ตอนที่ 309 ฟื้นแล้ว
พิราบขาวหายไปในหมู่ต้นไม้ มองไม่เห็นแม้แต่เงา
หากไม่มีกระดาษจดหมายในมือเป็นเครื่องรับประกัน นางก็คงคิดว่าพิราบขาวตัวนั้นเป็นเพียงภาพลวงตาเป็นแน่
อวี้อาเหราเปิดกระดาษออกอ่าน ถึงได้เห็นว่าเป็นชื่อที่ตัวเองไม่ต้องการเห็นมากที่สุด หนิงจื่อเย่
นางรีบกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความระแวดระวัง โชคดีที่ตอนนี้นางหลบอยู่ด้านหลังของเรือนไม้ แต่พวกฉู่ป๋ายและชายชราอยู่ด้านหน้า ทำให้พวกเขาย่อมมองไม่เห็นว่านางกำลังทำอะไร ในขณะที่นางถอนหายใจออกมานั้นก็พลันคลี่กระดาษออกอ่านด้วยความหนักใจ ด้านในมีตัวอักษรที่เขียนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเอาไว้
‘ใช้โอกาสตอนที่อยู่ในตลาดมืดนี้ ฆ่าฉู่ป๋ายเสีย’
ตัวอักษรง่ายๆ เพียงไม่กี่ตัว กลับกลายเป็นคำสั่งคร่าชีวิตของคนคนหนึ่งไปเสียได้
อวี้อาเหราพลันเข้าใจขึ้นมาได้ในทันที ที่แท้หนิงจื่อเย่ก็รู้อยู่แล้วว่านางอยู่ที่ตลาดมืด แต่เขารู้ร่องรอยของนางได้อย่างไรเล่า? อีกอย่าง หากคนของเขาตามอยู่ข้างกายของนางตลอดเวลา เหตุใดนางถึงไม่รู้ตัวเลย…
ในเมื่อต้องการให้นางสังหารฉู่ป๋ายในตลาดมืดแห่งนี้ ถ้าหากออกไปจากตลาดมืดแห่งนี้แล้วทำไม่สำเร็จ ผลที่ตามมาเล่าจะเป็นเช่นไร?
หรือว่าเขาจะเปิดโปงสถานะอันจอมปลอมของนาง? หากเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อกลับเฟิ่งเฉิงก็เท่ากับเดินเข้าสู่กับดักด้วยตัวเองชัดๆ!
นางควรจะทำอย่างไรดี? จะต้องสังหารฉู่ป๋ายเพื่อรักษาสถานะของตัวเอง หรือจะยอมเผชิญหน้ากับภัยอันตรายโดยไม่ยอมฆ่าผู้บริสุทธิ์ สิ่งที่ยากที่สุดในตอนนี้ก็คือนางจะสังหารฉู่ป๋ายได้อย่างไร ข้างกายของเขายังมีหานสือคอยคุ้มครองอยู่ อีกทั้งยังไม่รู้เลยว่าตัวเขานั้นมีคนที่คอยคุ้มกันอีกกี่คน หากนางตัดสินใจที่จะฆ่าเขาขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะรับมือได้หรือไม่
สุดท้าย อย่างไรเสียก็จบไม่สวยสักทาง
นี่เป็นจุดที่ยากลำบากที่สุดแล้ว
นางนั่งลงข้างลำธาร มองผิวน้ำที่ไหลเอื่อยๆ อย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จะสังหารหรือไม่สังหารก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาทั้งนั้น ทุกวันนี้เรื่องทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับนางเลย ทันใดนั้นนางก็นึกถึงจุดมุ่งหมายที่มายังตลาดมืดได้ นางมาเพื่อค้นหานักพรตเพื่อที่จะได้รู้เรื่องหยกเลือดและความลับในการย้อนอดีตมิใช่หรือ?
หากสามารถตามหาตัวนักพรตคนนั้นได้ เช่นนั้นจะสามารถไขปริศนาทุกอย่างได้หรือไม่…
“คุณหนู” ในขณะที่นางกำลังตกอยู่ในห้วงของความคับข้อง ทันใดนั้นที่ด้านหลังก็มีเงาร่างร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมา
อวี้อาเหราตกใจเสียจนสะดุ้ง แต่เมื่อหันกลับไปเห็นเป็นเมี่ยวอวี้จึงค่อยผ่อนลมหายใจออกมา เพียงแต่ว่านางยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นจึงฉีกกระดาษในมือเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและโยนลงไปในลำธาร เมื่อสายตาเห็นว่ากระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยหายไปในน้ำ นางจึงค่อยเผยยิ้มออกมา “เจาเอ๋อร์ฟื้นแล้วหรือ”
โชคดีที่ไม่ใช่ฉู่ป๋าย มิเช่นนั้นนางคงได้ตกใจเสียยิ่งกว่านี้แน่
เมี่ยวอวี้ตอบกลับมาว่า “เจาเอ๋อร์ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ เชิญคุณหนูไปดูนางเถิด”
“ตกลง” อวี้อาเหรารับคำ ก่อนจะก้าวเท้าเดินนำหน้าไป
เมี่ยวอวี้กำลังคิดจะเดินตามไป แต่ฝีเท้ากลับชะงักลง แล้วถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “คุณหนู เหตุใดจู่ๆ บ่าวถึงได้กลิ่นน้ำหอมบางๆ มาจากกายของท่านเล่าเจ้าคะ เมื่อครู่นี้ก็เหมือนจะไม่ได้กลิ่น…”
“จริงหรือ” อวี้อาเหราก้มลงดมกลิ่นของตัวเอง กลับไม่เห็นว่าจะได้กลิ่นอะไร แต่นางก็ยังไม่วางใจ “ไม่เห็นมีกลิ่นหอมอะไรเลยนี่ เจ้าคิดไปเองหรือเปล่า”
“อาจจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
ทั้งสองเดินไปด้านหน้า ชายชรา ฉู่ป๋ายและหานสือต่างก็เข้าไปในเรือนแล้ว หลังจากที่อวี้อาเหราเดินเข้าไป เมื่อนางเห็นเจาเอ๋อร์ที่นั่งอยู่บนเตียงก็ยินดีขึ้นมา จึงลึมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปชั่วขณะ
เจาเอ๋อร์ดึงมือของนางด้วยความยินดี “คุณหนู บ่าวยังคิดว่าจะไม่พบท่านอีกแล้วเจ้าค่ะ!”
“ได้อย่างไรกัน” ใบหน้าของอวี้อาเหราเผยยิ้มบาง “คุณหนูของเจ้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายเปล่าแน่ รออีกสักครู่ พวกต้าเว่ยก็จะลากตัวแม่นางเซียวน่าตายผู้นั้นกลับมา ข้าจะล้างแค้นให้เจ้าเอง!”
ตอนที่ 310 กินข้าวต้องจ่ายเงิน
“ขอบพระคุณคุณหนูเจ้าค่ะ” เบ้าตาของเจาเอ๋อร์แดงก่ำ ร่างกายพลันอ่อนแรงขึ้นมาก
อวี้อาเหราประคองให้นางเอนตัวนอนลง “เจ้าพักผ่อนเสียเถิด รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีๆ โชคดีที่รอยแผลที่หัวไหล่ไม่ค่อยหนักเท่าใด เพียงแค่ต้องพิษเท่านั้น ตอนนี้เมี่ยวอวี้ได้ช่วยขจัดพิษให้เจ้าแล้ว นี่ก็ค่อยวางใจหน่อย”
“เจ้าค่ะ บ่าวทราบแล้ว” เจาเอ๋อร์พยักหน้าลง แล้วถึงได้มองเมี่ยวอวี้เสียใหม่ คิดที่จะอ้าปากขึ้น ทว่าผ่านไปนานจึงค่อยรวบรวมคำพูดออกมาจากปากได้ “ขอบคุณเจ้ามากนะ”
“ไม่เป็นไร” เมี่ยวอวี้ส่ายหน้า
อวี้อาเหราเห็นว่านางเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ในใจของนางก็ยินดียิ่งนัก
รอจนกระทั่งเจาเอ๋อร์นอนหลับไปอย่างวางใจแล้ว ชายชราจึงมองไปยังคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ “วันนี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยกันมากแล้ว ตามข้าไปทานข้าวร่ำสุรากันด้านนอกเถิด ข้ากำลังรอให้บางคนเตรียมอาหารให้ข้าอยู่”
ความนัยของคำพูดนี้ แน่นอนว่าเขาพูดถึงอวี้อาเหราอย่างไม่ต้องสงสัย
