ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 439 หายป่วย / ตอนที่ 440 ยื่นเงินแลกของ

ตอนที่ 439 หายป่วย  

 

 

 

 

 

อวี้อาเหรามองไปยังท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง จากนั้นก็มุดตัวเข้าไปในโปงผ้าห่ม พูดกับเมี่ยวอวี้อย่างเกียจคร้านว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้าออกไปพักผ่อนเถิด”  

 

 

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อน” เมี่ยวอวี้ถอยออกไปในทันที  

 

 

แสงไฟหรุบหรู่ลง อวี้อาเหราปิดตาลงแล้วคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ จมูกได้กลิ่นหอมสดชื่นของฉู่ป๋ายเข้ามาในจมูก ในสมองนึกถึงแต่ภาพของเขาที่กำลังสอนนางเล่นว่าว จากนั้นก็นอนหลับไปอย่างไม่รู้ตัว  

 

 

อวี้อาเหราพักผ่อนไปอีกประมาณครึ่งเดือน อาการป่วยถึงค่อยดีขึ้น  

 

 

วันหนึ่ง ระหว่างที่กำลังเตรียมตัวหวีผมแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งนั้น นางรักษาตัวอยู่เป็นแรมเดือน จึงค่อยหายจากอาการป่วยไข้ อวี้อาเหรามองใบหน้าสว่างไสวที่มีเส้นผมล้อมรอบเป็นกรอบหน้าอยู่ในกระจกก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างกายภายนอกร่างนี้ช่างมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามนัก  

 

 

เจาเอ๋อร์มองนาง “คุณหนู อาการป่วยของท่านก็ถือว่าหายดีแล้ว โชคดีที่ท่านอ๋องพยายามที่จะบำรุงร่างกายท่านอย่างสุดความสามารถ”  

 

 

“ใครบอกว่าข้าหายป่วยแล้ว?” อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้น  

 

 

เจาเอ๋อร์ไม่รู้ว่านางแสร้งทำเป็นป่วย จึงชะงักไปเป็นนาน “เหตุใดคุณหนูจึงพูดเช่นนี้เจ้าคะ ตอนนี้สีหน้าของท่านนั้น…”  

 

 

คนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่อยากจะมีร่างกายแข็งแรง เหตุใดนางถึงไม่อยากหายป่วยเสียได้เล่า?  

 

 

อวี้อาเหรามองสีหน้าที่นิ่งชะงักไปของเจาเอ๋อร์ ยังไม่ทันที่จะกล่าวอะไร หลังจากที่เมี่ยวอวี้เดินเข้ามาแล้ว จึงค่อยเอ่ยปากขึ้น “เจ้าลองไปดูที่จวนเซิ่นอ๋องที ว่าเหตุใดจึงยังไม่ส่งยามาอีก”  

 

 

“เจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้พยักหน้า หมุนกายแล้วเดินจากไป  

 

 

เจาเอ๋อร์มองทั้งสองที่พูดคุยกันอย่างแปลกใจ จากนั้นถึงได้มองคุณหนูของตัวเอง ไม่รู้ว่าพวกนางกำลังจะทำอะไร ในใจรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้สนใจ หยิบหวีขึ้นมาแล้วพูดว่า “คุณหนู ท่านเพิ่งจะหายป่วย บ่าวจะทำผมสวยๆ ให้ดีหรือไม่เจ้าคะ”  

 

 

“ไม่ต้องหรอก” อวี้อาเหราส่ายหน้า “ไม่ต้องทำผมให้สวยนัก ขอเพียงเรียบๆ ง่ายๆ ก็แล้วกัน”  

 

 

“อ้อ เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์พยักหน้าอย่างมึนงง ในใจคิดว่าเพียงตัวนางไม่ได้อยู่ข้างกายคุณหนูเป็นแรมเดือน ราวกับคุณหนูและเมี่ยวอวี้นั้นจะสนิทกันมากขึ้น แม้แต่เพียงครึ่งคำนางก็ไม่อาจพูดสอดขึ้นมาได้ นางจึงลังเลอยู่ครึ่งหนึ่ง จนลืมไปว่าอยากจะทำอะไร  

 

 

อวี้อาเหรามอง “เจ้านิ่งอยู่ทำไมกัน”  

 

 

“คุณหนูอย่าได้โกรธเจ้าค่ะ บ่าวเพียงใจลอยเท่านั้น” เจาเอ๋อร์รีบก้มหน้าลงในทันที  

 

 

อวี้อาเหราพลันถอนหายใจ “เอาเถิด หากเจ้ายังไม่หายดีก็ไปพักก่อนเถิด ข้าจะให้คนอื่นมาช่วยแต่งตัวแทน”  

 

 

“บ่าวสบายดีเจ้าค่ะ ขอบพระคุณคุณหนูที่ใส่ใจ ให้บ่าวช่วยท่านแต่งตัวเถิดนะเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์รีบส่ายหน้าในทันที  

 

 

“อืม” อวี้อาเหราตอบรับเสียงเบา  

 

 

ฝีมือในการทำผมของเจาเอ๋อร์นั้นคล่องแคล่วรวดเร็ว นิ้วมือว่องไวราวกับบินได้ แต่กลับสามารถทำผมได้เรียบง่ายทว่าสวยงาม อวี้อาเหราจ้องมองในกระจกอย่างพึงพอใจ ใบหน้าขาวและแดงระเรื่อ เหมาะกับทรงผมที่ทำอยู่ตอนนี้ยิ่งนัก สายตาก้มลงมองด้านล่าง นางลังเลขึ้นมานิดหน่อย  

 

 

เพียงแต่…นี่ก็ไม่เข้ากับชุดที่สวมอยู่เลยแม้แต่น้อย  

 

 

เมื่อจัดแต่งทรงผมเสร็จแล้ว เมี่ยวอวี้ก็เดินนำหานสือเข้ามา  

 

 

อวี้อาเหรารู้สึกแปลกใจ “เหตุใดเจ้าถึงกลับมาเร็วนัก?”  

 

 

“บ่าวเพิ่งจะออกจากจวนไป ก็พบหานสือที่เข้ามาส่งข่าวให้คุณหนูตามที่เซิ่นซื่อจื่อสั่งการเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ตอบ  

 

 

“ส่งข่าว?” อวี้อาเหราชะงักไปสักครู่ จากนั้นก็เอ่ยถามว่า “มีเรื่องอะไรกัน แล้วเจ้าได้นำยามาด้วยหรือไม่”  

 

 

“เรียนคุณหนูรอง ซื่อจื่อส่งข้าน้อยมาบอกกล่าวแก่คุณหนูว่าตอนนี้ยาตัวนั้นไม่ได้อยู่ที่จวน ดังนั้นซื่อจื่อจึงออกไปแต่เช้าเพื่อไปเอายา ขอให้คุณหนูรองไปรับได้ที่จวนเซิ่นอ๋องก่อนเวลาเที่ยงวันขอรับ” หานสือเงยหน้าขึ้นมองอวี้อาเหราเร็วๆ ครั้งหนึ่งแล้วรีบตอบ  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 440 ยื่นเงินแลกของ  

 

 

 

 

 

“เหตุใดข้าต้องไปรับเองที่จวนด้วย?” อวี้อาเหราชะงักไป ไม่รู้ว่าฉู่ป๋ายกำลังเล่นอะไรอยู่   

 

 

“ซื่อจื่อกล่าวว่า ยื่นเงินแล้วจึงค่อยยื่นของ เช่นนี้ซื่อจื่อจึงค่อยวางใจ เพราะยาตัวนี้ล้ำค่าเหลือคณา จะต้องให้คุณหนูรองไปรับเองถึงจะดีขอรับ” หานสือกล่าวต่อไป  

 

 

“ได้ ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถิด” อวี้อาเหราเบ้ปาก จากนั้นก็สะบัดชายเสื้อ  

 

 

ต้องยื่นเงินแล้วจึงวางใจหรือ?  

 

 

เขานี่จริงๆ เลย  

 

 

กลัวว่านางจะหอบของหนีไปโดยไม่จ่ายเงินอย่างนั้นหรือ? ช่างไม่คิดบ้างเลยว่าจวนหลิงอ๋องก็ใหญ่โตถึงเพียงนี้ นางจะหนีไปที่ไหนได้เล่า  

 

 

รอจนหานสือจากไปแล้ว อวี้อาเหราจึงค่อยยืนขึ้น จากนั้นก็มองเสื้อผ้าของตัว เจาเอ๋อร์เข้าใจในทันที แล้วรีบพูดว่า “บ่าวจะช่วยคุณหนูเปลี่ยนเสื้อผ้าเองเจ้าค่ะ”  

 

 

“ตกลง” อวี้อาเหราพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้ว เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะสวมเสื้อผ้าเช่นไรถึงจะดี  

 

 

เจาเอ๋อร์หยิบชุดกระโปรงชุดใหม่มาสองสามชุด แต่ไม่มีชุดไหนเลยที่อวี้อาเหราจะพอใจ  

 

 

เมื่อมองชุดเหล่านี้ สุดท้ายสายตาของอวี้อาเหราก็มองไปยังชุดกระโปรงดอกเหมยแดงที่พระชายาหลิงอ๋องเหลือทิ้งเอาไว้ให้อย่างสงสัย ชุดนี้นางเคยสวมไปยังวัดเป่าหัวซื่อมาแล้วหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ยังไม่เคยสวมอีกเลย ชุดกระโปรงตัวนี้ช่างงดงามนัก ชุดสีแดงสวย ช่างเหมาะสมกับผิวขาวดังหิมะของอวี้อาเหราเหลือเกิน  

 

 

ราวกับดอกเหมยแดงท่ามกลางหิมะ   

 

 

แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เมื่อนางเห็นชุดนี้แล้วก็อยากที่จะสวมไปจวนเซื่ออ๋องเพื่อให้ฉู่ป๋ายได้เห็น  

 

 

เพียงแต่เมื่อคิดได้ว่าตอนนี้นางก็ยังอยู่ในช่วงป่วย สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากยามปกติ หากยังสวมเสื้อผ้าสีเช่นนี้อีก มองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนป่วย นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อย่างไรยังตัดสินใจไม่ได้  

 

 

เจาเอ๋อร์กล่าวว่า “ในเมื่อคุณหนูชอบ ก็ใส่เสื้อชุดนี้ไม่ดีหรือเจ้าคะ”  

 

 

“ไม่ได้” อวี้อาเหราส่ายหน้าปฏิเสธ  

 

 

เจาเอ๋อร์หยุดชะงักไม่พูดไม่จา เมื่อเห็นสายตาที่อยากสวมใส่ของคุณหนูของตัวเองแล้ว เหตุใดถึงไม่ได้เล่า?  

 

 

เมี่ยวอวี้เห็นดังนั้นจึงเอ่ยปากว่า “หากคุณหนูชอบจริงๆ ก็แต่งหน้าให้ขาวเสียหน่อย เพราะเพียงไปที่จวนเซิ่นอ๋องเพียงที่เดียวเท่านั้น นั่งอยู่ในรถม้าใครกันจะมองเห็น แค่นี้ก็คงไม่มีใครสงสัยในอาการป่วยของคุณหนูแล้วล่ะเจ้าค่ะ”  

 

 

“ดี เช่นนั้นทำอย่างที่เจ้าบอกก็แล้วกัน” อวี้อาเหราพอใจในความคิดของเมี่ยวอวี้ยิ่งนัก  

 

 

เจาเอ๋อร์จึงค่อยเข้าใจขึ้นมา ในหัวสมองของนางเกิดการคิดประมวลผล เมื่อกำลังคิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้รีบมองไปที่อวี้อาเหราอย่างตกใจ “คุณหนู หรือว่าท่านแกล้งป่วยเจ้าคะ?”  

 

 

“ชู่!” อวี้อาเหรามองไปรอบด้านอย่างตื่นตัว แตะนิ้วชี้ลงไปที่ริบฝีปาก แสดงให้เห็นว่านางควรจะเบาเสียงหน่อย “ข้าป่วยจริงๆ แต่ข่าวที่ว่าข้าหายดีแล้วนั้น นอกจากพวกเราสามคนแล้วก็ห้ามให้คนอื่นรู้เด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”  

 

 

เจาเอ๋อร์รีบพยักหน้า “เจ้าค่ะ บ่าวเข้าใจแล้ว”  

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้า “มาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าเร็ว”  

 

 

เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์รีบก้าวเข้าไปข้างหน้า  

 

 

หลังจากที่สวมเสื้อผ้าจนเรียบร้อยแล้ว อวี้อาเหราก็มองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก แม้ว่ากระจกจะขุ่นมัวไม่ชัดเจน แต่ก็สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของตัวเองอย่างชัดเจน ที่คนพูดกันว่าหญิงสาวงดงามเหมือนดอกไม้ น่ากลัวว่าจะถึงอวี้อาเหรากระมัง?  

 

 

เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ปรบมืออย่างพึงพอใจ “ไม่มีใครเหมาะกับชุดสีแดงเท่ากับคุณหนูอีกแล้วเจ้าค่ะ”  

 

 

ประโยคนี้ไม่ได้ฟังดูเกินจริงเลย เพราะอวี้อาเหรานั้นสวมชุดดอกเหมยแดงชุดนี้ได้ดึงความงดงามของอวี้อาเหราออกมาจนหมดจด  

 

 

เสื้อผ้าชุดนี้ดูซับซ้อน เมื่อสวมแล้วดูบางเบา ยามที่ออกจากนอกประตูไปก็สวมเสื้อคลุมกันลมสีขาวหิมะที่ทำมาจากขนจิ้งจอกอีกตัว แน่นอนว่ายิ่งทำให้ดูเหมือนดอกเหมยแดงในหิมะขาว งดงามเป็นที่สุด และยังไม่มีใครมองเห็นง่ายๆ ว่าด้านในนั้นนางสวมเสื้อผ้าอะไรเอาไว้  

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset