ตอนที่ 485 ลงโทษ
ดังนั้นนางจึงมองไปทางฉู่ป๋ายและฉู่เกออย่างสาสมใจ ให้พวกเขาจัดการนางเสียให้พอ ตอนนี้นางเป็นต่อแล้ว!
ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะทรงจัดการอย่างไร เขาไม่ลงโทษอวี้อาเหราได้โดยตรง กลับมองไปทางไทเฮา แสร้งถามขึ้นมาอย่างเป็นทุกข์ “ไม่ทราบว่าเสด็จแม่ทรงมีพระราชวินิจฉัยอย่างไร ที่จะสามารถลงโทษสถานเบาโดยที่เหล่าขุนนางและประชาชนไม่คลางแคลงพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาเช่นนี้เถิด ทำตามที่แม่คิดเอาไว้” ไทเฮาว่า มองไปทางหลิงอ๋องแล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ให้หลิงอ๋องและเซิ่นซื่อจื่อนำปลาร้อนกลับไปที่จวน แล้วปล่อยข่าวออกไปว่าคุณหนูรองและเซิ่นซื่อจื่อได้ยินมาว่าปลาร้อนนั้นมีสรรพคุณทางการแพทย์ เช่นนั้นจึงนำปลามาเพื่อช่วยในเรื่องสุขภาพของแม่ โดยที่ยังไม่ได้รับพระราชทานอนุญาตจากฝ่าบาท เช่นนี้คงจะไม่ถูกเข้าใจผิด และคงไม่มีใครจับผิดได้”
“เสด็จแม่กล่าวมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้พยักพระพักตร์เห็นด้วย “แต่หากปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้ ก็จะทำให้สูญเสียความยุติธรรม ต่อไปพวกเขาก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน จะต้องลงโทษบ้างจึงจะเหมาะสม”
ฮ่องเต้ไม่มีความประสงค์จะปล่อยอวี้อาเหราไป นี่คงเป็นเพราะรักปลาร้อนเหล่านั้นมาก จำต้องสั่งสอนพวกเขาเสียบ้าง
ไทเฮานิ่งคิดไปสักครู่ “กักบริเวณซิ่นซื่อจื่อและท่านหญิงแล้วกัน ส่วนคุณหนูรองหลิงก็มอบให้แม่คอยอบรมสั่งสอนเรื่องศิลปวิทยา ต่อไปนางจะได้เชื่อฟังคนอื่นบ้าง ส่วนคนอื่นๆ ก็ให้โบยห้าสิบไม้ แล้วส่งกลับไปเถิด”
อวี้อาเหราได้ยินดังนั้นก็ไม่ค่อยยินดีเท่าไรนัก “ไทเฮา พระองค์ทรงโบยหม่อมฉันเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่ต้องการเรียนศิลปวิทยาเพคะ”
“เราต้องการจะช่วยเหลือ แต่เจ้ากลับต่อต้านอย่างนั้นหรือ?” ไทเฮาหน้าตึง หากไม่จัดการเช่นนี้ ไหนเลยฮ่องเต้จะยอมปล่อยไปง่ายๆ การลงโทษเช่นนี้ถือว่าสถานเบาที่สุดแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าอวี้อาเหราจะยอมรับโทษในการโดนโบยมากกว่าเรียนศิลปวิทยา ที่นางทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการได้แรงสนับสนุนของจวนหลิงอ๋อง อีกด้านหนึ่งการนำตัวอวี้อาเหราเข้ามาในวังก็จะได้ติดต่อสัมพันธ์กับรัชทายาท อาจจะมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันก็เป็นได้
ใครใช้ให้อวี้อาเหราหมดเยื่อใยต่อองค์รัชทายาท ไม่หลงใหลคลั่งไคล้ในตัวรัชทายาทเหมือนเดิมเล่า?
อีกทั้งความขัดแย้งระหว่างคนทั้งสองยังเข้มข้นมากขึ้น เช่นนั้นนางจึงต้องวางกลยุทธ์เสียหน่อย
ให้คนทั่งสองค่อยๆ บ่มเพาะความรู้สึกที่มีต่อกัน จะได้ไม่ขัดขวางการหมั้นหมายและการแต่งงาน เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้วหลิงอ๋องก็จะไม่พอใจ ตอนนี้รัชทายาทเองก็รังเกียจอวี้อาเหราเหลือเกิน หากบ่มเพาะความรู้สึกดีๆ ต่อกันแล้ว ต่อไปตำแหน่งฮ่องเต้ก็จะมั่นคง อวี้อาเหราก็จะกลายเป็นฮองเฮาที่ดูแลวังหลังทั้งหมด
เมื่อวางแผนเช่นนี้แล้ว ก็สามารถบอกได้ว่าเป็นแผนการระยะยาวก็ว่าได้
อวี้อาเหราเม้มริมฝีปาก คิดอยากจะขัดขืนแต่ก็ไม่กล้า จึงจำต้องยอมทำตาม
แต่พวกหานสือ เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้น่ะสิตกอยู่ในอันตรายแล้ว ต้องโดนโบยถึงห้าสิบไม้ เจาเอ๋อร์คงไม่อาจทนรับไหว
เมื่อคิดเช่นนี้นางก็รีบก้าวไปข้างหน้า คว้าชายฉลองพระองค์ของไทเฮา น้ำตาไหลพรั่งพรู “ไทเฮาเพคะ พระองค์อย่าทรงโบยสาวใช้ของหม่อมฉันเลยนะเพคะ ที่พวกนางกินปลาก็เพราะหม่อมฉัน อย่าโทษพวกนางเลย ขอให้ไทเฮาทรงเห็นแก่หม่อมฉัน อย่าโบยตีพวกนางเลยนะเพคะ พวกนางร่างกายอ่อนแอ ไม่มีทางทนต่อการลงโทษเช่นนี้ได้แน่ อาเหราผิดไปแล้ว ไม่ควรไปกินปลาร้อนของฮ่องเต้เลย…”
“อย่าเอาแต่ร้องไห้ รีบลุกขึ้นเถิด เราเห็นแล้วสงสารนัก” ไทเฮารีบเข้าไปประคอง แต่ทำอย่างไรอวี้อาเหราก็ไม่ยอมลุกขึ้น “ไทเฮา หากพระองค์ไม่ทรงปล่อยพวกนางอาเหราก็ไม่กล้าลุกขึ้น หากจะตีก็ตีหม่อมฉันเถิด ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับสาวใช้ของหม่อมฉันเลย”
“เรื่องนี้…” ไทเฮาลำบากพระทัย แค่จะช่วยอวี้อาเหราเพียงคนเดียวก็ยากแล้ว หากจะต้องช่วยเหลือสาวใช้อวี้อาเหราอีก ก็เท่ากับไม่เห็นแก่พระพักตร์ของฝ่าบาทแล้ว
ตอนที่ 486 หากจะลงโทษก็ลงโทษ
“ไทเฮา หากต้องการจะลงโทษก็ลงโทษหม่อมฉันเถิดเพคะ” อวี้อาเหราคว้าเอาชายเสื้อของไทเฮาเอาไว้ไม่ปล่อย อย่างไรก็ตามนางไม่อาจปล่อยให้เจาเอ๋อร์ต้องโดนรับโทษเพราะตัวเองได้ นางร่างกายอ่อนแอ แล้วจะสามารถทนรับการโบยห้าสิบไม้ได้หรือ?
“คุณหนู ท่านอย่าทำให้ไทเฮาต้องลำบากพระทัยเพราะบ่าวเลยเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกซาบซึ้ง
ไทเฮาเห็นนายบ่าวทั้งสองก็ทนมองไม่ได้ จึงทำเพียงมองไปทางฮ่องเต้ด้วยความลำบากใจ
นางไม่อยากจะเอ่ยปากขึ้นมาในสถานการณ์เช่นนี้อีก ลำพังเพียงช่วยเหลืออวี้อาเหราก็ยากลำบากอยู่แล้ว หากยังต้องช่วยสาวใช้พวกนี้อีก ฮ่องเต้จะเอาพระพักตร์ไปไว้ที่ใดกัน ปลาร้อนพวกนั้นมิต้องตายเปล่าหรอกหรือ?
เพราะอย่างนั้น นางจึงจำต้องเหม่อมองไปข้างหน้า แต่ไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา
เมื่อฮ่องเต้เห็นว่าไทเฮาทรงเป็นทุกข์ ในใจก็รู้สึกอึดอัดยิ่งนัก อึกอักอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักพระพักตร์ลง “วันนี้เห็นแก่ความสัมพันธ์ลึกซึ้งของพวกเจ้านายบ่าว จนทำให้ไทเฮาทรงซาบซึ้งพระทัย ก็ละเว้นโทษให้บ่าวไพร่เหล่านี้เถิด และปรับเงินหลิงอ๋องเป็นจำนวนสามปี เห็นว่าเป็นอย่างไร”
หลิงอ๋องลุกขึ้น “กระหม่อมไม่คัดค้าน ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นเถิด” ใบหน้าของฮ่องเต้ดูเป็นทุกข์ยิ่งนัก น้ำเสียงเคร่งขรึมบอกให้เขาลุกขึ้นยืน หากจะบอกว่าไม่โกรธคงจะเป็นเรื่องโกหก แต่จะทำอย่างไรได้? อวี้อาเหรามีไทเฮาคอยหนุนหลังอยู่ แม้ว่าเขาจะโกรธแต่ก็ต้องเห็นแก่หน้าของไทเฮา มิเช่นนั้นเขาคงจะกลายเป็นลูกอกตัญญูไปเสียแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็ให้คิดถึงปลาร้อนเหล่านั้นขึ้นมา เรื่องนี้คงจะต้องทำเป็นหลับตาข้างเดียวเป็นแน่!
อวี้อาเหราแย้มริมฝีปากออกอย่างยินดี ไม่กล้าที่จะยิ้มมากจนเกินไป รีบโขกศีรษะไปทางไทเฮา “ขอบพระทัยไทเฮาเพคะ”
“ลุกขึ้นเถิด เจ้าเองก็ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนัก คงจะคุกเข่านานไม่ได้” ไทเฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่น้ำเสียงกลับค่อยๆ เข้มขึ้นในขณะที่เอ่ยปากพูดพร้อมทั้งรวบรวมสมาธิ “ครั้งนี้เป็นเพราะเราให้การรับรองเจ้าจึงพ้นผิด ต่อไปหากทำเรื่องอะไรให้วุ่นวายอีก แม้ว่าจะเป็นตัวเราก็คงช่วยเหลืออะไรไม่ได้ รีบกลับจวนไปพักผ่อนเถิดไป พรุ่งนี้ตอนเช้าเราจะส่งคนไปรับเจ้าเข้าวัง เพื่อสอนสั่งในสิ่งที่สตรีควรทราบ”
“เพคะ อาเหราน้อมรับพระบัญชา ขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงชี้แนะ” อวี้อาเหราเอ่ยพลางหลุบตาลง
เมื่อจวินไหวซ่งเห็นว่าเหตุการณ์จบลงเช่นนี้ อวี้อาเหราไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ก็อดไม่ได้ที่จะแค้นเคืองราวกับถูกฟ้าผ่า “เสด็จย่า เพราะทรงปล่อยนางไปเช่นนี้ ยามนี้นางถึงได้กำเริบเสิบสาน ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา คนเช่นนี้จะมาเป็นพระชายารัชทายาทของต้าเยี่ยนเราได้อย่างไร ไหนเลยจะคู่ควรกับพี่ชายรัชทายาทเล่าเพคะ”
“หุบปาก” คิ้วของไทเฮาขมวดตึงด้วยความโมโห แล้วกวาดสายตามองไปหนึ่งรอบ
คงจะต้องกล่าวว่าจวินไหวซ่งนี่ช่างโง่เขลาเสียยิ่งนัก เหตุใดไทเฮาจะไม่รู้ว่าอวี้อาเหราเป็นคนเช่นไร แม้ว่านางจะชอบทำตามอำเภอใจไปเสียหน่อย แต่อำนาจที่หนุนหลังนางอยู่นั้นไม่อาจดูเบาได้ ตอนนี้หลิงอ๋องคุมกองกำลังทหารอยู่ในมือ จวนหลิงอ๋องเองก็ยังมีทุนทรัพย์ที่สะสมมาหลายปี เพราะฉะนั้นอวี้อาเหราจึงเป็นเพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้นสำหรับตำแหน่งพระชายารัชทายาท
แม้ว่าต่อไปนางจะร้ายกาจมากกว่านี้ ก็ยังไม่เสียดาย
ตอนนี้ฮ่องเต้และคนอื่นๆ อีกหลายคนล้วนไม่พอใจในตัวองค์รัชทายาท หากไม่ยืมอำนาจของจวนหลิงอ๋องมาทัดทาน เช่นนั้นก็จะเท่ากับสูญเสียตำแหน่งฮ่องเต้ให้กับจวินจื่อหร่านไปเปล่าๆ มิใช่หรือ?
ตำแหน่งฮ่องเต้ต้องตกอยู่ในมือของคนในตระกูลฮองเฮาเท่านั้น และฮองเฮายังเป็นหลานป้าของไทเฮาเอง เป็นการผูกมิตรอีกหนึ่งชั้น เพื่อให้ลูกเลี้ยงของฮองเฮาก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งสำคัญ ก็เท่ากับช่วยคานอำนาจให้กับตระกูลของตัวเองแล้ว
นี่คือเหตุผลที่ไทเฮาพยายามที่จะประคับประคองรัชทายาทที่ไม่เอาไหนผู้นี้สุดกำลัง
นอกจากเรื่องผลประโยชน์แล้ว รัชทายาทยังเป็นด็กกตัญญูและว่านอนสอนง่ายกว่าจวินจื่อหร่านอยู่มากโข จวินจื่อหร่านเป็นผู้ที่มีความคิดลึกซึ้ง แม้จะเห็นว่าเงียบขรึม แต่แท้จริงแล้วกลับคิดเรื่องที่จะครอบครองอำนาจเอาไว้ในมือทั้งหมด คนเช่นนี้ก็ช่างอันตรายยิ่งนัก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถทำได้ทั้งนั้น