ตอนที่ 499 แต่งเป็นสะใภ้
“ยานี้มีราคาถึงหนึ่งหมื่นตำลึงเลยหรือเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์คิด วันนั้นนางพบกับหานสือที่นำยามาส่งพอดี ยังเห็นเมี่ยวอวี้ส่งเงินหนึ่งหมื่นตำลึงให้เขาเองกับตา คิดแล้วคงเป็นค่ายาอย่างแน่แท้
“อืม ไม่ผิดหรอก” อวี้อาเหราพยักหน้ารับ
เจาเอ๋อร์รู้สึกแปลกใจขึ้นมาในทันที ยาหนึ่งเม็ดต้องจ่ายถึงหนึ่งหมื่นตำลึง นี่มันไม่ใช่แพงธรรมดา แต่หากยานี้มันมหัศจรรย์จริงๆ ก็ต้องถือว่าคุ้มค่าทีเดียว แต่สมองของนางในตอนนี้ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเหตุใดคุณหนูถึงต้องเสียเงินมากมายถึงเพียงนั้นเพื่อแกล้งป่วยด้วย นางยิ่งคิดก็คิดไม่ออกว่าคุณหนูของนางกำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่
แล้วยังเมี่ยวอวี้อีก ระหว่างนางและคุณหนูคงจะมีความลับที่ตนไม่รู้อยู่อีกมาก
เมื่อคิดถึงวันที่นางช่วยเหลือตัวเองแล้ว นางก็ไม่อยากจพูดอะไรมากอีก เพราะอย่างไรก็เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิต
เมี่ยวอวี้มองไปที่ท้องฟ้าด้านนอกก็พลันรีบกระวีกระวาดขึ้นมา ท้องฟ้าสว่างขึ้นมาแล้ว ดังนั้นจึงหันไปถามเจาเอ๋อร์ “เตรียมรถม้าแล้วหรือ คุณหนูจะชักช้าไม่ได้ จะต้องรีบเข้าวังแล้ว”
“เรียบร้อยแล้ว” เจาเอ๋อร์ได้สติ รีบหันไปหาอวี้อาเหรา “คุณหนู พวกเราไปกันเถอะเจ้าค่ะ”
ทั้งหมดออกเดินทางไปจากจวนหลิงอ๋อง ในยามเช้ามืดเช่นนี้ ภายในจวนก็เงียบสงบนัก ใครใช้ให้เข้าวังในวันนี้เล่า
ยามมาถึงประตูใหญ่ก็มองเห็นเงาร่างคุ้นตาที่ยืนอยู่หน้าประตู อวี้อาเหราชะงักไป เมื่อมองเห็นหลิงอ๋องแต่งกายอย่างเป็นทางการ และยังเห็นอนุรองแต่งกายมิดชิดอยู่ข้างๆ สายตาแหลมคมเห็นนางเดินเข้ามา ก็รีบร้องเรียกอย่างยินดี “ท่านอ๋อง คุณหนูรองมาแล้วเพคะ”
หลิงอ๋องมองตามสายตาของอนุรองไป
อวี้อาเหรามองอีกฝ่ายนิ่งๆ “เสด็จพ่อ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่าเพคะ”
“อ้อ พ่อจะไปเข้าเฝ้ายามเช้า คิดขึ้นมาได้ว่าไทเฮาก็เรียกเจ้าเข้าวังไปเรียนศิลปะสตรี ดังนั้นจึงรอเข้าวังพร้อมกับเจ้า” หลิงอ๋องอธิบายความข้องใจของอวี้อาเหรา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ “เหตุใดเจ้าถึงออกมาช้านัก ไปพบไทเฮานั้นไม่ควรชักช้า พระองค์จะไม่พอพระทัยได้”
“เสด็จพ่ออย่าได้กริ้วไปเลยเพคะ” อวี้อาเหราก้มหน้า จากนั้นก็ค่อมหลังลง
