หลี่จิ้งปิดปากของเป่ยฟางหรงด้วยริมฝีปากของตนเองทันใด เชือกอัคคีที่พันธนาการเป่ยฟางหรงอยู่พลันหลุดออก เมื่อเป่ยฟางหรงเป็นอิสระนางรีบยกสองมือขึ้นกอดรัดหลี่จิ้งด้วยอาการหนาวสั่น
นางไม่เข้าใจว่าตนเองมีโรคนี้ติดตัวได้อย่างไร ถามอาจารย์เช่นไรก็ไม่ยอมบอกในเมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องอาศัยอาจารย์ในการรักษาอยู่ร่ำไป อย่างน้อยเพราะอาจารย์ไม่ยอมบอกนางจึงไม่รู้สึกผิดแต่ประการใดที่ต้องคอยรบกวนเขาอยู่เรื่อย
เรื่องระหว่างชายหญิงเดิมทีเป่ยฟางหรงไม่เคยรู้ซึ้งมาก่อนแต่หลังจากที่นางได้กินบัวหิมะพันปีไปแล้ว ในยามที่อยู่ในอ้อมกอดของเขานางกลับรู้สึกตื่นเต้นอีกทั้งยังใจสั่นไหวและต้องการสัมผัสเขามากยิ่งขึ้นทุกที
และในตอนนี้ความรู้สึกเช่นนี้ยังก่อเกิดพลังอันรุนแรงจนยากที่นางจะข่มกลั้นเอาไว้ได้อีก เป่ยฟางหรงไม่เพียงแต่ถูกอาจารย์จุมพิต เขายังส่งผ่านพลังทิพย์ทางผิวหนังด้วยฝ่ามือร้อนอันแสนวิเศษ
นิ้วของอาจารย์ที่สัมผัสทำให้เป่ยฟางหรงจิตใจเตลิด ทั้งรู้สึกเร่าร้อนรุนแรงและรู้สึกดีต่อใจเป็นอย่างยิ่ง
เป่ยฟางหรงได้ยินเสียงหอบสั่นของหลี่จิ้ง ปราณสองสายในร่างกายที่กำลังตีกันอย่างหนักจวนเจียนจะทำให้ร่างกายของเป่ยฟางหรงระเบิดนั้นสงบลงบ้างแล้ว ตรงกันข้ามกับหัวใจของนางที่กำลังเต้นโครมครามจนเป่ยฟางหรงคิดว่ามันอยากที่จะหลุดออกมาจากอกของนางเป็นแน่
ริมฝีปากร้อนผ่าวของหลี่จิ้งค่อย ๆ ไต่ไล้ลงมาที่ลำคอของนางก่อนจะจุมพิตแผ่วเบาทีละจุด
ทุกสัมผัสของเขาแม้จะบางเบาแต่เต็มไปด้วยไฟแห่งความร้อน นิ้วเรียวที่สัมผัสกำลังขับไล่ความเย็นไปทีละส่วน ไต่ไล้เรื่อยลงมาจนถึงเอวคอดของนาง หลังจากนั้นคลึงวนอยู่บริเวณนั้นเนิ่นนาน
เป่ยฟางหรงเปลือยเปล่าในใจเฝ้ารอคอยว่าริมฝีปากของเขาจะสัมผัสส่วนใดอีก กระทั่งบัดนี้ลิ้นร้อนของเขายังไต่ไล้แล้วดูดคลึงกายของนางเบา ๆ
“อ๊าาา อาจารย์ ขะข้ารู้สึกดียิ่งเจ้าค่ะ”
หลี่จิ้งครางแผ่วเบา นอกจากเขาจะส่งพลังทิพย์ให้นางแล้วร่างกายที่ตอบสนองเขาเป็นอย่างดีของเป่ยฟางหรงยังสะท้อนพลังทิพย์กลับมาให้เขา ข่มปราณปีศาจที่อยู่ในตัวของนางไปทีละนิดได้อย่างน่าอัศจรรย์
ในยามนี้หลี่จิ้งเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่ง หากว่าอาคมที่เขาสกัดปราณมารของนางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่บนสรวงสวรรค์แตกปริแล้วนั้นหมายความว่าเขาไม่มีพลังอำนาจที่จะข่มปราณมารของเป่ยฟางหรงได้อีก
เมื่อในยามนี้นางตกอยู่ในกำมือของเขาต่างลงมาเผชิญด่านเคราะห์เพื่อบำเพ็ญตน หากเขาไม่สามารถช่วยนางได้ในครานี้ สวรรค์คงไม่ปล่อยมารเช่นเป่ยฟางหรงเอาไว้แน่
ในยามนั้นหลี่จิ้งคิดว่าหากเป่ยฟางหรงกลายเป็นมารจริงถึงแม้ว่าเขาจะพยายามช่วยเต็มที่แล้วเขาก็คงต้องร่วมมือกับสวรรค์กำจัดนางเป็นแน่แท้
แล้วในยามนี้เล่า หลี่จิ้งชักไม่มั่นใจในตนเองเสียแล้วว่ายังคงมีความคิดที่จะกำจัดนางอยู่อีกหรือไม่
หลี่จิ้งสูดลมหายใจเข้าลึก รับรู้แน่แท้ว่าถึงเป่ยฟางหรงจะเป็นมารแต่นางก็กำเนิดในร่างมนุษย์เพื่อเป็นคู่ซินเซียวกับเขาอย่างแท้จริง ในใจอยากจะจับตาเฒ่าจันทรานั่นเขย่านัก เหตุใดจึงได้กล้าหาญผูกด้ายแดงของเขาไว้กับนางโดยไม่บอกกล่าวและไม่กลัวอาญาแม้แต่น้อย
ลมหายใจของหลี่จิ้งสั่นระรัว เขาไต่ไล้ริมฝีปากและจมูกล่วงเลยลงมาจนถึงปทุมถันยั่วเย้า หลี่จิ้งชงักเล็กน้อยตั้งใจหลีกเลี่ยงส่วนนี้ของนางไป แต่กลับถูกเป่ยฟางหรงดันกายยัดเต้าอวบของตนเองเข้าปากของเขาเสียแล้ว
“อ๊าา อาจารย์ อาจารย์”
เสียงครางของนางอีกทั้งความนุ่มนิ่มในโพรงปากสัมผัสกับปลายลิ้นของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว หลี่จิ้งผู้อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีงามมาตลอดถูกนางรังแกโดยที่เขาไม่ยินยอมเช่นนี้จึงได้แต่ทอดถอนใจ
เขาตั้งใจคายเต้าของนางออกจากปากแต่ความตั้งใจกับการกระทำกลับสวนทางกันเมื่อนางดันท้ายทอยของเขาลงให้ครอบครองก้อนเนื้อนุ่มของนางให้มากขึ้น
เป่ยฟางหรงเจ้า….
คงเป็นเพียงคำดุด่าที่อยู่ในใจเท่านั้น เพราะบัดนี้หลี่จิ้งไม่อาจระงับกายใจของตนได้อีกต่อไปเมื่อปากของเขาช่างแสนทรยศต่อสมองเป็นอย่างยิ่ง มันกลับดูดกลืนเต้าอวบนั้นเอาไว้ในปากแล้วดูดดันเบา ๆ อย่างพออกพอใจ
นั่นเป็นเพราะเสียงครางหวานใส และอารมณ์ของมนุษย์ที่ทำกำลังมัวเมาเทพผู้สูงส่งเช่นเขา