาใจเข้า
เมื่อฟังจากน้ำเสียงของนางแล้วก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่นางมีต่อจวินฉางอวิ๋น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจทั้งยังประหลาดใจ ทว่าเขาก็ได้กดเก็บอารมณ์นี้ของตนเองลงไป น้ำเสียงและสีหน้าราบเรียบขณะที่เอ่ย “เจ้าพูดเช่นนี้ หรือว่าองค์รัชทายาทจะทำให้เจ้าโกรธอย่างนั้นหรือ”
“นอกจากจะเที่ยวเล่นเสเพลแล้ว เขาจะทำอะไรให้หม่อมฉันโกรธได้อีกเพคะ”
“คุณหนูรองกล่าวได้ถูกต้อง ฉางอวิ๋นนั้นไม่รู้จักถูกผิด ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงจะโกรธทั้งนั้น แต่ขอให้คุณหนูรองใจกว้างหน่อยเถิด วันหลังข้าจะพูดกับเขาเอง”
“เช่นนั้นก็ขอบพระทัยองค์ชายใหญ่เพคะ” อวี้อาเหราพยักหน้าอย่างพึงใจ พลางขมวดคิ้ว “หากเขาเป็นเลิศทั้งทางบุ๋นและบู๊เหมือนองค์ชายใหญ่ก็คงจะดีเพคะ ตอนนี้แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังตรัสว่าเกลียดชังเขายิ่งนัก ตามความเห็นของหม่อมฉันไม่ช้าก็เร็วเขาก็คงจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งเป็นแน่ ท่านเองก็คงจะได้รับตำแหน่งต่อไป เมื่อก่อนนั้นหม่อมฉันตาบอดจึงมองเห็นแต่เขา ถึงได้ยอมรับหมั้นอะไรนั่น ตอนนี้หม่อมฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้ว แม้คิดจะถอนหมั้นก็ยังทำไม่ได้!”
“คุณหนูรองอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลเช่นนี้ หากผู้อื่นได้ยินเข้าก็คงคิดว่าเรานั้นปรารถนาในตำแหน่งรัชทายาท…” จวินจื่อหร่านเห็นนางพูดขึ้นโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ไหนเลยจะรู้ว่าเป็นเล่ห์กล ในเวลาเดียวกันเขาก็ลอบยินดีเพราะคำพูดของนาง หากแต่กดดันเอาไว้ในใจเท่านั้น
อวี้อาเหราถอนหายใจ “หม่อมฉันอยากจะขอร้องให้องค์ชายใหญ่ทรงช่วยเหลือหม่อมฉันสักเรื่องหนึ่ง…”
“คุณหนูรองมีเรื่องอะไรก็ขอให้บอกข้ามาเถิด” จวินจื่อหร่านที่ถูกยกยอเสียใหญ่โต เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างใจกว้าง