แต่กลับได้ยินเสียงเย้ยหยันของอนุรองลอยมา “คุณหนูรองเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สองปีนี้ก็ยังต้องเตรียมตัวออกเรือน เหตุใดจึงยังมีนิสัยเหมือนกับเด็กๆ ได้ หากต่อไปแต่งงานแล้วจะทำอย่างไรเล่า ข้าน้อยอาจจะพูดจาไม่น่าฟังไปบ้าง แม้ว่าจะเป็นคุณหนูของจวนหลิงอ๋อง มีสถานะสูงส่งอย่างไร แต่ต่อไปยังอาจจะได้แต่งงานกับรัชทายาท หรือองค์ชายพระองค์ใด หรือคุณชายตระกูลสูงคนไหนก็ตาม แน่นอนว่าไม่อาจดูเบาได้ หากสะใภ้ทำตัวไม่เหมาะสม คนก็จะหัวเราะเยาะกันไปทั่ว ท่านอ๋องว่าหม่อมฉันพูดถูกหรือไม่เพคะ”
“อนุรองกล่าวได้ถูกต้องแล้ว” หลิงอ๋องขมวดคิ้ว “เจ้าควรจะรักษากิริยาเสียหน่อย หากออกเรือนไปแล้วจะมาทำตัวเป็นเด็กไม่ได้ และยังต้องเป็นสะใภ้บ้านอื่น แน่นอนว่าหากเป็นเช่นนี้จะต้องเสียชื่อเสียงมาถึงบ้านเดิมแน่”
“เสด็จพ่อตรัสได้ถูกต้องเพคะ” อวี้อาเหราไม่ตอบโต้ จากนั้นก็กระแอมไอขึ้นมา “อาการป่วยของลูกยังไม่สู้ดี เมื่อวานนี้ถูกลากตัวเข้าวังไป จึงมีไข้ขึ้นมาอีก และเมื่อวานยังอยู่ที่พระแท่นวายุจันทราจนเย็น นอนก็เสียมืดค่ำ เป็นเพราะลูกไม่ดีเองเพคะที่ร่างกายอ่อนแอ จนทำให่ป่วยบ่อยๆ”
“หากเจ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร ดูสิ เจ้าไอแล้ว พ่อเห็นแล้วก็ปวดใจยิ่งนัก” หลิงอ๋องเห็นแล้วก็ทนไม่ได้ ตอนนี้ใครจะไปสนใจเรื่องหน้าตาชื่อเสียงเล่า สุขภาพของบุตรสาวนั้นย่อมสำคัญกว่า
ตอนที่ 500 ถูกตอกกลับ
“ขอพระทัยเสด็จพ่อเพคะ” อวี้อาเหราเหลือบสายตามองไปทางอนุรอง
อนุรองสบถอยู่ภายในใจ อวี้อาเหราคนนี้คงจะตั้งใจแสดงให้หลิงอ๋องเห็น ช่างร้ายกาจยิ่งนัก ทุกครั้งที่หลิงอ๋องจะต่อว่า นางก็มักจะแสร้งป่วยอยู่เสมอ นางป่วยแล้วอย่างไร? หากป่วยจริงก็คงลงจากเตียงไม่ไหวหรอก!
ก่อนหน้านี้นางพยายามเก็บซ่อนความไม่พอใจและความโกรธเคืองเอาไว้ในใจ ไม่แสดงออกมาให้เห็น แต่เมื่อผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ถูกอวี้อาเหราคิดบัญชีไปหลายครั้ง อีกทั้งอวี้จื่อเยียนยังถูกขังเอาไว้ที่หนานย่วน ในใจของนางก็ยิ่งโกรธเคือง จนไม่สามารถปิดบังความโกรธเคืองและเกลียดชังเอาไว้ได้
หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ อวี้อาเหราก็คงตายไปเสียหลายครั้งหลายคราแล้ว
อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองไปทางอนุรอง ริมฝีปากเผยรอยยิ้มขึ้น “อนุรอง สิ่งที่ท่านชี้แนะ ข้าจะจำเอาไว้ในใจ แต่ท่านเองก็พูดไม่ถูก รัชทายาทโหดร้ายต่อข้ามาโดยตลอด ข้าจะแต่งงานกับเขาได้อย่างไรกัน หรือที่อนุรองพูดนั้น ก็คือต้องการจะทรมานข้าให้ตาย?”
“ข้าน้อย…” สีหน้าของอนุรองเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อต้องการที่จะเอ่ยปากเพื่ออธิบาย แต่กลับถูกหลิงอ๋องขัดขึ้น “สิ่งที่อาเหรากล่าวนั้นก็ไม่ไร้ความหมายเสียทีเดียว รัชทายาทมีนิสัยชั่วร้ายยิ่งนัก เราไม่มีทางปล่อยให้อาเหราแต่งงานกับคนเช่นนี้เป็นอันขาด ธิดาเอกของจวนหลิงอ๋องมิใช่จะสิ้นไร้ไม้ตอกถึงเพียงนั้น”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันเพียงพูดว่าอาจจะ ไหนเลยจะยอมให้อนุรองแต่งออกไปจริงๆ อีกอย่าง เรื่องการแต่งานก็มิใช่เรื่องที่หม่อมฉันเป็นผู้จัดการเสียหน่อยเพคะ” อนุรองได้ยินดังนั้น ก็รีบเปลี่ยนคำพูดขึ้นมา
อวี้อาเหราสบถ “คงไม่เหมือนกับงานแต่งงานของท่านพี่เยียนเอ๋อร์หรอกกระมัง อนุรองเองก็คงจะดีใจ อย่างดีคงได้เป็นถึงพระชายารัชทายาท แม้คงไม่อาจจะเป็นชายาเอก แต่ก็ยังเป็นชายารองได้ คงไม่ทำให้จวนหลิงอ๋องของเราเสียชื่อเสียงเป็นแน่”
“เจ้า!” อนุรองชะงัก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร จึงทำได้แต่เพียงหันไปมองหลิงอ๋อง “ท่านอ๋องอย่าได้แต่งเยียนเอ๋อร์ออกไปเลยนะเพคะ หากหม่อมฉันไม่มีลูกสาวคนนี้อยู่ข้างกายแล้ว…”
“เหตุใดจะแต่งไม่ได้? พี่เยียนเอ๋อร์เป็นบุตรสาวคนโต อายุมากกว่าข้าเสียอีก นางจะต้องแต่งงานก่อนข้ามิใช่หรืออย่างไร” อวี้อาเหราพูดขึ้นจนอีกฝ่ายไม่อาจตอบโต้ได้
หลิงอ๋องขมวดคิ้ว “เราบอกแล้ว ว่าธิดาจวนหลิงอ๋องจะไม่แต่งกับรัชทายาท”
เช่นนั้นอนุรองจึงค่อยๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก
อวี้อาเหราหัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที “อนุรอง ท่านจะกังวลไปทำไมกัน ข้าเพียงแต่พูดเล่นเท่านั้น หรืออนุรองคิดว่าข้าพูดจริงๆ และไม่ยินดีที่จะให้พี่เยียนเอ๋อร์แต่งออกไปจริงๆ เหตุใดจึงมีความคิดเช่นนี้ได้เล่า”
นางพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
ทำเอาอนุรองพูดไม่ออกเลยทีเดียว
คำพูดที่อวี้อาเหราว่านั้นเหมือนกับตบหน้าอนุรอง ช่างน่าหัวร่อนัก
หลิงอ๋องมองไปที่พวกนางทั้งสอง จากนั้นจึงค่อยส่งสายตาไปทางอวี้อาเหรา “ตอนนี้ก็สายแล้ว เข้าวังกันเถิด”
เมื่อพูดจบ ก็เดินขึ้นรถม้าไป
อวี้อาเหรามองไปที่รถม้าข้างหลัง จากนั้นก็ยิ้มสว่างไสวให้อนุรอง แล้วก้าวขึ้นรถไป
“หม่อมฉันน้อมส่งท่านอ๋อง น้อมส่งคุณหนูรอง” อนุรองจำต้องพูดขึ้นพลางกัดฟัน สองมือกำหมัดแน่น เมื่อถูกอวี้อาเหราตอกกลับเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรดี นางโกรธเสียจนจะนอนก็คงนอนไม่หลับ ตอนนี้ไม่อาจหาเรื่องอะไรมาเล่นงานอวี้อาเหราได้ ดังนั้นจึงจำต้องปล่อยนางไปก่อน