ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 615 ไม่เข้าเรื่อง / ตอนที่ 616 หุบปาก

ตอนที่ 615 ไม่เข้าเรื่อง  

 

 

 

 

 

อวิ๋นเซิ่นก็ยกมือขึ้นตบหน้าผากราวกับนึกถึงเรื่องอะไรขึ้นมาได้ “ข้าเกือบลืมไปเสียแล้วว่าเจ้าต้องไปเยี่ยมไข้หลิงอ๋องที่จวน หากเรียกเจ้าไปเช่นนี้ แน่นอนว่าหลิงอ๋อง ครอบครัวของท่านและคุณหนูรองคงจะต้องไม่พอใจแน่”  

 

 

เมื่อพูดจบก็หันไปขออภัยอวี้อาเหรา “เมื่อครู่นี้เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ขอให้ท่านอย่าได้โกรธเลย”  

 

 

“ไม่หรอก” อวี้อาเหราจำต้องยิ้มตอบด้วยสีหน้าอึดอัดใจ อวิ๋นเซิ่นจงใจที่จะพูดเช่นนั้นออกมา นี่ก็ไม่ใช่ว่าต้องการบีบบังคับนางต่อหน้ามิใช่หรือ? คำพูดของนางเต็มไปด้วยความริษยา คิดอยากจะให้นางทนไม่ไหวกระมัง ความริษยาเช่นนี้แน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกับบุรุษตรงหน้าแน่  

 

 

ขณะที่คิดนั้น นางก็หันหน้าไปทางฉู่ป๋าย   

 

 

เห็นเขาก้มหน้าลง ไม่สนใจทางนี้เลยแม้แต่น้อย   

 

 

อวิ๋นเซิ่นมองนางนิ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ในเมื่อคุณหนูรองรีบกลับจวน ข้าก็ไม่รบกวนพวกท่านแล้ว พวกเราไปกันเถิด”  

 

 

“ช้าก่อน” ฉู่ป๋ายเงยหน้าขึ้นหลังจากที่ก้มหน้ามาตลอด หันไปมองอวิ๋นเซิ่น “อาการของหลิงอ๋องเป็นโรคเก่า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ทว่าฮูหยินราชเลขาซีที่ล้มป่วยอยู่ คงจะต้องไปดูนางก่อน”  

 

 

“เรื่องนี้…”  

 

 

อวิ๋นเซิ่นและคนอื่นๆ ชะงักกันไปหมด   

 

 

เขานึกอยากจะไปรักษาคนอื่นก่อนหรือ?  

 

 

เรื่องนี้ล้วนกระแทกจิตใจของทุกคนเหมือนกับภูเขาที่พังทลายโดยไม่ได้ตั้งใจ และหายใจไม่ออกเพราะโดนหินทับเอาไว้ หลังจากผ่านไปนาน อวี้อาเหราจึงค่อยได้สติกลับคืน สายตาจ้องมองไปทางฉู่ป๋าย เห็นใบหน้าด้านข้างของเขาที่ไม่ยอมพูดจา  

 

 

อาการป่วยของฮูหยินราชเลขากรมทหารก็เป็นเพียงไข้หวัดเท่านั้น ไหนเลยจะหนักหนาเท่าหลิงอ๋องได้ อีกอย่างเขายังตอบรับที่จะไปดูหลิงอ๋องที่จวนหลิงอ๋องเสียก่อนด้วย เหตุใดถึงได้เปลี่ยนใจอย่างกะทันหันเช่นนี้เล่า นี่ก็เท่ากับไม่เห็นแก่หน้าของคนทั้งจวนหลิงอ๋อง รวมไปถึงหน้าของอวี้อาเหราด้วยเลยมิใช่หรือ?  

 

 

อีกอย่าง เขาก็ไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนความตั้งใจง่ายถึงเพียงนี้  

 

 

หรือว่าเป็นเพราะนางกัน? อวี้อาเหราเบนสายตาไปทางอวิ๋นเซิ่น ความไม่สบายใจก็แผ่ขยายไปทั่ว มันจุกอยู่ในอก ความอึดอัดเช่นนั้นจะกลืนก็ไม่ลงก็พ่นออกมาก็ไม่ได้ ดูเหมือนมันจะหนักหน่วงเป็นพันชั่ง และยังบางเบาเหมือนปุยนุ่น นึกอยากที่จะหลบหนี แต่แม้ว่าจะหนีได้ก็ไม่ยอมหนี  

 

 

เพียงเพื่ออวิ๋นเซิ่นแล้ว เขากลับละทิ้งหลิงอ๋อง นี่ก็ไม่เข้าเรื่องเลย!  

 

 

ในใจของอวี้อาเหราก็รู้สึกอึดอัดคับข้อง แต่ไม่อาจบอกใครได้  

 

 

อวิ๋นเซิ่นเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน จากนั้นก็แย้มยิ้มสว่างไสว แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ารับปากที่จะไปจวนหลิงอ๋องมิใช่หรือ หากจะเปลี่ยนความตั้งใจเช่นนี้ก็คงไม่ดีนัก เอาเป็นว่าพบกันครึ่งทางก็แล้วกัน รอให้เจ้าไปที่จวนหลิงอ๋องเสียก่อนแล้วค่อยเชิญเจ้ามา มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่าคำพูดของข้าจะทำให้เจ้าลำบากเสียเปล่าๆ”  

 

 

ประโยคของนางแม้จะฟังดูชัดเจน ทว่าก็ยังฟังดูลึกซึ้ง  

 

 

ฉู่ป๋ายหยุดการกระทำ มุมปากยกโค้งขึ้น คิ้วหนาดกดำเลิกขึ้นเล็กน้อย “ข้าพูดไปแล้วว่าโรคของหลิงอ๋องนั้นเป็นโรคเก่า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน อีกอย่างเจ้ากับข้าเป็นอะไรกัน แค่ไปที่จวนจะไปนานอะไร ไม่ต้องอ้อมค้อม รีบไปกันเถิด”  

 

 

เจ้ากับข้าเป็นอะไรกัน? คำพูดเช่นนี้ฟังดูไม่เกรงใจเลย กลัวคนอื่นดูไม่ออกหรือว่าพวกเขานั้นเป็นอะไรกัน  

 

 

“เจ้าหยุดก่อน” อวี้อาเหราไม่ยอมให้เขาจากไปอย่างไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้แน่ นางร้องเรียกชายที่เพิ่งขึ้นรถม้าไป แล้วสบถออกมาว่า “เจ้าจะหนีไปเช่นนี้ไม่ได้ เจ้าเป็นคนบอกข้าว่าจะไปตรวจอาการเสด็จพ่อของข้า ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องไปจวนหลิงอ๋องเสียก่อน สำหรับท่านน้าสะใภ้ของคุณหนูเซิ่นนั้น อีกสักพักค่อยไปก็ได้นี่”  

 

 

ใครจะรู้ว่าฉู่ป๋ายกลับไม่สนใจนาง ทำเพียงปรายตามองนางด้วยหางตาเท่านั้น จากนั้น เขากลับไม่พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย กลับบอกให้คนขับออกรถไปเสียแล้ว  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 616 หุบปาก  

 

 

 

 

 

ฉู่เกอมองรถม้าที่จากไป แล้วหันกลับมามองอวี้อาเหราที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ “วันนี้ท่านพี่ของข้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงแปลกไปจากปกติเช่นนั้น เมื่อครู่นี้พวกท่านก็คุยอะไรกันในตรอกอย่างนั้นหรือ”  

 

 

“พวกเรากลับจวนหลิงอ๋องกันก่อนเถิด” อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  

 

 

ก็แค่ไปกับอวิ๋นเซิ่นมิใช่หรือ? นางจะไปสนใจทำไมกัน นี่ก็ไม่เห็นเกี่ยวกับนางเสียหน่อย  

 

 

หลังจากปรับอารมณ์แล้ว อวี้อาเหราก็พาฉู่เกอ รวมไปถึงเมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์กลับมายังจวนหลิงอ๋องโดยไม่พูดไม่จาสักคำ  

 

 

เจาเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก “เซิ่นซื่อจื่อก็เหลือเกิน เหตุใดถึงไปจวนราชเลขากับคุณหนูเซิ่นเสียกลางคันเช่นนั้น…”  

 

 

พูดยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเมี่ยวอวี้หยิกแขนเสียจนเจ็บ ทันใดนั้นนางก็คิดขึ้นมาได้ว่าตอนนี้อยู่ตรงหน้าฉู่เกอ ไม่สมควรที่จะพูดจาส่งเดช  

 

 

เมื่อกลับมาถึงจวนหลิงอ๋องแล้ว พวกนางก็เข้าไปถวายความเคารพหลิงอ๋องต่อหน้า  

 

 

หลิงอ๋องกำลังพูดคุยพลางหัวเราะกับอนุรองในห้องโถงใหญ่อยู่พอดี เมื่อเห็นพวกอวี้อาเหราเดินเข้ามา คิ้วก็เลิกขึ้น ยิ้มแล้วก็พูดว่า “เมื่อครู่ได้ยินอนุรองบอกว่าเจ้าออกไปข้างนอกอีกแล้ว พ่อบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าคืนนี้มีงานเลี้ยง จะออกไปข้างนอกไม่ได้? หากกลับมาช้ากว่านี้ พ่อก็จะส่งคนไปตามเจ้ากลับมาแล้ว”  

 

 

“เสด็จพ่อ ลูกได้ยินว่าเซิ่นซื่อจื่อต้องการที่จะรักษาอาการป่วยของท่าน เช่นนั้นจึงได้ไปเชิญเขามาที่นี่ด้วยตัวเอง เสด็จพ่ออย่าได้กริ้วลูกเลยนะเพคะ” อวี้อาเหราหาคำแก้ตัวขึ้นมาได้ เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ของนางที่ไปยังจวนเซิ่นอ๋องแล้ว ที่จริงนางก็เพียงแค่อยากจะแกล้งฉู่ป๋ายเท่านั้น ไม่คิดว่าจะไม่มีใครโดนแกล้ง อีกทั้งนางยังล้มเสียจนเจ็บอีกด้วย  

 

 

หลิงอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไป “เจ้าก็ไปเชิญเซิ่นซื่อจื่อที่จวนเซิ่นอ๋องหรือ?”  

 

 

“เพคะ” อวี้อาเหราพยักหน้า  

 

 

อวี้จื่อเยียนมองไปทางด้านหลังของนาง แล้วหัวเราะเสียงเย็นชา “แล้วเซิ่นซื่อจื่อเล่า? หรือเจ้าเอาแต่พูดจาส่งเดชเพื่อหลอกพวกเรากัน”  

 

 

ฉู่เกอก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วยิ้มให้อวี้จื่อเยียนอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งอธิบายแทนอวี้อาเหราว่า “ท่านพี่ของข้าก็มาด้วย แต่เพราะระหว่างทางพบกับพี่อวิ๋นเข้าเสียก่อน ได้ยินว่าท่านน้าสะใภ้ของนางป่วย เช่นนั้นจึงต้องไปดูแลทางนั้นก่อน อีกสักพักก็คงจะมา เพราะฉะนั้นข้าจึงมาคารวะหลิงอ๋อง เพื่อไม่ให้เสียมารยาทเพคะ”  

 

 

จากนั้น นางก็โบกมือ สั่งให้เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้นำของขวัญมาตรงหน้า  

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลิงอ๋องก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด กลับเป็นอวี้จื่อเยียนเสียอีกที่เอ่ยขึ้นอย่างโกรธเคือง “เซิ่นซื่อจื่อผู้นี้ไม่เห็นจวนหลิงอ๋องของเราอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ทีแรกก็ตกลงว่าจะมาที่นี่ แต่ตอนนี้กลับไปดูอาการของฮูหยินราชเลขาเสียได้…”  

 

 

“หุบปาก!” หลิงอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ค่อยพอใจนัก “ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าที่จะมาพูดเช่นนี้”  

 

 

“เสด็จพ่อ…” อวี้จื่อเยียนโอดครวญ นางไม่ได้พูดอะไรผิดไปเสียหน่อย จวนราชเลขาไหนเลยจะมาสู้จวนอ๋องได้เล่า ทำเช่นนี้ก็เท่ากับไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อยเลยมิใช่หรือ? อีกทั้งเซิ่นซื่อจื่อยังสนิทสนมไปมาหาสู่กับอวี้อาเหา เมื่อจะต้องเกี่ยวข้องกับนางเช่นนี้ นางก็รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย  

 

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเซิ่นซื่อจื่อไม่อาจมาที่จวนหลิงอ๋องได้ หรือว่าเป็นเพราะอวี้อาเหราทำเสียเรื่อง จนทำให้เซิ่นซื่อจื่อไม่อยากมากันแน่  

 

 

แต่นางก็ไม่กล้าพูดออกไปเช่นนี้ต่อหน้าหลิงอ๋องแน่ เพราะนางไม่อยากถูกกักบริเวณอยู่ในหนานหย่วนอีกแล้ว  

 

 

อวี้อาเหราเดินเข้าไปหาหลิงอ๋อง จากนั้นก็รินน้ำชาให้หลิงอ๋องด้วยตนเอง “เสด็จพ่อ เชิญดื่มชาแล้วโปรดอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ พี่เยียนเอ๋อร์ไม่รู้ประสามาแต่ไหนแต่ไร เซิ่นซื่อจื่อก็เป็นผู้ที่มีพระทัยกว้างขวาง เรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บนั้นจะต้องช่วยเหลือผู้ที่มีความต้องการก่อน หากจะต้องให้ท่านหญิงทรงได้ยินอะไรเช่นนี้ ก็ไม่สมควรเลยเพคะ”  

 

 

เมื่อเทียบกับคำพูดของนางแล้ว ก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าอวี้จื่อเยียนนั้นจิตใจคับแคบยิ่งนัก  

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset