ตอนที่ 349 หม่อมฉันมิกล้า
อวี้อาเหราพูดจาอ้อมค้อมอยู่เป็นนาน สุดท้ายจึงกล่าวออกมาว่า “เจาเอ๋อร์อยู่กับลูกมานานหลายปี ไม่ว่านางจะทำอะไรก็มักจะคิดถึงลูกก่อนเสมอ ความซื่อสัตย์ของนางนั้นไม่ควรเป็นที่สงสัยเลย เพียงแต่ในสายตาของอนุรองนั้น นางกลับมองว่าลูกนั้นเป็นหญิงอ่อนแอที่ไม่เข้าใจเรื่องราวอะไร เช่นนี้ใครที่ดีต่อลูก แน่นอนว่าลูกคงแยกออกได้ไม่ยากแล้วเจ้าค่ะ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าอนุรองไร้ซึ่งคำพูด นางก็ยิ่งเติมเชื้อเพลิงไปลงไป “ในเมื่ออนุรองกล่าวว่าเจาเอ๋อร์เป็นผู้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรานั้นแย่ลง ทว่าเรื่องน้ำแกงตะพาบน้ำและบัวกีบม้าเมื่อคราวก่อนนั้น อนุรองเกือบจะเข้าใจข้าผิดไปว่าข้าจะวางยาพิษท่าน ครั้งนี้เจาเอ๋อร์เพียงยืนเฉยๆ ไม่ได้กล่าวอะไรเลย ไหนเลยนางจะยั่วยุให้เกิดการแตกหักได้ หากเป็นไปตามที่อนุรองว่าจริงๆ ก็คงเป็นข้าเองกระมังที่ยุแยงตะแคงรั่ว”
“คุณหนูรอง ข้าน้อยไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น” สายตาของอนุรองแฝงให้เห็นถึงความรอบคอบมากยิ่งขึ้น ปากของนางกำลังเตรียมจะพูดต่อ ทว่าอวี้อาเหรากลับพูดแทรกขึ้นมาในทันที “อนุรอง ท่านไม่ได้หมายความเช่นนี้ แล้วท่านหมายความว่าอย่างไร? ถ้าอย่างนั้นเราก็กลับไปพูดถึงเรื่องที่อยู่ที่หนานย่วนเถิด ที่ข้าเกือบจะถูกเข้าใจผิดว่าลักลอบคบหากับบุรุษ ครั้งนั้นข้าไปกับท่านอ๋องน้อยจวินและเจาเอ๋อร์ แต่กลับถูกท่านและท่านพี่เข้าใจผิด หรือว่าเจาเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ข้านั้นพูดกลับผิดเป็นถูก? อีกอย่าง ในเมื่อข้าไม่ได้ทำเรื่องนั้น แล้วเป็นใครกัน? ใครกันที่ทำเรื่องที่หนานย่วนนั่น? อีกทั้งยังเกิดขึ้นพอดิบพอดีกับช่วงเวลาที่ข้าไปที่นั่นพอดีอีก เมื่อลองคิดๆ ดูแล้ว นี่ก็ทำให้คนรู้สึกกลัวอยู่บ้าง”
โดยที่ไม่รู้ตัวอวี้อาเหราก็พุ่งเป้าเรื่องราวทั้งหมดไปที่อนุรองทันที จนสีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
นางไม่ปล่อยโอกาสให้อนุรองได้พูดแก้ตัว อีกทั้งยังคงกล่าวต่อไปว่า “อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ตอนที่ลูกตรวจสอบเรื่องของเฉียนหลงจู๊ หรือจะกล่าวว่ามีเจาเอ๋อร์คอยยั่วยุอยู่ข้างๆ อย่างนั้นหรือเพคะ จะกล่าวว่านางต้องการที่จะแย่งชิงอำนาจมาจากเฉียนหลงจู๊และขโมยทรัพย์สินมาจากหวังหลงจู๊หรืออย่างไรกัน? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับข้าและหวังหลงจู๊ร่วมมือกันอย่างนั้นสินะ เพราะคิดอยากจะขโมยทรัพย์สินของบ้านตัวเอง เรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้ข้าพูดถูกหรือไม่”
ตอนนี้อวี้อาเหราก็โกรธจัดจนไม่อาจระงับความโกรธเคืองเอาไว้ได้อีก หากตอนนี้ไม่มีคนมองดูอยู่มากถึงเพียงนี้ นางก็อยากจะยกมือขึ้นทุบตีอนุรองสองแม่ลูกนั่นยิ่งนัก หากไม่ให้บทเรียนแบบเลือดตกยางออกสักตั้งก็คงไม่จำกันหรอก ก่อนหน้านี้นางก็ยังคิดว่าตัวเองได้ให้บทเรียนไปมากพอที่จะให้อีกฝ่ายคอยเลี้ยงลูกในครรภ์อยู่เฉยๆ แล้วแท้ๆ แต่ไม่คิดว่าเพียงผ่านไปไม่กี่วันก็กลับเกิดเรื่องของหวังหลงจู๊ขึ้นมาอีก
