ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 293 หยกเลือดโบราณ / ตอนที่ 294 ชิงเอามา

ตอนที่ 293 หยกเลือดโบราณ 

 

 

 

 

 

“น้อยเช่นนี้เชียว?” อวี้อาเหราชะงักไป 

 

 

เจาเอ๋อร์ทำได้เพียงพยักหน้า นางเองก็อยากจะซื้อปิ่นหยกชิ้นนี้เช่นกัน ทว่านี่ก็แพงเหลือเกิน สิบห้าตำลึงทองนั้นก็นับเป็นรายจ่ายทั้งปีของจวนหลิงอ๋องแล้ว หากจะต้องจ่ายจริงๆ ก็เกรงว่าจะต้องเสียหายมากจนเกินไป 

 

 

อวี้อาเหราถอนหายใจ “แล้วที่เจ้ามีอยู่อีกกี่ตำลึงเงิน” 

 

 

“ไม่มีเลยเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ส่ายหน้า 

 

 

แม้ว่าจะต้องนำเงินทั้งหมดไปซื้อปิ่นหยกมาจริงๆ แต่เงินสำหรับค่าเดินทางต่างๆ ก็คงไม่มีเหลือแล้ว 

 

 

อวี้อาเหรามองไปทางแม่นางเซียว “ลดมากกว่านี้ได้หรือไม่” 

 

 

“แม่นาง ที่นี่คือตลาดมืด ไม่เหมือนตลาดทั่วไปที่จะมาต่อรองราคากันได้ง่ายๆ ข้าลดได้ตั้งห้าตำลึงทองแล้ว หากลดกว่านี้ก็ทำการค้ากันไม่ได้พอดีน่ะสื” 

 

 

“เช่นนั้นก็เอาเถิด” 

 

 

อวี้อาเหราไม่ถามอะไรมากอีก หันไปออกคำสั่งกับเจาเอ๋อร์ว่า “เจ้าไปถามพวกต้าเว่ยสิว่าพวกเขามีตำลึงทองติดตัวมาหรือไม่ หรือเป็นตำลึงเงินก็ยังดี ให้พวกเขาเอานำมาให้หมด อย่าได้หลงเหลือไว้ กลับไปแล้วค่อยคืน เจ้าจงบอกไปตามที่ข้าพูด” 

 

 

เจาเอ๋อร์จากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากกลับมาแล้วในมือก็มีทองคำสองตำลึงและตำลึงเงินอีกจำนวนหนึ่ง ใบหน้าของนางฉายความยินดีขึ้นมา ก่อนจะมอบทองคำสิบห้าตำลึงให้กับแม่นางเซียว จากนั้นก็รับเอาปิ่นหยกมา เมื่อสัมผัสกับมืออีกฝ่ายแล้วนางก็ชะงักไป เหตุใดมือของนางผิวสัมผัสถึงไม่ค่อยปกตินักนะ 

 

 

มองไปยังผิวหนังนุ่มเนียนของนางแล้วก็ดูไม่เหมือนคนที่ใช้แรงงานจนผิวแห้งกร้านเลยแม้แต่น้อย ทว่ามือของนางกลับเหมือนรังไหม เพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากจนมือหยาบกระด้างเช่นนี้ 

 

 

ในยามที่รับกล่องบุผ้าที่ใส่ปิ่นหยกมา ก็ทำให้กำไลหยกเลือดโผล่ออกมาจากแขนเสื้อของนางอย่างไม่ได้ตั้งใจ อวี้อาเหราก้มหน้าลงพอดี จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นดวงตาที่ส่องประกายวาววับของแม่นางเซียวที่เอาแต่มองจนไม่อาจถอนสายตากลับ  

 

 

ทว่าเจาเอ๋อร์กลับมองเห็นสายตาของนางนี้ เช่นนั้นจึงรีบดึงแขนเสื้อของคุณหนูตัวเองลงทันที เพื่อซ่อนหยกเลือดเอาไว้ภายใต้แขนเสื้อ 

 

 

ว่ากันว่าสมบัติไม่ควรนำออกไปสู่สายตาผู้อื่น มิเช่นนั้นอาจนำพาโชคร้ายมาให้โดยไม่รู้ตัว นางยังจำสิ่งที่หลงจู๊ผู้นั้นพูดเอาไว้ได้ว่า ในยามนี้ตลาดมืดอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ เช่นนั้นจะกล้าละเลยได้อย่างไร 

 

 

การกระทำของเจาเอ๋อร์นั้นทำให้อวี้อาเหราเข้าใจขึ้นมาได้ในทันที นางจึงรีบดึงชายแขนเสื้อปิดเอาไว้ เหลือบมองแม่นางเซียวเล็กน้อยก่อนจะหันหลังจากไป 

 

 

อวี้อาเหราและเจาเอ๋อร์เดินออกมาด้านนอกร้าน ชิงอวิ๋นยังคงเฝ้าอยู่ด้านข้าง พวกนางสองคนจึงเข้าไปใกล้อย่างเงียบๆ ก่อนจะส่งกล่องบุผ้าไปให้เขา “เก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าให้คนขโมยมันไปได้ หากอยู่ในมือพวกเราแล้วคงไม่ปลอดภัยแน่”  

 

 

“ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ” ชิงอวิ๋นกล่าวพลางยื่นมือออกไปรับ 

 

 

“คุณหนู พวกเรารีบไปเร็วเถิดเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์เอ่ยเร่งขึ้น 

 

 

อวี้อาเหราหันกลับไปมองร้านของแม่นางเซียวด้วยความใจลอย หากเป็นคนทั่วไปก็คงมองไม่ออกว่าหยกเลือดนั้นมีมูลค่าเท่าใด แต่แม่นางเซียวนั้นเป็นผู้มีสายตาแหลมคม นางจะต้องรู้แน่ว่ามันคืออะไร เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว นางก็ไม่อาจเร่งฝีเท้าเพื่อเดินจากไป ไม่สนใจคำทัดทานจากเจาเอ๋อร์ รีบกลับไปยังร้านของแม่นางเซียวทันที 

 

 

เจาเอ๋อร์มองนางอย่างไม่เข้าใจนัก ไม่รู้ว่านางจะกลับไปที่นั่นอีกทำไมกัน 

 

 

การกลับมาอีกครั้งของนาง ทำให้แม่นางเซียวต้องตกตะลึง “แม่นางมีอะไรหรือ” 

 

 

อวี้อาเหราก้าวไปด้านหน้าอย่างช้าๆ ดึงแขนเสื้อบริเวณข้อมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อเผยให้เห็นถึงกำไลหยกเลือด และเพื่อดึงความสนใจของอีกฝ่าย “แม่นางเซียวพอจะรู้จักของสิ่งนี้หรือไม่” 

 

 

“นี่คือ…” แม่นางเซียวอึ้งไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างละล่ำละลัก “ได้ยินมาว่าในยุคโบราณมีหยกเลือด ชุบชีวิตคนตายช่วยชีวิตคนเป็น เป็นหยกขาวที่มีหยดโลหิตอยู่ภายใน”  

 

 

“เจ้ารู้จักหรือ” อวี้อาเหราตกใจ เมื่อครู่นางได้เอ่ยถึงสรรพคุณของหยกเลือดออกมาไม่ผิดแน่ นางเองก็เคยได้อ่านจากตำราแพทย์โบราณมาเช่นกัน แต่เหตุใดแม่นางเซียวถึงรู้ได้? หรือว่านางก็เคยได้อ่านตำราโบราณอย่างนั้นหรือ หรือว่ารู้จักมักคุ้นกับนักพรตผู้นั้น จึงรู้มาจากเขากัน? 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 294 ชิงเอามา 

 

 

  

 

 

ไม่ว่าอย่างไรคนทั่วไปไม่อาจล่วงรู้ถึงพลังอำนาจที่แท้จริงของหยกเลือดได้ อย่างมากก็รู้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น 

 

 

แม้แต่ฉู่ป๋ายที่พกหยกเลือดติดตัวมาตลอดหลายสิบปีก็ยังไม่เข้าใจพลังอำนาจที่แท้จริงของมันเลย แล้วคนทั่วไปจะรู้เรื่องนี้ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน 

 

 

เรื่องนี้ต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ! 

 

 

แม่นางเซียวค่อยๆ ได้สติกลับมา “อืม ข้าก็ทราบมาบ้าง” 

 

 

สีหน้าของอวี้อาเหราฉายเป็นความยินดี “ถ้าเช่นนั้นเจ้าเคยได้ยินหรือเคยพบท่านนักพรตผู้หนึ่งบ้างหรือไม่” 

 

 

“อ้อ นักพรตน่ะหรือ…” แม่นางเซียวเอ่ยพึมพำออกมา มือขวาค่อยๆ ยกขึ้น ในยามที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรนั้น ผงขาวจากแขนเสื้อของนางก็ลอยออกมาซัดใส่ใบหน้าของอวี้อาเหราในชั่วพริบตา 

 

 

ผงขาวนี้ มีพิษ! 

 

 

นางไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาไม้นี้ 

 

 

อวี้อาเหราถอยไปข้างหลังได้ทันเวลา แล้วยกมือขึ้นปิดจมูกเท่าไว้ 

 

 

แม่นางเซียวใช้ผ้าปิดปากอุดจมูก จ้องมองอวี้อาเหรานิ่ง เมื่อเห็นนางตั้งรับทันเวลา ก็โกรธขึ้นมาในทันใด “เมื่อครู่นี้ทั้งๆ ที่เจ้า…แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้านั้นเตรียมตัวที่จะโจมตีเจ้า เจ้ามองออกได้อย่างไร?” 

 

 

นางถือโอกาสที่จะใช้ช่วงเวลานี้สาดผงขาวใส่ ทว่าคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมองออก 

 

 

อวี้อาเหราหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าไม่รู้เลยหรือว่ามือเจ้านั้นกระด้างไปหมดแล้ว” 

 

 

“กระด้างหรือ?” แม่นางเซียวตกใจจนไม่ทันระวังตัว รีบก้มหน้าลงไปมองอย่างพิจารณาทันที 

 

 

“ข้าก็มองความผิดปกติของเจ้าออกเสียนานแล้ว เพราะข้าสังเกตตั้งแต่ที่เจ้าจงใจเรียกพวกเราเข้าร้าน เมื่อเห็นปิ่นรูปหงส์ถึงได้รู้ว่าเจ้าคงไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากนั้นข้ายังได้แตะโดนมือที่หยาบกระด้างของเจ้า เพียงดูก็รู้ว่าเจ้าไม่น่าจะเป็นคนใช้แรงงาน ทว่าฝ่ามือกลับหยาบกร้านและถลอกลอก นอกจากคนที่รู้วิชายุทธ์แล้วจะเป็นใครได้อีก?” 

 

 

อวี้อาเหราวิเคราะห์ในสิ่งที่นางมองเห็นอย่างละเอียดออกมา 

 

 

ในช่วงเวลาที่ไร้ซึ่งความผิดปกตินางกลับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง อีกท้งยังวางแผนตั้งรับทัน 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่รู้เรื่องหยกเลือดนั้นจะเป็นคนธรรมดาได้หรือ? 

 

 

หลังจากที่พิษกระจายออกไปจนหมด นางก็ร้องตะโกนขึ้นมา “ต้าเว่ย ชิงอวิ๋น พวกเจ้าเข้ามาได้!” 

 

 

ทันทีที่ร้องตะโกนออกไป พวกต้าเว่ยก็พุ่งเข้ามา แล้วกันตัวอวี้อาเหราเอาไว้ ก่อนที่เจาเอ๋อร์จะวิ่งเข้ามาสอบถามอย่างเร่งร้อน “คุณหนู ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ” 

 

 

“ข้าไม่เป็นไร” อวี้อาเหราส่ายหน้า 

 

 

“คุณหนู” เจาเอ๋อร์มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสงสัย ก่อนจะตกใจเสียจนตัวสั่น “นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเจ้าคะ เหตุใดพวกต้าเว่ยถึงได้เข้ามากันรวดเร็วถึงเพียงนี้” 

 

 

แม่นางเซียวเองก็มองเหล่าองครักษ์มากมายที่พลันปรากฏตัวอยู่ข้างกายอวี้อาเหราอย่างไม่เข้าใจนัก นี่พวกเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? 

 

 

อวี้อาเหราตอบเจาเอ๋อร์ “เจ้าจำตอนที่ข้าให้เจ้าไปรวบรวมเงินกับพวกต้าเว่ยได้หรือไม่” 

 

 

“จำได้เจ้าค่ะ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรหรือเจ้าคะ”  

 

 

อวี้อาเหรายิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ “ข้าจงใจบังคับให้พวกเขานำเงินมาให้เจ้า ที่บอกว่า ‘นำมาให้หมด อย่าได้หลงเหลือไว้’ จริงๆ แล้วความหมายก็คือให้พวกเขาเข้ามาด้วยกัน อย่าได้เหลือใครเอาไว้ ส่วนวาจาที่ว่า ‘กลับไปแล้วค่อยคืน’ ก็หมายความว่าจนกว่าข้าจะเรียกจึงค่อยเข้ามา เดิมทีก็ไม่รู้ว่าพวกเขาฟังเข้าใจหรือไม่ แต่หลังจากที่เห็นพวกเขาคอยคุ้มนกันอยู่ด้านนอกแล้ว ข้าถึงได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาร้าน ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่เข้าไปเสี่ยงโดยเปล่าประโยชน์หรอก” 

 

 

หลังจากที่อธิบายจนจบแล้ว ทุกคนจึงค่อยเข้าใจขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม 

 

 

ก่อนหน้านี้เพียงรู้สึกว่าคุณหนูรองนั้นฉลาดขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ดูจากตอนนี้แล้วคงจะไม่ใช่เพียงฉลาดหลักแหลมเพียงเล็กน้อยเท่านั้นกระมัง 

 

 

แม่นางเซียวโกรธจัด ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของนางเปลี่ยนไปเป็นถมึงทึง “ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็คงไม่ต้องปกปิดอะไรอีก ทุกคนออกมาได้แล้ว ชิงเอาหยกเลือดในมือของหญิงคนนี้มาให้ได้!” 

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset