ตอนที่ 319 ร้อนหรือ
ฉู่ป๋ายเห็นนางเดินจากไป ก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก เพียงลูบจอนผมที่ตกลงมาเบาๆ
อวี้อาเหราเดินไปยังห้องของเจาเอ๋อร์ เมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นว่าหานสือกำลังดูแลเจาเอ๋อร์ที่สลบไปด้วยความใส่ใจ ใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำร้อนเล็กน้อย แล้วค่อยๆ บรรจงเช็ดคราบสกปรกบนใบหน้าของนางออก ไม่รู้สึกถึงแม้กระทั่งนางที่กำลังเดินเข้ามาเลยด้วยซ้ำ
“อะแฮ่มๆ” อวี้อาเหราปิดปากกระแอมไอขึ้นมา
หานสือตกใจเสียจนมือไม่สั่นเทา หันกลับมาก็เห็นนางยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่พูดไม่จา เช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวรายงานอย่างตะกุกตะกักพร้อมทั้งใบหน้าแดงก่ำ “คะ…คุณหนูรองมาแล้วหรือขอรับ ข้าแบกเจาเอ๋อร์กลับมาแล้ว แต่เห็นว่าใบหน้าของนางสกปรกอยู่บ้าง เช่นนั้นถึงได้…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” อวี้อาเหราโบกมือ พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ ก่อนออกคำสั่งขึ้นว่า “เจาเอ๋อร์ยังไม่ได้ทานอะไรเลย เจ้าก็ไปบอกให้ห้องครัวเตรียมโจ๊กให้นางเสียหน่อยเถิด ช่วงที่เจ้าไม่อยู่ประเดี๋ยวข้าจะดูแลนางให้เอง”
“นี่ก็ไม่ดีกระมังขอรับ คุณหนูรองมีสถานะสูงส่ง ไหนเลยจะมาดูแลเจาเอ๋อร์ด้วยตัวเองได้ ข้าน้อยจะไปบอกให้เมี่ยวอวี้มาช่วยดูแลนางเองขอรับ”
“วันนี้ข้าก็โชคดีเพียงใดแล้วที่มีเจาเอ๋อร์ช่วยชีวิตเอาไว้ หากข้าดูแลนางจะมีอะไรที่ผิดกันเล่า? เจ้ารีบไปที่ห้องครัวเถิด มิเช่นนั้นหากนางตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่มีอะไรกิน” อวี้อาเหราพูดขึ้นอย่างรำคาญ
เมื่อหานสือจากไปแล้ว อวี้อาเหราถึงได้เดินเข้าไปยังข้างกายของเจาเอ๋อร์ มองใบหน้าที่ยังขาวซีดของนาง ในใจก็เป็นห่วงกังวลขึ้นมาเป็นอย่างมาก ยื่นมือออกไปช่วยตรวจชีพจรให้กับนาง แม้ว่าพิษจะถูกขจัดออกไปแล้ว แต่เป็นเพราะพิษนั้นซึมลึก จึงจำต้องพักฟื้นอีกหลายวันจึงจะทุเลาลง เมื่อคิดเช่นนี้ ความกังวลในใจของนางก็ค่อยผ่อนคลายลง
สิ่งที่นางกลัวที่สุดก็คือการติดค้างบุญคุณคน การกระทำของนางเหมือนกับวันที่ฉู่ป๋ายยอมรับกระบี่แทนนางในวันนั้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็จำต้องช่วยชีวิตเขาให้ได้ แม้ว่าเป้าหมายในการสังหารของหนิงจื่อเย่จะเป็นเขา แต่หากไม่ใช่เขาที่รับกระบี่แทนนาง คนที่ตายก็คงจะเป็นตัวนางเอง
หลังจากที่นางเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง เจาเอ๋อร์ก็ค่อยๆ กะพริบลืมตาขึ้นมา อวี้อาเหรามองนางด้วยความยินดียิ่งนัก เมื่อเห็นนางทำท่าจะลุกขึ้นนั้นก็รีบยื่นมือออกไปห้ามไว้ก่อน “พิษเพิ่งถูกถอนออก ร่างกายของเจ้ายังไม่หายดี จะต้องนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงเพื่อรักษาตัว”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ…” เจาเอ๋อร์ตกใจที่ได้รับความเมตตาถึงเพียงนี้
“เหตุใดจะไม่ได้? วันนี้เจ้าเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือข้า ข้าก็ต้องช่วยเหลือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าสิ หากเจ้ายังไม่หายดี แล้วคุณหนูของเจ้าจะวางใจได้หรือ” อวี้อาเหราเสียงแข็งขึ้นมา ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องพูด “เมื่อครู่นี้เป็นหานสือที่แบกเจ้ากลับมา ตอนนี้เขากำลังเตรียมอาหารเย็นให้เจ้าอยู่”
“หาน…หานสือหรือเจ้าคะ” น้ำเสียงของเจาเอ๋อร์สั่นเทา ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
“ใช่น่ะสิ เขาก็เป็นคนแบกเจ้ากลับมาตลอดทาง แต่ว่า…เหตุใดใบหน้าของเจ้าถึงได้แดงเพียงนั้นเล่า” อวี้อาเหราพยักหน้า หลังจากย้อนกลับมามองใบหน้ารูปไข่ที่งดงามของเจาเอ๋อร์แล้ว ก็เห็นว่าใบหน้าที่เคยขาวซีดบัดนี้กลับแดงก่ำด้วยความเขินอาย
“อาจจะเป็นเพราะอากาศร้อนเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์รีบหาข้ออ้างในทันที
อวี้อาเหราหัวเราะเล็กน้อย “ร้อนหรือ? แต่นี่มันเดือนอะไรแล้วนะ”
“คุณหนู อย่าล้อบ่าวเล่นสิเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์รู้ว่านางหมายความว่าอย่างไร เช่นนั้นก็พลันยู่ปากแล้วก้มหน้าลง ยากที่จะปิดบังใบหน้าเขินอายของตัวเองได้ จึงถูกอวี้อาเหราหยอกล้อจนหน้าแดง
อวี้อาเหราเก็บสีหน้ากระหยิ่มยิ้มหย่องของตัวเอง “ก็ได้ ข้าไม่พูดแล้วก็ได้ อาการป่วยของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือไม่”
“ไม่เจ็บแล้วเจ้าค่ะ ฝีมือทางการแพทย์ของท่านผู้เฒ่านั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ถอนพิษออกให้ ทั้งยังใช้ยาที่ดีเลิศจนทำให้บาดแผลที่หัวไหล่ของบ่าวนั้นดีขึ้นมาก คิดว่าเพียงไม่นานก็คงจะหายดีแล้วเจ้าค่ะ”
ตอนที่ 320 ข้าจะนอน
เมื่อได้ยินเจาเอ๋อร์พูดเช่นนั้น อวี้อาเหราก็เห็นว่าสีหน้าของนางไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดแต่อย่างใดอีก เช่นนั้นถึงค่อยวางใจลง “เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พักผ่อนเสียเถิด พยายามใช้แรงกายให้น้อยที่สุด อยากจะกินอะไรก็ให้บอกข้า อย่างไรก็จะไม่ยอมให้เจ้าอดแน่”
“ขอบพระคุณในความกรุณาของคุณหนูเจ้าค่ะ แต่คุณหนูอย่าได้ดีกับบ่าวมากถึงเพียงนี้เลย การช่วยเหลือคุณหนูเป็นเรื่องที่บ่าวสมควรกระทำอยู่แล้ว หากพูดถึงเรื่องผู้มีพระคุณอะไรนั่นบ่าวคงรับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ตอบกลับแต่โดยดี เมื่อเห็นนางใส่ใจมากถึงเพียงนี้ ก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดความในใจทั้งหมดออกมา
อวี้อาเหรายิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่สนใจว่าเจาเอ๋อร์จะพูดเช่นไร เพราะไม่ว่านางจะเป็นเพียงสาวใช้ของตนหรือไม่ แต่ตอนนี้นางที่ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้ก็ควรที่จะได้รับการรักษาอย่างดี อีกอย่างที่นางได้รับบาดเจ็บนั้นสาเหตุก็เป็นเพราะตน
ขณะที่พวกนางกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น หานสือก็ยกโจ๊กเนื้อฝอยเข้ามา อีกทั้งยังมีกับข้าวรสอ่อนอีกสองจานเล็กๆ อวี้อาเหราลุกขึ้นยืนข้างเตียง ก่อนจะสั่งการกับเขาว่า “ข้ายังมีธุระที่ต้องทำอีก เจ้าป้อนอาหารให้เจาเอ๋อร์เถิด”
“คุณหนูรอง?” หานสือมองดูเจาเอ๋อร์ มีท่าทีลังเลขึ้นมา
