ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 623 จูบมือของเจ้า / ตอนที่ 624 ไป

ตอนที่ 623 จูบมือของเจ้า  

 

 

 

 

 

ทว่าท่าทีเคร่งเครียดของเขานั้น ราวกับนางจะตายเสียให้ได้  

 

 

ฉู่เกอปล่อยมือ อวี้จื้อหันไปมองอวี้อาเหรา จากนั้นก็ก้าวเท่าเดินจากไป  

 

 

อวี้อาเหรามองไปทางฉู่เกอ ในใจนึกสับสนเล็กน้อย “เกอเอ๋อร์ ข้า…”  

 

 

นางไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไรดี ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องง่ายแท้ๆ แต่เมื่อถูกอวี้จื้อกระทำเช่นนี้ นางก็ไม่รู้เลยว่าควรจะรับมืออย่างไร พวกเขาไม่ได้มีอะไรกันเลยแม้แต่น้อย ทว่าเพียงฉากใกล้ชิดกันเพียงครั้งเดียว กลับถูกฉู่เกอมองเห็นเสียได้ นางชอบพออวี้จื้อถึงเพียงนั้น คงจะนึกริษยาเสียแล้วกระมัง  

 

 

“ไม่ต้องพูดแล้ว” น้ำเสียงของฉู่เกอเย็นชาเหมือนน้ำเสียงของฉู่ป๋าย ราวกับไม่อยากจะมองนางเลยแม้แต่น้อย นางหมุนตัวหนีไปทางอื่น ตอนนี้นางรับไม่ได้ แต่ก็จำต้องทำตัวให้นิ่งเข้าไว้  

 

 

ใครอยากจะเห็นบุรุษที่ตัวเองชอบใกล้ชิดกับหญิงอื่นถึงเพียงนี้เล่า? แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นพี่สาวของเขาก็ตาม  

 

 

แต่เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วก้ให้รู้สึกเจ็บปวดนักเชียว  

 

 

ฉู่เกอเดินเข้ามาหา อวี้อาเหราจึงมองไปทางฉู่ป๋ายที่คว้ามือนางเอาไว้ “เจ้าปล่อยข้าก่อน”  

 

 

“ปล่อย?” รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของฉู่ป๋ายนั้นเย็นชามากกว่าเดิม “ไม่เคยคิดเลยว่าคนในจวนหลิงอ๋องก็ช่างหัวก้าวหน้าถึงเพียงนี้ กลางวันแสกๆ แท้ๆ แต่กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้”  

 

 

“เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้า?!” อวี้อาเหราโกรธที่เขาพูดจาเช่นนี้ หากจะด่าทอใครสักคนก็ไม่ควรนำครอบครัวของคนอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วย อีกอย่างเมื่อครู่นี้อวี้จื้อก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อฉู่ป๋ายพูดเช่นนี้ ช่างต่างจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ราวหนังคนละม้วน!  

 

 

“ข้าพูดบ้าๆ หรือ?” ฉู่ป๋ายเลิกคิ้วขึ้น “เมื่อครู่นี้ใครจูบมือของเจ้ากันเล่า”  

 

 

“จูบอะไรกัน เมื่อครู่นี้ข้าไม่ระวังจึงถูกหนามตำเข้า เพราะอย่างนั้นเขาเลย…” อวี้อาเหราโกรธจึงโพล่งขึ้นมาเช่นนี้ แต่ประโยคหลังนางเองก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ อวี้จื้อทำเช่นนี้ ที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนักหรอก แม้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนี้ ต่อไปก็คงถูกเอาไปพูดจนน่าเกลียด  

 

 

“ทำไมหรือ แก้ตัวไม่ได้แล้วสินะ?” ฉู่ป๋ายหัวเราะเสียงเย็น  

 

 

“ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว เจ้าอยากจะเชื่อเช่นไรก็เรื่องของเจ้า!” อวี้อาเหราถูกคำพูดของเขายั่วยุจนโมโหใหญ่โต เมื่อคิดแล้วก็ยิ่งจิตใจว้าวุ่น จะต้องอธิบายอย่างไรเหตุการณ์เมื่อครู่นี้จึงจะฟังดูดีขึ้นมานะ! หลังจากนางพูดจบแล้วก็สะบัดมือของตัวเองออก  

 

 

“หยุดนะ” ฉู่ป๋ายร้องหยุดนาง แล้วคว้ามือของนางเอาไว้ “อวี้อาเหรา เจ้านี่อย่างไรกัน ก่อนหน้านี้ก็ยังทำท่าทีใกล้ชิดกับหนิงจื่อเย่ในตรอก ตอนนี้ยังมาทำท่าลับๆ ล่อๆ กับน้องชายของตัวเองอีก หากหลิงอ๋องทราบเข้า เจ้าว่าเขาจะกริ้วหรือไม่?”  

 

 

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” อวี้อาเหราหรี่ตาลง ไม่รู้ว่าเขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่  

 

 

มุมปากของฉู่ป๋ายยกขึ้น ทันใดนั้นก็ปล่อยมือของนางออก แล้วยึดบ่าของนาง กดนางเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมองใบหน้าของอวี้อาเหรา น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเหลืออด “ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดีเล่า…”  

 

 

“อะไร?” น้ำเสียงของเขาทั้งต่ำและเบา อวี้อาเหราไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกันแน่  

 

 

สาวใช้ที่มักจะเห็นท่าทีสนิทสนมของคนทั้งสองอยู่เสมอ ทันใดนั้นก็เอามือปิดหน้า ไม่กล้ามอง  

 

 

ฉู่ป๋ายค่อยๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ จากนั้นก็ดึงมือของนางให้เดินตาม  

 

 

“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด” อวี้อาเหราเห็นว่าเขาไม่ได้กำลังเดินไปหาหลิงอ๋อง แต่กลับเดินไปยังปากประตู เช่นนั้นก็รีบร้องเตือนขึ้นมา “เจ้าบอกว่าจะฝังเข็มให้เสด็จพ่อของข้ามิใช่หรือ เหตุใดไม่ไปเล่า?”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 624 ไป  

 

 

 

 

 

ฉู่ป๋ายทำเพียงปรายตามามองหน้านาง อวี้อาเหราถูกมองด้วยสายตาเช่นนั้นก็ตัวสั่นเทาขึ้นมา หุบปากไม่พูดไม่จาในทันที  

 

 

ราวกับสายตาของเขามีเวทมนตร์สะกด ที่ทำให้ผู้ที่พบเห็นไม่อาจต้านทานได้  

 

 

ฉู่ป๋ายจูงมือนางไปทางประตูใหญ่ องครักษ์ที่หน้าประตูเมื่อเห็นคนทั้งสองเดินตับจูงมือกันเช่นนั้น ก็ไม่รู้จะทำหน้าเช่นไรดี เมื่อได้รับสายตาขอความช่วยเหลือจากอวี้อาเหราก็เหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่นางอยากจะสื่อ ทว่าเมื่อมองเห็นใบหน้าเงียบขรึมของฉู่ป๋ายแล้ว คำพูดทั้งหมดก็ถูกกลืนลงท้องไปเสียหมด ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขากล้าที่จะพูดอะไรได้หรือ?  

 

 

หากพูดออกไปก็เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ  

 

 

คุณหนูรองไปกับเซิ่นซื่อจื่อ เช่นนั้นคงจะไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง?  

 

 

สุดท้าย องครักษ์ทั้งหลายก็ตั้งใจที่จะเงียบ  

 

 

อวี้อาเหราแค้นเสียจนกัดฟันกรด หากกลับมาได้นางจะต้องตามมาจัดการเสียให้เข็ด ไม่เห็นหรือว่านางกำลังขอความช่วยเหลือ? เมื่อเห็นท่าทีนิ่งเฉยของฉู่ป๋ายก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรได้บ้างภายใต้สถานการณ์ความโกรธเคืองเช่นนี้  

 

 

หานสือรออยู่ด้านหน้าของรถม้า เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเดินมาแล้วก็ลังเลอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉู่ป๋ายกลับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไป”  

 

 

ในวินาทีนั้น อวี้อาเหราก็ถูกเขาจับยัดขึ้นรถม้าไปในทันที  

 

 

หานสือได้แต่จ้องมองอย่างนิ่งงัน เขาไม่ค่อยได้เห็นซื่อจื่อของตนมีการกระทำไม่ไว้หน้าใครเช่นนี้มาก่อน เมื่อเห็นสีหน้าของเขาแล้วก็รู้ว่าคงจะโกรธเป็นอย่างมาก ในใจของเขาก็พลันเข้าใจขึ้นมาได้ในทันที จึงไม่สนใจสิ่งใด รีบขับรถม้าออกไปในทันที  

 

 

อวี้อาเหราถูกโยนเข้าไปในมุมของรถ มองไปทางฉู่ป๋ายที่ตามขึ้นมาติดๆ อย่างเหลืออด  

 

 

นางทำผิดร้ายแรงอะไรกัน เหตุใดถึงปฏิบัติกับนางเช่นนี้?  

 

 

เพียงแค่อวี้จื้อจูบนิ้วชี้ของนางเท่านั้น นางสาบานเลยว่าไม่มีอะไรเช่นที่ฉู่ป๋ายคิดเลยแม้แต่น้อย  

 

 

แม้ขึ้นมาบนรถแล้วฉู่ป๋ายก็ยังไม่คลายมือออก ถามกลับไปตรงๆ ว่า “เมื่อครู่นี้พวกเจ้าทำอะไรกัน”  

 

 

“ข้าโดนหนามตำนิ้วก็เลย…” อวี้อาเหรายังคงอธิบายเหมือนเดิม ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่นา…  

 

 

“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าหนิงจื่อเย่คิดไม่ซื่อกับเจ้า?” ฉู่ป๋ายเลิกคิ้ว ไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดของอวี้อาเหราได้หรือไม่ ตัวนางรู้สึกได้ถึงแรงที่กำรอบข้อมือของนางที่ไม่มีท่าทีว่าจะคลายออกแม้แต่น้อย อีกทั้งยังแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังจะบดขยี้มือของนางให้แหลก  

 

 

อวี้อาเหราเป็นคนหูตาว่องไว เมื่อเห็นท่าทีของฉู่ป๋ายแล้ว ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก  

 

 

และกำลังของเขานั้น นางก็ไม่อาจสู้ได้เลย แม้ว่าจะทุ่มแรงทั้งหมดที่มีก็คงสะบัดไม่หลุด เช่นนั้นนางจะขอนั่งมองเขาเฉยๆ ก็แล้วกัน ดูสิว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่ ในยามนี้อวี้อาเหราจะต้องแสดงท่าทีนิ่งเฉยเอาไว้เสียก่อน  

 

 

รถม้าโยกเยกไปมาอย่างแรง ฉู่ป๋ายไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าจะไปที่ใด หานสือเองก็ไม่กล้าถามมาก ทำได้แต่เพียงบังคับไปเรื่อยๆ เท่านั้น  

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นนางนั่งเงียบไม่พูดไม่จา ในใจก็นึกโกรธเคืองขึ้นมาแล้ว จึงโน้มกายไปข้างหน้า ริมฝีปากเย็นเหยียบของเขาแตะลงที่ริมฝีปากของนาง แล้วกัดลงมาหนักๆ ในชั่วขณะที่อวี้อาเหราถูกกัด นางจะไม่เจ็บได้หรือ? นางก็เจ็บจนเรียกได้ว่ามากมาย นึกอยากจะยื่นมือออกไปผลักชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็รับรู้ได้ถึงแรงอันหนักหน่วงที่ถูกเขายึดร่างเอาไว้  

 

 

ตอนนี้ ไม่ว่านางจะหันหน้าไปทางไหนก็ไม่มีใครช่วยนางได้  

 

 

มือและเท้าของนางถูกพันธการเอาไว้ ไม่ว่าฉู่ป๋ายจะทำอะไร นางก็ไม่อาจที่จะขัดขืนได้เลย  

 

 

ประมาทเหลือเกิน เพียงแค่ถูกเขาจ้องมองเท่านั้นนางก็ตกใจเสียเหมือนคนโง่  

 

 

ฉู่ป๋ายจ้องมองดวงตาของนาง ทว่าริมฝีปากของเขานั้นไม่ขยับหนีหาย สายตาแฝงไปด้วยแสงสว่างส่องไสว อวี้อาเหราอดไม่ได้ที่จะต้องสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าปอด เขางดงามถึงเพียงนี้ ไม่ใช่ความงดงามเพียงธรรมดา แต่งดงามราวกับผืนหยก เป็นเหมือนหยกชิ้นงามเสียด้วยซ้ำ  

 

 

 

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว… … “คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ “เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น “หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset