หลี่จิ้งถูกเป่ยฟางหรงคุกคามอย่างหนัก อีกทั้งบัดนี้ตนเองคล้ายจะถูกพลังของนางดูดและส่งผ่านพลังของตนออกมา เขาไม่อาจผลักไสนางด้วยกลัวว่าพลังอันรุนแรงที่ส่งผ่านจะทำร้ายร่างกายของนางเข้าจึงได้แต่ปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในเงื้อมมือของนาง
หัวใจของเป่ยฟางหรงที่เย็นเยียบบัดนี้แทบจะละลายกลายเป็นน้ำแล้ว นางผู้ไร้ซึ่งการควบคุมตนเองอย่างสิ้นเชิงมือไม้ไม่อยู่สุขถอดอาภรณ์ของหลี่จิ้งออกภายในพริบตา กระทั่งกระบี่ด้ามโตของเขาเป่ยฟางหรงยังเกาะกุมเอาไว้ด้วยสองมือ
หลี่จิ้งสะดุ้งเฮือกเขาไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปได้ หลี่จิ้งค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจของตัวเองช้า ๆ สองมือเลื่อนลงมากุมข้อมือของนางเอาไว้ แต่นางบีบด้ามดาบของเขาแน่นเกินไป หลี่จิ้งเกรงว่าหากนางพลั้งมือจะดึงมันหลุดติดมือออกมา
ในเมื่อนางไม่ยอมปล่อยครานี้เขาเองก็ไม่มีทางเลือกคงต้องทำให้นางลืมตัวแล้วค่อย ๆ ดึงมือของนางออก
เมื่อคิดได้ดังนี้เขาจึงเป็นฝ่ายรุกล้ำริมฝีปากของเป่ยฟางหรงเสียเอง ดูดกลืนลิ้นของนางพร้อมทั้งถ่ายทอดพลังทิพย์อ่อนโยนเข้าไปอีกหลายสาย เนิ่นนานจนกระทั่งปราณมารของนางถูกควบคุมจนเขาไม่อาจสัมผัสได้อีก
ลิ้นนุ่มละมุนของอาจารย์ทำให้เป่ยฟางหรงเริ่มเคลิบเคลิ้ม อาหารในโลกนี้แม้ว่าจะเลิศรสเพียงใด เป่ยฟางหรงฟันธงในใจแล้วว่าย่อมไม่อาจสู้สัมผัสจากปลายลิ้นของอาจารย์ได้
เขาช่างอร่อยเสียจริง
มือของนางที่เกาะกุมความแข็งขึงด้วยความอยากรู้อยากเห็นเริ่มอ่อนแรงลง ทุกการสัมผัสของหลี่จิ้งที่กวาดดูดโพรงปากของนางทำให้นางอ่อนระทวย
กระทั่งนางยอมปล่อยด้ามกระบี่ของเขาลูบไล้มือไปทั่วแผ่นหลังของอาจารย์ กอดเขาเอาไว้แนบแน่นรับสัมผัสนั้นอย่างสุขสม ปลายลิ้นนุ่มละมุนยังคงดูดคลึงไม่หยุดเป่ยฟางหรงหมดแรงที่จะทำสิ่งใดแล้ว
เมื่อได้โอกาสและเห็นว่าพลังทิพย์ที่ส่งผ่านทำให้เป่ยฟางหรงอ่อนระทวย หลี่จิ้งจึงหักห้ามอารมณ์ของตนคล้ายกับฟันกระบี่ฉับลงบนร่างปีศาจจนขาดสะบั้นทันใด หลังจากนั้นสองมือพลันดันร่างของนางออก ตั้งใจจะยุติทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้เกินเลยเช่นทุกครั้ง
เป่ยฟางหรงกลับยกมือสัมผัสใบหน้าของเขา นางมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกายแล้วเลื่อนนิ้วเรียวลงมาจนถึงตำแหน่งหัวใจ ผลักเขาให้นอนราบลงกับที่นอนแล้วขึ้นคร่อมร่างของเขาอีกครั้ง
หลี่จิ้งไม่ปล่อยให้นางกระทำตามอำเภอใจอีก เขาเอ่ยอย่างตำหนิ
“หรงหรงหยุดเถิด”
“ด้วยเหตุใดเล่าเจ้าคะ”
นางกระซิบเสียงหวานชิดติ่งหู หลี่จิ้งสูดหายใจเข้าลึกร่ายอาคมรวดเร็ว ฉับพลันเป่ยฟางหรงถูกเชือกอัคคีพันธนาการเอาไว้แน่นหนา นางเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“อาจารย์ท่านมัดข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ ศิษย์ทำสิ่งใดผิดกัน”
“ความผิดใดเจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ”
หลี่จิ้งลุกขึ้นนั่งใส่อาภรณ์ตัวในของตนเองอย่างเชื่องช้า ส่วนนั้นของเขายังคงแข็งขึงหลี่จิ้งจึงหลับตา สวดคาถาสงบใจในใจเงียบ ๆ กระทั่งร่างบอบบางของนางกระเถิบเข้ามาชิดร่างกายของเขา เชือกที่รัดร่างของเป่ยฟางหรงแน่นขนัดผิวเนื้อนวลหลายส่วนจึงนูนออกมาหลี่จิ้งที่คิดว่าตนเองจิตใจสงบแล้วเพียงลืมตาเห็นภาพยั่วราคะนั่นถึงกับต้องหลับตาอย่างว่องไว
เป่ยฟางหรงไม่เข้าใจ เมื่อสักครู่อาจารย์ได้มอบความสุขแสนวิเศษให้นางและดูเหมือนว่าอาจารย์เองก็พึงพอใจอยู่ไม่น้อย เหตุใดจึงได้หยุดกะทันหันมิหนำซ้ำยังมัดนางเอาไว้อีก
“อาจารย์ก็ชอบปานนั้นเหตุใดจึงนับเป็นความผิดเล่าเจ้าคะ”
หลี่จิ้งกระแอมแล้วเอ่ยว่า
“หยุดเล่นลิ้นเสีย ทำผิดย่อมได้รับโทษ ตอนนี้ก็หุบปากของเจ้าเสีย”
แม้ในตอนนี้หลี่จิ้งจะต้องการความสงบเพื่อระงับจิตใจ แต่เป่ยฟางหรงเองกลับไม่คิดจะมอบสิ่งที่เขาต้องการให้ นางดิ้นรนให้หลุดจากเชือกอาคมปากยังเอื้อนเอ่ยวาจายั่วยวน
“อาจารย์ท่านไม่ชอบข้าหรือเจ้าคะ ท่านมองดูข้าเถิดมีตรงไหนกันที่ท่านไม่ชอบศิษย์จะได้ปรับปรุง”
หลี่จิ้งสงบจิตใจตั้งใจสวดคาถาไม่สนใจฟังคำเหลวไหลของนางแม้แต่น้อย เป่ยฟางหรงหน้างอ ในยามนี้มือของนางใช้ไม่ได้ ขาของนางก็ไม่อาจขยับ คงเหลือแค่เพียงปากแล้วที่สามารถทำตามใจปรารถนา