ตอนที่ 415 นอนด้วยกัน
อวี้อาเหรากัดฟันอย่างอ่อนแรง แล้วแสร้งทำเป็นผลักไส
ฉู่ป๋ายกลับยกยิ้มขึ้นมา “ไม่อยากลงก็บอกตรงๆ ไม่ต้องทำเช่นนี้”
“เจ้าน่ะสิไม่อยากปล่อยข้า ข้าอยากให้เจ้าปล่อยข้าเสียเร็วๆ ไม่เคยได้ยินหรือว่าชายหญิงที่ยังไม่ออกเรือนไม่ควรชิดใกล้? ยามนี้เจ้าก็กำลังเอาเปรียบข้าอยู่มิใช่หรือ” อวี้อาเหราชกไปที่ร่างของเขาหนึ่งหมัดอย่างโกรธเคือง ทว่านางในตอนนี้ถึงจะโกรธแต่ก็ไร้เรี่ยวแรง นางป่วยถึงเพียงนี้ หมัดที่นางปล่อยออกไปนั้นจึงดูอ่อนระโหยโรยแรงยิ่งนัก
ทั้งสองคนไม่เหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่ แต่กลับเหมือนกำลังแง่งอนกันอยู่เช่นนั้น
หลังจากนั้น นางก็ถูกปล่อยลงเตียง หล่นลงไปสู่ผ้าห่มนวมหนาวเย็น
ฉู่ป๋ายนอนลงข้างๆ อย่างไร้ซึ่งความวิตกกังวลแม้แต่น้อย ลากผ้าห่มขึ้นคลุมกายคนทั้งสองจนมิด
อวี้อาเหรากำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา เขาจึงหันกลับมา แล้วพูดขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อนว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่ได้นอนทั้งคืน ง่วงเหลือเกิน”
เมื่อพูดจบ เขาก็หลับตาลงแล้วนอนหลับด้วยความรวดเร็วเสียจนน่าตกใจ
คำพูดของอวี้อาเหราติดอยู่ในลำคอ มองเขาที่ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาทั้งสองปิดสนิท ขนตายาวละเอียดทอดตัวอยู่บนใบหน้า ตัวเขาที่นอนหลับอยู่ช่างงดงามเหมือนผลงานศิลปะอันสมบูรณ์แบบ ใบหน้าของเขาแทบจะไร้ที่ติ ช่างงดงามสมบูรณ์ถึงเพียงนี้
มองอยู่เป็นนาน นางก็หลับลึกตามไปอีกคน
เมื่อคืนนี้ ก็ช่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน
ทั้งสองนอนหลับไปจนถึงตอนเที่ยงจึงได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
อวี้อาเหรามองไปด้านข้าง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดเช่นกันที่ฉู่ป๋ายได้ลุกออกไปแล้ว
นางลุกขึ้นยืน เมื่อสวมเสื้อผ้าจนเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไปด้านนอก จึงเห็นฉู่เกอกำลังนั่งล้อมโต๊ะรับประทานอาหารกับฉู่ป๋าย เมื่อเห็นนางตื่นขึ้นแล้วก็ยิ้มออกมาจนตาหยี “ท่านตื่นเสียทีนะ รีบมาทานอาหารเถิด ตอนนี้คนอื่นๆ ทานอาหารกันหมดแล้ว พวกเราเพิ่งได้ทานกัน”
“อ้อ” ไม่รู้ว่าทำไมอวี้อาเหราจึงเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของนางแปลกๆ ไป มองไปยังโต๊ะอาหาร ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่เงียบง่าย แต่ก็ดีกว่าอาหารบำรุงร่างกายที่หลิงอ๋องสั่งให้คนเตรียมให้นางมากโขทีเดียว
“นิ่งอยู่ทำไม รีบมาสิ” ฉู่ป๋ายเรียกนางที่กำลังเหม่อลอยอยู่
อวี้อาเหราจึงรีบนั่งลงที่โต๊ะแล้วทานอาหาร
เพิ่งจะทานไปได้ไม่กี่คำ ฉู่เกอก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาไปหาฉู่ป๋ายอยู่เป็นนาน
“เจ้าคิดอะไรอยู่ก็พูดมาเถิด” ฉู่ป๋ายวางตะเกียบอย่างรำคาญใจแล้วมองท่าทีลังเลของนาง
“เมื่อครู่นี้พวกท่านนอนด้วยกันหรือ?” ฉู่เกอเห็นเขาพูดเช่นนี้ ก็รีบถามคำถามที่อยู่ในใจของตัวเองออกมาทันที เมื่อครู่นี้นางเห็นว่าฉู่ป๋ายและอวี้อาเหราออกมาจากห้องเดียวกัน ไม่ต้องคิดเลยว่าในใจของนางจะคิดไปถึงไหนแล้ว
คิดไปถึงไหนน่ะหรือ?
ก็ทั้งสองคนนอนเตียงเดียวกันน่ะซี!
พี่ชายของนางเป็นใครกัน เขามีชื่อเสียงเรื่องไม่เข้าใกล้สตรี แม้แต่นางที่เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาก็นอนกับเขาแค่ตอนเด็กๆ เท่านั้น
ไม่ใช่ว่านางไม่อยากนอนกับพี่ชายตัวเอง เพียงแต่เขากลับเมินเฉย ใช่! เขาช่างเมินเฉยยิ่งนัก
นางจำได้ว่าครั้งหนึ่ง ตอนที่นางอายุไม่กี่ปี นางเคยกอดหมอนน้อยของตัวเองแล้วบุกเข้าห้องของเขา สุดท้ายนางกลับโดนโยนออกมาตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าประตูเลยเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่านางจะอ้อนเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์ หากอยากจะนอนกับเขา บอกเลยว่ามีเพียงคำเดียว อย่าฝัน!
ไม่ถูกสิ ต้องสองคำต่างหาก
นับแต่นั้นมาในใจดวงน้อยๆ ของนางก็หลงเหลือเอาไว้เป็นความทรงจำที่แสนย่ำแย่
หลังจากนั้นไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แม้แต่ผู้อื่น ฉู่ป๋ายก็ยังทำเช่นนั้น ดังนั้นนางจึงปลอบใจตัวเองว่านั่นไม่ใช่ความผิดของนาง แต่เป็นเพราะเขาต่างหากที่ผิด!
เมื่อนึกถึงความทรงจำนี้แล้ว ฉู่เกอก็แลบลิ้นออกมาอย่างแสนซน
“ไม่ใช่!” อวี้อาเหรารีบส่ายหน้าทันที ได้ยินฉู่เกอพูดเช่นนี้ ข้าวที่นางทานเข้าไปก็แทบจะติดคอ
“ใช่” ทว่าฉู่ป๋ายกลับพยักหน้ารับโดยดี
ตอนที่ 416 หน้ายิ่งกว่ากำแพง
ทั้งสองมองหน้าสบสายตากัน โดยเฉพาะความรู้สึกของอวี้อาเหราในยามนี้ที่มองออกเลยว่ากำลังรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง
“ตกลงว่าได้นอนด้วยกันหรือไม่เล่า” ฉู่เกอได้ยินเช่นนั้นก็งุนงงมากขึ้น
อวี้อาเหรายังคงส่ายหน้ายืนกราน ให้ตายอย่างไรนางก็ไม่ยอมรับ!
ฉู่ป๋ายพยักหน้าลง “เป็นความจริง แต่นางอายที่จะยอมรับ”
โอ๊ย แล้วเหตุใดเจ้าถึงยอมรับได้อย่างหน้าชื่นตาบานเช่นนี้เล่า! อวี้อาเหราโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เหตุใดจึงมีคนหน้าหนาได้ถึงเพียงนี้นะ แม้ว่าจะนอนด้วยกันจริงๆ แต่เหตุใดจึงไม่เห็นแก่หน้าหญิงสาวเช่นนางบ้างเล่า
ฉู่เกอปิดปากหัวเราะ “ฉู่ฉู่ ท่านนี่จริงๆ เลย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย” ฉู่ป๋ายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ มองอวี้อาเหราด้วยสายตารื่นรมย์ “ใบหน้าของนางหนาถึงเพียงนี้ จะเสียหน้าต่อหน้าเจ้าก็ไม่เห็นเป็นอะไร”
“…” อวี้อาเหราโกรธจนตัวสั่น หากมือของนางมีถ้วยชาอยู่ นางคงจะต้องสาดใส่เขาเป็นแน่ นางไม่เคยพบชายใดที่ทำให้นางไร้ซึ่งคำพูดได้ถึงเพียงนี้มาก่อน กลับพูดเรื่องน่าอายของตัวเองออกมาได้อย่างกล้าหาญ
อยากจะถามยิ่งนักว่าในโลกนี้ยังมีคนที่หน้าหนาได้เท่าเขาหรือไม่
ไม่มี! อย่างไรเสียก็ไม่มีแน่!
อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อทำให้ตัวเองสงบลง ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงด้วยความอับอาย เมื่อเห็นสายตาของฉู่เกอที่มองมาเช่นนี้แล้ว ความรู้สึกของนางคงโดนมองออกจนหมดแล้ว ความบริสุทธิ์ของนางคงจะโดนฉู่ป๋ายทำลายไปจนหมดแล้ว ไม่สิ คงจะถูกทำลายไปจนหมดแล้วมากกว่า
นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจาเอ๋อร์และหานสือเองก็เห็นนางนอนร่วมเรียงเคียงมองกับฉู่ป๋าย
หากครั้งเดียวก็คงไม่เป็นไร แต่ยังมีครั้งที่พวกเขานอนในโรงเตี๊ยมที่เมืองตะวันตก เพราะพบว่านางตื่นขึ้นมาพร้อมกับเขาบนเตียงเดียวกัน ก็ถูกพวกต้าเว่ยและชิงอวิ๋น องครักษ์ทั้งสิบ ตลอดจนเจาเอ๋อร์มองเห็น นั่นก็เป็นครั้งที่สอง แต่ครั้งนี้ยังถูกฉู่เกอมาเห็นเข้าอีก
แม้ว่านางจะหน้าหนากว่าหญิงอื่น แต่ก็ต้องเห็นแก่หน้านางบ้าง
อวี้อาเหราทานอาหาร ใช้ตะเกียบจิ้มเนื้อปลาในถ้วย ราวกับนางเห็นว่าเนื้อปลานั้นเป็นใบหน้าของฉู่ป๋าย จิ้มลงไปแรงๆ จนเหมือนว่านางทำเช่นนี้เป็นการบรรเทาความโกรธเคืองของตัวเอง
ฉู่ป๋ายมองนางที่ก้มหน้าลงจิ้มเนื้อปลา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาบางๆ
สายตาของฉู่เกอมองพวกเขาทั้งสองสลับกัน มุมปากเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มลึกล้ำ จึงใช้มือทุบโต๊ะสองสามที “อย่าเล่นอีกเลยพี่เหราเอ๋อร์ หากท่านยังจิ้มอีก ประเดี๋ยวเนื้อปลาก็เสียหมดพอดี หากท่านกล้าพอ อยากจิ้มอะไรก็ไปจิ้มอันนั้นเลยสิ”
“เจ้ากล้าจิ้มหรือไม่เล่า” อวี้อาเหราถลึงตาจ้องมองนาง
ฉู่เกอเหยียดริมฝีปาก คิดว่านางไม่กล้าอย่างนั้นหรือ? แต่ก็อย่างว่า นางก็ไม่กล้าจริงๆ นั่นละ
อย่าเห็นว่าฉู่ฉู่จะรักใคร่เอ็นดูนางอยู่เสมอ หากนางดื้อขึ้นมาเขาก็ไม่เคยใจอ่อน หลายครั้งหลายหน ที่นางมักสงสัยว่าตัวเองเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาจริงหรือไม่ หรือไม่อย่างไรนั้นก็อาจจะเป็นน้องสาวต่างมารดา เขาถึงมักจะปฏิบัติต่อนางเช่นนั้น ทว่าทุกครั้งที่มองเห็นใบหน้าที่เหมือนกันของพวกเขาทั้งสอง ทันใดนั้นความคิดไร้สาระของนางก็ถูกทำลายไป
คงเป็นเพราะนางคิดมากจนเกินไปกระมัง
แต่เห็นพี่น้องบ้านอื่นก็แสดงให้เห็นถึงความสนิทชิดเชื้อ แต่พวกเขานั้นแม้ว่าจะเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่เหตุใดถึงได้ปฏิบัติกับนางต่างกันราวคนละฟากฟ้าเช่นนี้เล่า? ฉู่เกอน้อยใจจนแทบจะกลั้นใจตาย นางอดไม่ได้ที่จะถลึงตาจ้องมองฉู่ป๋าย ทว่าเขากลับไม่สนใจนางเลย เอาแต่มองอวี้อาเหราอยู่ได้
หากนางนั่งทานข้าวอยู่ที่นี่ก็ดูเป็นส่วนเกินอย่างเห็นได้ชัด
นางรีบทานอาหารให้หมดๆ แล้วจากไป เมื่อเห็นคนทั้งสองมองสบตากันไปมาก็รู้สึกบาดตายิ่งนัก
เหตุใดจะต้องมานั่งจ้องมองกันต่อหน้านางด้วยเล่า?
พี่ชายของนางก็ช่างหน้าไม่อายนัก แม้ตอนที่บอกว่านอนด้วยกันแล้ว สีหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย