ตอนที่ 589 ล้อเล่น
“เจ้าว่าใครไม่มีพลังยุทธ์กัน?” จวินอู๋เหินได้ยินฟู่เส่าชิงพูดเช่นนี้ ก็จ้องมองเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี
“ก็เจ้าอย่างไร” ฟู่เส่าชิงพูดขึ้นมาตรงๆ ไม่สนใจอารมณ์โกรธของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ซึ่งยิ่งทำให้จวินอู๋เหินยิ่งโกรธขึ้นมาอีก เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างถือดี “ข้าไม่เป็นวรยุทธ์แล้วอย่างไร? ดูเจ้าสิ เก่งกาจชาญยุทธ์แต่ก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์ตรงไหน ทำได้แต่เพียงเดินเข้าออกหอคณิกาเท่านั้น”
“อย่างน้อยก็ไม่ถูกคนอื่นรังแก ไม่เหมือนเจ้า ออกจากบ้านก็พาผู้ติดตามมาด้วยมากมาย เพราะหนานหยางอ๋องกลัวว่าเจ้าจะถูกคนอื่นรังแก หรือไม่ก็โดนตีแทบตายกลับจวน มิเช่นนั้นตระกูลหนานหยางอ๋องคงต้องสิ้นสุดที่เจ้านี่เอง” ฟู่เส่าชิงพูดอย่างขบขันเสียจนคนมองรู้สึกอยากจะตบหน้าเข้าให้
จวินอู๋เหินเถียงไม่ได้ จึงสบถออกมาเสียงเย็น “เรามีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนี่”
อวี้อาเหรามองพวกเขาทั้งสองคนที่กำลังแยกเขี้ยวทะเลาะอยู่ ก็เหยียดริมฝีปากออกเล็กน้อย “หากพวกเจ้าอยากจะทะเลาะก็ไปทะเลาะกันที่อื่น”
จวินอู๋เหินและฟู่เส่าชิงจึงค่อยรู้ตัว มองไปทางอนุสามและอนุสี่ที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา หมุนตัวเดินจากไป
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเดินจากไปแล้ว อวี้อาเหราจึงค่อยหันมา แล้วยิ้มกับอนุสามและอนุสี่ “ขอเชิญอนุทั้งสองไปนั่งรออาเหราในห้องก่อนเถิด อีกสักครู่จะให้คนไปส่งถ่านให้”
“ข้าน้อยไม่ต้องการถ่าน ไม่จำเป็นต้องลำบากคุณหนูรองเลย” อนุสามกัดฟัน แม้สีหน้าจะปรากฏให้เห็นถึงรอยยิ้ม ทว่าเป็นรอยยิ้มที่ฝืดฝืนเต็มที นางไม่ต้องการถ่านของอวี้อาเหราอีกต่อไป เพราะไม่แน่ว่านางอาจจะเล่นลูกไม้อะไรอีกก็ได้
อวี้อาเหราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยากแก่การปฏิเสธว่า “แน่นอนว่าอนุสามย่อมอยากได้แน่ ในเมื่อเสด็จพ่อมอบเรื่องนี้ให้เป็นธุระของข้า แน่นอนว่าข้าต้องตั้งใจทำ มิเช่นนั้นหากเสด็จพ่อตรวจสอบขึ้นมาในภายหลังก็จะมาโทษข้าได้ อนุสามอย่าปฏิเสธอีกเลย มิเช่นนั้นจะเท่ากับไม่เห็นแก่พักตร์ของเสด็จพ่อ”
ประโยคสุดท้ายนี้ แม้ว่าจะดูไม่หนักหนา ทว่าความจริงกลับร้ายแรงเป็นอย่างมาก ในเมื่อใช้นามของหลิงอ๋องมากดดันอนุสาม เมื่อนางกล่าวออกมาเช่นนี้ ไหนเลยนางจะกล้าพูดว่าไม่อยากได้อีก อย่างนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตายมิใช่หรือ?
จากนั้น อวี้อาเหราและอนุทั้งสองก็เดินไปยังเรือนพักของพวกนาง
หลังจากผ่านไปสักครู่ เจาเอ๋อร์ก็เดินนำคนที่ยกถ่านเข้ามา จำนวนนั้นมากกว่าครั้งที่แล้วเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นถ่านเหล่านี้ก็นึกถึงถ่านที่ใช้ในครั้งที่แล้ว นางก็รู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าจะต้องใช้ไปจนหมดฤดูหนาวนี้ ด้วยเหตุว่าเป็นถ่านที่อวี้อาเหรามอบให้ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันใช้ไม่ได้ แต่ฤดูหนาวก็ช่างหนาวเย็นนัก ไม่ใช้ก็ต้องใช้ อีกอย่างหิมะก็ใกล้จะตกแล้วด้วย
หากไม่ใช่ถ่านพวกนี้ นางก็คงต้องหนาวตายแน่
อวี้อาเหราสั่งเจาเอ๋อร์ “นำถ่านเข้าไปไว้ที่เรือนพักของอนุทั้งสองเถิด”
เจาเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็ทำตาม
ในใจของอนุสามรู้สึกเคร่งเครียดยิ่งนัก ใบหน้าดูไม่ได้เอาเสียเลย
อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้นมอง แล้วถามขึ้นอย่างจงใจว่า “อนุสามไม่ชอบหรือ?”
“ชอบ…ชอบเจ้าค่ะ” อนุสามถูกเสียงของนางเตือนให้ได้สติ ก็ฝืนรับคำขึ้น
อวี้อาเหราอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากให้เมี่ยวอวี้ เมื่อเห็นอนุสามถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ผ่านไปไม่นาน เจาเอ๋อร์ที่เอาฝืนไปส่งก็กลับมา
เมื่อเห็นท้องฟ้า อวี้อาเหราก็คร้านที่จะถ่วงเวลา จึงหันไปกล่าวลากับนุสามแล้วเดินกลับไป
ผ่านไปชั่วพริบตายามเที่ยงก็มาถึง เมื่อกลับมาถึงห้อง นายบ่าวทั้งสามก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างพอใจ
เพียงแต่ชิงอวิ๋นที่ยืนอยู่นิ่งๆ ด้านหนึ่งนั้นเมื่อเห็นพวกนางสามคนที่หัวร่องอหงายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก็ไม่รู้จะทำเช่นไรไปชั่วขณะ
ตอนที่ 590 รับมือไม่ทัน
ในที่สุดเสียงหัวเราะก็เบาลง เจาเอ๋อร์ถามขึ้นด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า “คุณหนู ท่านจะท่านอาหารกลางวันหรือไม่เจ้าคะ”
อวี้อาเหราลูบท้องที่เพิ่งกินเนื้อย่างเสียจนอิ่มแล้วส่ายหน้า “ไม่เอาแล้ว พวกเจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว ขอนอนสักงีบ”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นบ่าวขอตัว” เจาเอ๋อร์ว่า
ทว่าเมี่ยวอวี้ยังคงยืนนิ่ง มองไปทางอวี้อาเหราอย่างลังเล
อวี้อาเหราจึงพูดว่า “เจ้ามีอะไรก็พูดมาเถิด”
“บ่าวเพียงอยากถามว่าท่านเล่นตุกติกกับถ่านที่มอบให้อนุสามจริงๆ หรือเจ้าคะ” ในที่สุดเมี่ยวอวี้ก็เอ่ยถามปัญหาที่ค้างคาอยู่ในใจออกมา
เจาเอ๋อร์รีบส่ายหน้าในทันที “ครั้งนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแค่ต้องการจะแกล้งอนุสามให้ตกใจเล่นเท่านั้นเอง ให้นางจำเอาไว้ให้ว่าหากครั้งหน้ายังกล้าที่จะมาหาเรื่องคุณหนู คงจะไม่เหมือนกับครั้งนี้แน่”
“อ้อ เป็นเช่นนี้เอง” เมี่ยวอวี้เข้าใจขึ้นมา นางคิดว่าจะมีการเล่นตุกติกจริงๆ
หากอนุสามรู้ว่าถ่านนั้นไม่ได้มีอะไรผิดปกติ คงโกรธเสียจนกระทืบเท้าแน่
เพราะนางถูกคุณหนูแกล้งอีกแล้ว
หลังจากที่ถามจบแล้ว เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ก็ถอยออกไปพร้อมๆ กัน
อวี้อาเหราเดินไปที่เตียง มองไปยังเตียงนั้น ในใจก็ชะงักงัน
ชั่วขณะที่นิ่งเงียบงัน นางก็คิดถึงการมาเยือนราวกับความฝันของฉู่ป๋าย หากนางไม่ได้กลิ่นหอมสะอาดบางเบาจากผ้าห่ม ก็คงคิดว่านางฝันไปแน่ๆ ความฝันที่ว่าได้นอนร่วมหมอนกับเขา
เมื่อคิดถึงยามที่นางกำลังอาบน้ำอยู่เมื่อวาน แล้วเขาแอบมองนางท่ามกลางแสงตะเกียง มือของนางก็กำรวบเป็นหมัดอย่างอดไม่ได้
ทันใดนั้นก็ร้องเรียกออกไปทางด้านนอก “เจาเอ๋อร์ เมี่ยวอวี้”
“มีอะไรหรือเจ้าคะคุณหนู” ทั้งสองรีบผลักบานประตูเข้ามาในทันที เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอวี้อาเหรา ก็ทำให้พวกนางรู้สึกเคร่งเครียดตามไปด้วย “คุณหนูบอกว่าอยากนอนมิใช่หรือเจ้าคะ แล้วเป็นอะไรไป หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ”
“จู่ๆ ข้าก็ไม่อยากนอนแล้ว พวกเราไปจวนเซิ่นอ๋องกันเถิด” อวี้อาเหราตัดสินใจขึ้นมากะทันหัน จนทำให้นางทั้งสองชะงักไปในทันที
อยู่ดีๆ จะไปที่จวนเซิ่นอ๋องทำไมกันเล่า?
แน่นอนว่าพวกนางย่อมไม่เข้าใจแน่ว่าอวี้อาเหราต้องการที่จะไปยังจวนเซิ่นอ๋องอย่างกะทันหันเพื่อไม่ให้ฉู่ป๋ายรับมือได้ทัน หากปล่อยให้เขากล้าจะมาที่นี่อีก เขาคงหน้าด้านไม่ยอมจากไปแน่ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าทำไมในโลกถึงมีชายที่หน้าด้านหน้าทนถึงเพียงนี้ด้วย
เจาเอ๋อร์ชะงัก “เมื่อครู่นี้ท่านอ๋องเพิ่งสั่งมิใช่หรือเจ้าคะว่าไม่ให้คุณหนูออกไปหาเรื่องข้างนอก”
“ข้าเพียงออกไปข้างนอกเท่านั้น ใครจะออกไปก่อเรื่องก่อราวกัน?” อวี้อาเหราถามกลับ
เมื่อทั้งสองเห็นนางไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย ก็ทำได้เพียงเตรียมรถม้า จากนั้นทั้งสามก็เดินทางไปยังจวนเซิ่นอ๋อง
อวี้อาเหราไม่ใส่ใจในคำพูดของหลิงอ๋องเลยแม้แต่น้อย หากเขารู้ว่านางฟังหูซ้ายทะลุหูขวาเช่นนี้ คงจะต้องโกรธเป็นแน่
เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้นึกถึงฉู่ป๋ายที่มาเยือนยามวิกาลคืนก่อน และตอนนั้นอวี้อาเหรายังอาบน้ำอยู่ด้วย ทั้งสองล้วนแล้วแต่เป็นพวกตัวเปล่าเล่าเปลือย หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ต่อไปนางจะแต่งงานได้อย่างไร ยังดีที่มีแต่พวกนางสองคนที่เห็น ไม่มีคนอื่นอีก
เช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะสอดสายตาไปทางอวี้อาเหรา
อวี้อาเหราสังเกตได้ถึงสายตาของพวกนางที่มองมา จึงชะงักไป “พวกเจ้ามองข้าทำไมกัน”
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ส่ายหน้า หากรู้ว่าพวกนางกำลังคิดอะไรอยู่คงจะต้องโดนดุยกใหญ่แน่
อวี้อาเหราถอนสายตาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เมื่อรถม้ามาถึงจวนเซิ่นอ๋อง ก็มาถึงหน้าประตู องครักษ์หน้าประตูคุ้นเคยกับนางดี