ตอนที่ 353 จิตใจดีมีเมตตา
หวังหลงจู๊ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ก็ก้มหน้านิ่งเงียบอย่างไตร่ตรอง หลังจากนั้นจึงค่อยเงยหน้าขึ้นด้วยความซาบซึ้ง ข่มความเจ็บปวดสุดแสนแล้วค้อมตัวลงทำความเคารพอวี้อาเหรา “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ขอบพระคุณคุณหนูรองที่ไว้ชีวิตขอรับ”
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว” อวี้อาเหราอมยิ้มอย่างยินดี จากนั้นก็ส่งสายตามองไปทางเมี่ยวอวี้ที่อยู่ด้านหลัง “นำเงินให้หวังหลงจู๊เสีย”
หวังหลงจู๊เห็นเมี่ยวอวี้ยื่นถุงเงินมาให้ ก็ยืนอึ้งไปนาน “คุณหนู หมายความว่าอย่างไรขอรับ”
“เจ้าก็รู้ดี ครั้งนี้เป็นเพราะอนุรองอยากที่จะกำจัดข้าถึงได้ลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวด้วย เงินพวกนี้ถือเป็นค่าชดเชยก็แล้วกัน และยังถือเป็นบทเรียนให้เจ้าด้วย ต่อไปก็ห้ามย่างกรายเข้ามาในเมืองเฟิ่งเฉิงอีก” อวี้อาเหราโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “เมืองเฟิ่งเฉิงเหมือนเป็นอ่างย้อมสีขนาดใหญ่ คนทั่วไปอย่ากระโจนลงมาถูกย้อมไปด้วยถือเป็นการดี”
เมื่อพูดจบ นางก็ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว มุมปากเผยรอยยิ้มน้อยๆ “รับไปเถิด”
หวังหลงจู๊มองนางที่ในแววตาและมุมปากเต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ เช่นนั้นก็ตกอยู่ในอารมณ์สับสน เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของนางก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ ใบหน้ายิ้มแย้มของนางไม่อ่อนโยนเหมือนท่าทีที่แสดงออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะกำลังยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่แสนเย็นชา
หลังจากที่ได้รับเงินมาแล้ว ก็เดินจากไปในทันที
เมี่ยวอวี้ชะงัก “หากอยู่ในจวนหลิงอ๋อง ไม่ว่าใครก็ต้องพบกับความยากลำบากทั้งนั้น เหตุใดคุณหนูต้องมอบเงินให้เขาด้วยเล่าเจ้าคะ”
“ไม่หรอก เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” อวี้อาเหราส่ายหน้า
ที่นางมอบเงินปลอบขวัญให้กับหวังหลงจู๊นั้น ที่จริงแล้วนางไม่ได้มอบให้เขา แต่เป็นการซื้อความสบายใจให้กับตัวเองต่างหาก หากตอนนั้นอนุรองยังคงหาเรื่องนางไม่หยุด นางก็คงจะโยนความผิดทั้งหมดให้หวังหลงจู๊ เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย สภาพที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็ล้วนเป็นนางที่ทำให้เขาเดินมาจนถึงจุดนี้
ราวกับเข้าใจว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เมี่ยวอวี้จึงพูดขึ้นมาว่า “คุณหนูช่างจิตใจดีมีเมตตานัก”
อวี้อาเหราเหยียดริมฝีปากแล้วหัวเราะเสียงเย็น ในโลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้ายทารุณเช่นนี้ จิตใจดีมีเมตตาคงจะใช้ไม่ได้ผลนัก หากอยากให้ตัวเองสามารถเอาตัวรอดได้ เช่นนั้นก็จำต้องใจร้ายต่อผู้อื่น แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ หากโหดเ**้ยมไปจนถึงที่สุดแล้ว แม้แต่สัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ก็คงถูกลืมเลือนไปจนสิ้น
เมื่อกลับมาถึงเรือนพัก เมี่ยวอวี้ก็ถอยออกไปเตรียมอาหาร
หลังจากที่อวี้อาเหรานั่งพักอยู่ด้านใน นางก็เดินเข้าไปทางห้องของเจาเอ๋อร์
เจาเอ๋อร์นั่งรถม้ามาทั้งวัน แน่นอนว่าต้องเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ตอนนี้ได้หลับใหลไปแล้ว นางมองอยู่สักครู่ แล้วจึงเดินออกมา
นางพักผ่อนจนรู้สึกเบื่อหน่าย จึงออกไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ด้านหลัง ในสวนดอกไม้อันเงียบเชียบนั้นได้กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยเข้ามาเตะจมูก ภายในบรรยากาศที่เงียบงัน สมองของนางก็ยิ่งปลอดโปร่ง ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ของที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในมือของอนุสี่ทั้งนั้น คนสองคนทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย แต่กลับทำให้ผู้อื่นได้รับผลประโยชน์
แต่ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงอนุสี่รักษามันไว้ให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ตกลงปลงใจร่วมมือกับอนุรอง นางก็ไม่ว่าอะไร
เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็เห็นว่าอนุรองและอนุสามกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในศาลา ทั้งยังเผาไม้ฟืนไปตั้งมากเพื่อสร้างความอบอุ่น อากาศวันนี้ก็ยังนับได้ว่าอบอุ่นนัก ทั่วทั้งบริเวณอุ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อวี้อาเหราถอนสายตาออกมา มุมปากของนางโค้งขึ้น ก่อนจะออกเดินไปทางศาลาหลังนั้น
“ข้าน้อยคารวะคุณหนูรอง” เมื่อเห็นนางเดินมา อนุรองและอนุสามก็ลอบสบตากัน จากนั้นจึงค่อยยืนขึ้น
“อนุรองกำลังมีครรภ์ ไม่ต้องมากพิธี หากร่างกายกระทบกระเทือน เรื่องราวพันผูกมาถึงตัวข้าแล้วจะทำอย่างไรเล่า” อวี้อาเหรายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มนั้นอาบไปด้วยยาพิษ ด้านหลังของคนทั้งสองสัมผัสได้ถึงลมหนาวเย็นบาดกระดูก
ที่จริงแล้วนางกำลังกล่าววาจากระทบอนุรองที่ครั้งก่อนบอกว่านางลอบวางยาพิษโดยใช้น้ำแกงตะพาบน้ำและบัวกีบม้า
จนสุดท้ายกลายเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด และทำให้หลิงอ๋องโกรธจัด
ตอนที่ 354 บ้านเล็กเรือนน้อย
อนุรองหัวเราะขึ้นมาในบัดดล “คุณหนูรองคิดมากเกินไปแล้ว”
“ก็หวังว่าจะเป็นเพียงข้าที่กังวลมากเกินไปจริงๆ” อวี้อาเหราไม่พูดอะไร ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก “ระหว่างทางที่กลับมา ข้าเห็นว่าท่านหญิงน้อยแห่งจวนเซิ่นอ๋องกลับมาจากค่ายทหารแห่งซีซานแล้ว นางยังเชิญข้าไปทานอาหารที่หอจุ้ยเซียนโดยเฉพาะด้วย น้องสามเองก็อยู่ที่ค่ายทหารซีซานด้วยนี่ เขาจะกลับมาเมื่อไหร่หรือ”
“เขา…” คำพูดของอนุรองฟังดูลังเลอย่างยากที่จะได้เห็น “คงจะอีกสักพักเจ้าค่ะ”
อวี้อาเหราแสร้งถลึงตาแล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นใจคนรออย่างอนุรองคงจะร้อนแทบลุกเป็นไฟ สินะ หลายปีดีดักเพิ่งจะกลับมาได้สักครั้ง อาจจะกลับมาหลังปีใหม่ก็เป็นได้กระมัง เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะอีกกี่ปีจึงจะได้พบหน้า แม้เป็นข้าก็คงทนไม่ได้หรอก”
“เรื่องนี้คุณหนูรองไม่ต้องกังวลไป” อนุรองพยายามที่จะฝืนยิ้ม สิ่งที่นางเจ็บปวดมากที่สุดก็คือเรื่องที่ลูกชายตัวน้อยที่ต้องไปอยู่ที่ค่ายทหารซีซานตั้งแต่ยังเล็ก ตอนนี้ยังถูกอวี้อาเหรายกขึ้นมาพูดอย่างใจร้าย ลูกชายแท้ๆ ที่แทบจะไม่ได้พบหน้ากันเลยตั้งแต่เกิดมา ช่างน่าหัวร่อยิ่งนัก
อวี้อาเหราชื่นชมสีหน้าของอีกฝ่ายอย่างสมใจ แล้วมองจานขนมน้อยๆ สองสามใบที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหิน ก่อนจะหยิบขึ้นมาทาน รสชาติไม่เลวเลย หวานแต่ไม่เลี่ยน คล่องคอยิ่งนัก เพียงเห็นก็รู้ว่าคนทำใส่ใจเพียงใด หลิงอ๋องช่างใส่ใจต่อสตรีมีครรภ์เช่นอนุรองยิ่งนัก
“คุณหนูรอง ขนมนี่อร่อยหรือไม่? ทว่าขนมนี่เป็นขนมที่หลิงอ๋องเตรียมให้แก่อนุรองโดยเฉพาะ ไม่ว่าใครก็ทานไม่ได้” อนุสามเอ่ยประจบประแจง
“อย่างนั้นหรือ” อวี้อาเหราคิดอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “เมื่อกินขนมนี่ ข้าก็คิดไปถึงดอกเบญจมาศที่อนุสามเด็ดมาให้ในครั้งนั้น พอเอามาทำเป็นขนมก็มีรสดียิ่ง ข้ากินแล้วมีความสุขยิ่งนัก จะต้องให้รางวัลเจ้าจึงจะถูก”
“นะ…นั่นเป็นเรื่องที่ข้าน้อยสมควรทำ ไม่ขอรางวัลอะไรจากคุณหนูรองหรอกเจ้าค่ะ” สีหน้ายิ้มแย้มของอนุสามจางหายไปทันที ก้มหน้าลงในบัดดล
อวี้อาเหราดึงปิ่นปักผมหยกออกมาจากศีรษะ “นี่เป็นปิ่นปักผมที่ข้าชอบที่สุด มอบให้อนุสามก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณคุณหนูรอง” อนุสามมองปิ่นหยกก็ช่างดูธรรมดาเป็นที่สุด ไหนเลยจะถือเป็นของรางวัลได้ คงจะตั้งใจมอบให้นางเพื่อเยาะนางให้รู้สักสถานะตัวเองเสียบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่อยากรับมา แต่เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของอวี้อาเหรา ก็ไม่กล้าที่จะไม่รับ
อวี้อาเหรายิ้มอย่างยินดี เมื่อเห็นคนที่ตัวเองเกลียดต้องทนกล้ำกลืน ใครเล่าจะไม่ยินดีกัน?
อนุรองดึงอวี้อาเหราให้มานั่งด้วยกัน “คุณหนูรองลองดื่มชานี่เถิด เป็นชาที่พระราชทานให้ท่านอ๋อง ได้ยินมาว่าเป็นชาบรรณาการจากในวังหลวง ราคาแพงยิ่งนัก ข้าน้อยเป็นเพียงบ้านเล็กเรือนน้อยไม่อาจใจกว้างได้เท่าคุณหนูรองได้ หากเป็นช่วงเวลาปกติคงไม่กล้าดื่ม แต่วันนี้อนุสามอุตส่าห์มาเยี่ยม เมื่อครู่นางยังว่าข้าน้อยขี้เหนียวเลยเจ้าค่ะ”
“ไม่จริงหรอก อนุรองใจกว้างกับทุกคน มีแต่กับตัวท่านเองเท่านั้นที่ไม่ยอมตัดใจ” อนุสามเห็นดีเห็นงามไปด้วย
ไม่ยอมตัดใจ? แล้วเงินร่วมหลายล้านตำลึงนั่นก็คือว่าตัดขาดได้ดีนี่! อวี้อาเหราลอบหัวเราะ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปถือถ้วยชาไว้ จิบเล็กน้อยสองสามคำ “ช่างเป็นชาดีจริงๆ แต่ข้าก็ยังมีชาที่ดีกว่านี้ วันนี้ข้าจะตัดอกตัดใจเอามาให้อนุทั้งสองลองดื่มเสียหน่อย”
เมื่อพูดแล้ว ก็สั่งให้องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังไปนำชามา
เมื่ออนุรองและอนุสามได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะชะงัก เป็นอนุรองที่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาก่อน “คุณหนูรองไม่ต้องลำบากไปนำชามาหรอกเจ้าค่ะ ข้าน้อยมีสถานะต่ำต้อยนัก ไหนเลยจะกล้าดื่มชาดีถึงเพียงนั้น อนุสาม เจ้าว่าจริงไหม”
เมื่อพูดจบ ก็หันไปขยิบตาให้อนุสาม
“ใช่แล้ว ข้าน้อยไม่เหมาะสมหรอกเจ้าค่ะ” อนุสามรีบคล้อยตามในทันที