หลิงอ๋องได้ยินคำตำหนิของนาง เช่นนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีแล้วหันไปทางอนุรอง “คำพูดของอาเหรานั้นก็ไม่ผิด เจ้าบอกว่าเป็นเจาเอ๋อร์ที่คอยยั่วยุให้แตกหัก แต่นางเติบโตขึ้นท่ามกลางสายตาของเรา แน่นอนว่าเราต้องรู้จักนิสัยของนางดี แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อนก็แทบจะเป็นความผิดของพวกเจ้าทั้งหมด หากเจ้ากล่าวว่าเป็นเจาเอ๋อร์ที่ยั่วยุให้เกิดความแตกหักจริงๆ แล้ว คงเป็นเราเองนี่กระมังที่คอยเสี้ยมเรื่องทุกอย่างอยู่ด้านหลัง?”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมิกล้าเพคะ!” อนุรองสัมผัสได้ถึงความจริงจังของเรื่องนี้ เช่นนั้นจึงตกใจรีบคุกเข่าลงทันที
ตอนนี้อวี้อาเหราควบคุมสถานการณ์ตรงหน้าเอาไว้จนหมดแล้ว นางไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่ เช่นนั้นจึงตอบกลับไปว่า “เสด็จพ่อ ขอให้เสด็จพ่อทรงอนุญาตให้เจาเอ๋อร์ลุกขึ้นเถิดเพคะ หากนางยังคุกเข่าอยู่เช่นนี้ แม้นางจะไม่ตายด้วยคำพูดให้ร้ายของอนุรอง ก็คงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้…”
“หมายความว่าอย่างไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจาเอ๋อร์ก็ดูสบายดีนี่ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับเจ้าที่เมืองตะวันตกกัน!” หลิงอ๋องชะงัก แล้วมองไปทางเจาเอ๋อร์ที่ยังคงคุกเข่าก้มศีรษะลงกับพื้น สายตาฉายแวววิตก
ตอนที่ 350 เฉือนเนื้อสามพันดาบ
“เสด็จพ่ออาจจะไม่ทรงทราบ ที่ลูกไปเมืองตะวันตกครั้งนี้ลูกก็ได้พบกับโจรเถื่อนเข้า หัวหน้าโจรหญิงผู้นั้นเป็นผู้ใช้พิษ ตัวลูกนั้นเกือบจะโดนพิษเข้าเสียแล้ว แต่โชคดีที่เจาเอ๋อร์เสี่ยงชีวิตเอาตัวเข้าบังไว้ มิเช่นนั้นลูกคงสิ้นชีพไปแล้วเพคะ เจาเอ๋อร์ถูกช่วยให้รอดชีวิตกลับมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ตอนนี้นางบาดเจ็บแต่ยังรักษาไม่ทันหาย ร่างกายของนางอ่อนแอยิ่งนัก หากยังต้องได้รับความทรมานเช่นนี้อีกชีวิตนางคงหาไม่แล้วเพคะ”
“เป็นเรื่องจริงหรือ” หลิงอ๋องตื่นตะลึง เมื่อเห็นอวี้อาเหราพยักหน้าลงอย่างจริงจัง เขาก็ไม่สนใจเรื่องยุยงส่งเสริมอะไรอีก ก้าวยาวๆ เข้าไปประคองเจาเอ๋อร์ขึ้นมาทันที แล้วกล่าวว่า “เจ้ารีบลุกขึ้นเถิด หากครั้งนี้ไม่ใช่อาเหราที่พูดขึ้นมาเราคงเข้าใจจิตใจที่ภักดีของเจ้าผิดไป ในเมื่อเจ้ากล้าที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเจ้านาย เจ้าก็คงไม่ใช่คนที่มีใจคอโหดร้ายอันใด รีบลุกขึ้น!”
“ท่าน…ท่านอ๋อง…” น้ำเสียงของเจาเอ๋อร์สั่นเทา ราวกับตกใจที่ได้รับความเอ็นดูถึงเพียงนี้
เมื่อเห็นหลิงอ๋องเข้ามาประคองเจาเอ๋อร์ด้วยตัวเองเช่นนี้แล้ว สีหน้าของอนุรองและอวี้จื่อเยียนก็ย่ำแย่ลงในทันที แต่พวกนางก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก ตอนนี้เหตุการณ์พลิกลับตาลปัตรเพราะอวี้อาเหรา ยังจะมาเกิดเรื่องเสี่ยงชีวิตช่วยเจ้านายอีก หลิงอ๋องรักเอ็นดูอวี้อาเหราเป็นที่สุด เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วก็แน่นอนว่าจะไม่สนใจอะไรอีก
ครั้งนี้ พวกนางก็คงจะต้องพ่ายแพ้อีกแล้ว!
ทว่าอวี้จื่อเยียนยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองอยู่ นางยังคงเดินเข้าไปหาราวกับคนโง่เง่า “เสด็จพ่อ ที่นางช่วยชีวิตน้องสาวก็อีกเรื่อง แต่เรื่องที่นางทำผิดจะไม่ลงโทษได้หรือเพคะ”
หลิงอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับมาอย่างโกรธจัด “เจ้าก็ไม่เห็นหรือว่าน้องสาวเจ้าลำบากอย่างไร เราเห็นเจาเอ๋อร์เติบโตขึ้นมากับตา นางนิสัยเป็นเช่นไรแน่นอนว่าต้องรู้อยู่แก่ใจ เรื่องนี้คงเป็นเพราะหวังหลงจู๊อาศัยช่วงที่อาเหราและเจาเอ๋อร์ออกไปนอกจวน แล้วจึงค่อยเปลี่ยนข้อมูลในบัญชี เพื่อที่จะใส่ร้ายพวกนางเท่านั้นเอง”
“เสด็จพ่อ?” ทำอย่างไรอวี้จื่อเยียนก็ไม่เชื่อ แผนการที่ตระเตรียมมาอย่างดีเปลี่ยนทิศทางไปจนหมด พวกนางล้วนวางแผนอย่างยากลำบากมาเป็นเวลานาน ก็เพื่อที่จะเด็ดปีกเด็ดหางอวี้อาเหรา ทั้งยังอุตส่าห์ลอบไปหยิบสมุดบัญชีมาเพื่อที่จะใส่ร้ายอีกฝ่าย หากแผนการทั้งหมดจำต้องสูญเปล่าแล้ว เช่นนั้นก็ไม่เท่ากับถูกหัวเราะตายหรอกหรือ?
“เยียนเอ๋อร์ เสด็จพ่อของเจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ในเมื่อเจาเอ๋อร์เป็นผู้ช่วยชีวิตคุณหนูรอง นางก็คงไม่มีความคิดที่จะยักยอกเอาสมบัติของจวนไปใช้หรอก เจ้ารีบขอโทษคุณหนูรองเดี๋ยวนี้!” อนุรองที่ตามเรื่องราวทัน แม้ว่าจะเจ็บปวดที่แผนการไม่เป็นผล แต่ก็ทำได้แต่เพียงกัดฟัน ถลึงตาจ้องมองอวี้อาเหราแล้วบังคับให้อวี้จื่อเยียนสำนึกผิด
แน่นอนว่าอวี้จื่อเยียนยังคงไม่ยินยอม แต่เมื่อสังเกตเห็นสายตาดุๆ ของอนุรองแล้ว ก็จำต้องกล่าวขอโทษอวี้อาเหราและเจาเอ๋อร์
เรื่องนี้ก็ทำให้นางโกรธแค้นยิ่งนัก ให้ขอโทษอวี้อาเหรายังไม่เท่าไหร่ เพราะอย่างไรเสียนางก็ยังเป็นถึงธิดาเอก แต่ให้นางไปขอโทษบ่าวรับใช้ นี่ก็ช่างเป็นการหมิ่นเกียรติตัวเองนัก จะดีจะร้ายอย่างไรนางก็ยังเป็นคุณหนูใหญ่ สถานะของนางสูงกว่าสาวใช้ตั้งมากมายหลายเท่านัก!
แต่เพื่อให้หลิงอ๋องคลายความโกรธเคือง อย่างไรเสียก็ต้องทำตามนั้น
หลิงอ๋องโบกมืออย่างพอใจ “รู้ผิดก็ดีแล้ว ต่อไปอย่าได้กล่าวหาคนอื่นลอยๆ อีก”
เมื่อพูดจบ ก็ให้คนออกไปส่งเจาเอ๋อร์กลับไป แล้วให้เรียกหมอมาดูอาการ แน่นอนว่าอวี้อาเหราไม่ได้ว่าอะไร
หลังจากจัดการเรื่องเจาเอ๋อร์เรียบร้อยแล้ว หลิงอ๋องก็หันมามองหวังหลงจู๊ที่ยังคงยืนนิ่งไม่ส่งเสียง กล่าวขึ้นว่า “หวังหลงจู๊ยักยอกเงินจากจวนอ๋องเป็นเงินหลายล้านตำลึง ต้องได้รับโทษตาย ทหาร นำมันไปประหารด้วยวิธีเฉือนเหนือพันดาบ[1] ต้องวิธีนี้เท่านั้นจึงจะคลายความแค้นในหัวใจของเราได้ หากไม่เฉือนเนื้อมันถึงสามพันดาบ อย่างไรเสียก็ห้ามปล่อยตัวเด็ดขาด!”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หลายคนก้าวมาข้างหน้าแล้วลากตัวหวังหลงจู๊ที่ตกใจเสีนจนหน้าเผือดสีออกไป
——
[1] เฉือนเนื้อสามพันดาบ เป็นการประหารชีวิตในสมัยก่อน โดยใช้การเฉือนเนื้อออกจากร่างกายทีละน้อยๆ จนตายในที่สุด