“ท่านจะรีบร้อนไปทำไมกัน คิดว่าข้าจะหลอกท่านหรืออย่างไร” อวี้อาเหราหันกลับไปสั่งหานสือ “เจ้าไปเตรียมเหล้าและอาหารเถิดไป เตรียมอาหารให้ท่านผู้เฒ่ามากสักหน่อย เขาจะได้ไม่พูดว่าข้ารังแกเขาอีก”
“…ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง” หานสือมองไปทางซื่อจื่อของตนเอง แล้วจึงทำได้เพียงรับคำสั่ง
หานสือกำลังจะหมุนกายเพื่อจากไป แต่กลับถูกอวี้อาเหราร้องเรียกเอาไว้ก่อน นางมองไปทางชายชราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้ามอบเงินทั้งหมดของข้าให้ท่านไปแล้ว หากท่านไม่จ่ายเงินแล้วใครจะซื้ออาหารและสุราให้ท่านกัน จ่ายมาสิ”
คนทั้งหมดรู้สึกขบขัน ต่างพากันคิดว่าคุณหนูรองนั้นอย่างไรแล้วก็ไม่ยอมเสียเปรียบแน่ๆ
ชายชราโกรธจนถลึงตา “เจ้าให้ข้าแล้วก็ให้เลยสิ เหตุใดข้าจะต้องจ่ายเงินซื้อข้าวปลาอาหารให้เจ้าด้วย”
“ก็เพราะว่าท่านอยากทานอย่างไรเล่า” อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้น แสดงท่าทีวางอำนาจขึ้นมาทันที ที่นี่ไม่ใช่ตลาด นางนึกอยากจะรังแกตาเฒ่าผู้นี้แค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวโดนผู้อื่นตำหนิ แม้ฉู่ป๋ายคิดจะเอ่ยปากสอดขึ้นมานางก็ไม่กลัว และหานสือกับเมี่ยวอวี้ก็ไม่กล้าขัดนางอยู่แล้ว
ชายชราเห็นว่านางไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นจึงจำต้องควักเงินที่อยู่ในอกออกมาแต่โดยดี ที่กล่าวกันว่าลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ ก็คงเป็นไปตามนั้น ชายชราคนนี้ช่างอ่านสถานการณ์เก่งยิ่งนัก!
อวี้อาเหราแกล้งปั่นประสาทเขาสักครู่เพื่อให้จิตใจชื่นบาน จากนั้นจึงโยนถุงเงินให้กับหานสือ แล้วสั่งให้เขาไปซื้อสุราและอาหารมา
หานสือมองเงินในมืออย่างจนใจ ที่นี่ก็มีเสบียงอาหารน้อยยิ่งนัก ราคาจึงแพงกว่าในตัวเมืองเฟิ่งเฉิงหลายเท่าตัว คุณหนูรองให้เพียงเศษเงินเท่านี้ คงจะพอซื้อได้เพียงน่องไก่สองน่องเท่านั้น
ชายชราจ่ายเงินที่เม้มมาได้อย่างยากลำบาก ภายในใจเต็มไม่ด้วยความโกรธเคือง แล้วเดินเข้าไปในป่าอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก แม้จะมองเห็นเพียงหลังโก่งๆ ของเขาก็สามารถมองเห็นถึงสีหน้าโกรธเคืองเพียงใด ในใจคงกำลังด่าทออวี้อาเหราเป็นแน่
เมี่ยวอวี้มองพวกเขาเล็กน้อย “คุณหนู เซิ่นซื่อจื่อ พวกท่านพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ บ่าวจะเข้าไปดูเจาเอ๋อร์ในห้องเอง”
“ไปเถิด” อวี้อาเหราโบกมือ
บริเวณนอกเรือนนั้นจึงเหลือเพียงพวกเขาสองคน ที่ยืนฟังเสียงใบไม้กระทบกันอย่างเงียบสงบ
อวี้อาเหราปรายตามองเขาอย่างไม่ใส่ใจนัก “ถือโอกาสที่หานสืออกไปซื้อสุราและอาหาร เจ้ายังอยากให้ข้าไปเก็บสมุนไพรเป็นเพื่อนเจ้าหรือไม่”
“ไม่ต้องหรอก พรุ่งนี้ก่อนค่อยว่ากันเถิด” ฉู่ป๋ายมองท้องฟ้า จึงรู้ว่าใกล้จะค่ำแล้ว ในเวลาป่านนี้จะออกไปหาสมุนไพรได้หรืออย่างไร
“ก็ได้” อวี้อาเหราพยักหน้าลง
ฉู่ป๋ายมองนาง เมื่อได้กลิ่นหอมบางเบาก็มั่นใจว่าลอยออกมาจากตัวนางไม่ผิดแน่ ดวงตาดำขลับส่องประกายวาววับ ราวกับมีดวงดาวทั้งหมดบนท้องนภากำลังส่องสว่างอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น ดวงตาที่สุกสกาวเช่นนี้คงจะไม่มีท้องฟ้าที่ไหนที่จะส่องสว่างได้เท่าดวงตาของเขาอีกแล้ว