“แม้แต่คำพูดของข้าเจ้าก็ไม่ฟังแล้วหรือ หรือว่าต้องให้ข้าไปเชิญซื่อจื่อของเจ้าด้วยตัวเอง?” อวี้อาเหรารีบยกฉู่ป๋ายขึ้นมาบังหน้าทันที เมื่อหานสือได้ยินดังนั้น ก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมเชื่อฟัง “ข้าน้อยไหนเลยจะไม่กล้าฟังคำสั่งของคุณหนูรองขอรับ ข้าน้อยรับบัญชา”
“เช่นนั้นก็ดี” อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้นอย่างสมใจ ก่อนจะหันไปมองเจาเอ๋อร์ “เจ้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา และไม่ได้ทานอะไรมานานแล้ว เช่นนั้นก็ทานโจ๊กอ่อนๆ ไปก่อนเถิด รอจนเจ้าดีขึ้นแล้วข้าจะให้คนไปเตรียมอาหารให้เจ้าเอง”
เจาเอ๋อร์พยักหน้า และไม่พูดอะไรออกมาอีก ร่างกายของนางยังคงฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ เพียงพูดสองสามคำก็เปลืองแรงเต็มที
อวี้อาเหราหมุนตัวแล้วเดินจากไป นางกลับมาที่ห้องของตัวเองอีกครั้ง ทันทีที่เข้ามาก็เห็นบุรุษในชุดขาวนั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ กำลังทานขนมของนาง แม้จะรู้ว่านางเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ทำเพียงเหลือบสายตามองอย่างเกียจคร้าน นางชะงักเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าถึงไม่อยู่ห้องของตัวเอง มาหาข้าทำไมกัน”
“ก็ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่เห็นว่าขนมของเจ้าอร่อยดีก็เท่านั้น” น้ำเสียงของฉู่ป๋ายนั้นเรียบเย็น
“เช่นนั้นก็ยกไปกินที่ห้องของเจ้าสิ ข้าจะนอนแล้ว” อวี้อาเหราตวัดสายตามอง หวังว่าเขาจะเข้าใจสายตาของนาง
ฉู่ป๋ายไม่ตอบคำ “เจ้าเอาองครักษ์ของข้าไปไว้ไหนกัน”
“หานสือน่ะหรือ ข้าให้เขาดูแลเจาเอ๋อร์น่ะ” หลังจากตอบแล้วอวี้อาเหราก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดย้ำด้วยคำเดิม “เจ้าได้ฟังคำข้าหรือไม่ รีบนำขนมไปแล้วก็ไปได้แล้ว ข้าจะนอน”
“เจ้าเอาองครักษ์ของข้าไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไร” ฉู่ป๋ายยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน เงยหน้าปรายตามองนางด้วยความเกียจคร้าน “เจ้าอยากนอนก็นอนไปสิ ข้าไม่ได้ขวางเจ้าเสียหน่อย หรือว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะถือโอกาสทำอะไรเจ้าตอนที่นอนอยู่?”
ก็ใช่น่ะสิ! ถ้าไม่เช่นนั้นจะเพราะอะไรกัน! ในใจของอวี้อาเหราคิด
“เช่นนั้นก็ผิดแล้ว เพราะข้านั้นก็ไม่ใช่คนที่ไม่เลือก” วาจาเรียบง่ายประโยคนี้ของเขากลับเป็นการกระตุ้นอารมณ์โกรธของนางได้เป็นอย่างดี นางโกรธจนเกือบจะยั้งมือไม่ทันโยนจานขนมใส่หน้าเขาเสียแล้ว นางก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะยังคงนิ่งงันอยู่เช่นนี้อีก
อะไรคือเลือก? นี่เขากำลังดูถูกนางอยู่หรือ?
ฉู่ป๋ายเห็นนางโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ ทรวงอกพองยุบด้วยอารมณ์โกรธ ก็พลันหลุดหัวเราะออกมา
อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้โกรธจะได้ไม่ตกเป็นที่น่าขบขันของเขา นางก็ไม่ควรจะเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลยจริงๆ นี่ก็เป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า! เช่นนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องพูดทันที “เจ้าก็ไม่ง่วงหรืออย่างไร”
“พอเจ้าพูดขึ้นมาเช่นนี้ ข้าก็เริ่มจะง่วงขึ้นมาเสียแล้วสิ” ฉู่ป๋ายว่าขึ้นมาในทันใด