เป่ยฟางหรงดันศีรษะของหลี่จิ้งที่ตอนแรกเหมือนจะลังเลไม่สัมผัสส่วนเต้าอวบของนาง เพียงจมูกเขาปัดผ่านปลายถันของนางกลับแข็งชันและรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง
เป่ยฟางหรงเพียงสงสัยว่าหากเต้าของนางอยู่ในปากของอาจารย์แล้วจะให้ความรู้สึกเช่นไร นางจึงแอ่นอกท้าทายและป้อนให้เขาถึงปาก เพราะอาจารย์ทำท่าขัดขืนนางจึงเผลอดันศีรษะของเขาลงมา
เพียงริมฝีปากของเขาดูดรวบปลายถันของนางเข้า เป่ยฟางหรงพลันรู้สึกถึงความเสียวซ่านที่แล่นไปทั่วร่างกาย นางอยากจะเอ่ยชมอาจารย์เหลือเกินว่าเหตุใดจึงได้ยอดเยี่ยมในทุกเรื่องเช่นนี้
เป่ยฟางหรงแอ่นปทุมถันของตนเองจนเอวโค้ง นางยกสะโพกเข้าเสียดสีกับมัดกล้ามช่วงหน้าท้องของเขา หลี่จิ้งอ้าปากดูดกลืนเต้าอวบด้วยความตั้งใจ
แรงดูดของเขาไม่นับว่ารุนแรงแต่มากพอจะทำให้เป่ยฟางหรงอ้าปากครวญครางร้องขอให้เขาอย่าได้ยั้งมือ
“อาจารย์เจ้าขาได้โปรดเถิด รุนแรงกับข้าอีกสักนิด”
หลี่จิ้งเกรงว่าตนเองจะทำให้ร่างกายของนางบอบช้ำ จึงลงมืออย่างทะนุถนอม คาดไม่ถึงว่าเป่ยฟางหรงจะไม่ยินดียังร้องขอสิ่งที่มากขึ้น เขาหรือจะกล้าทำให้นางเจ็บหลี่จิ้งจึงกัดฟันเอ่ยว่า
“กำเริบเสิบสาน อาจารย์สั่งให้เจ้าหุบปาก”
เป่ยฟางหรงเกรงว่าหลี่จิ้งจะตำหนินางจนหยุดการกระทำนี้ นางจึงได้แต่กัดปากร้องครางแผ่วเบา ไม่ทำตัวกำเริบเสิบสานอีก
หลี่จิ้งดูดดึงเต้านมของนางอย่างพึงพอใจก่อนจะย้ายปากและลิ้นอันแสนอ่อนนุ่มของเขามาอีกข้าง เป่ยฟางหรงทรมานเป็นอย่างยิ่ง ช่วงกึ่งกลางร่างกายบริเวณกลีบดอกตูมของนางกำลังมีบางสิ่งไหลรินออกมา
เป่ยฟางหรงประหลาดใจที่ตนเองต้องการให้หลี่จิ้งสัมผัสส่วนนั้นเป็นอย่างยิ่ง นางครุ่นคิดทั้งรัญจวนใจว่าจะร้องขอเขาเช่นไรหลี่จิ้งจึงจะไม่คิดว่านางกำลังกำเริบเสิบสาน
เป่ยฟางหรงจึงได้โอบกอดขาของตนเองเข้ากับเอวของอาจารย์ ฉับพลันบริเวณนั้นพลันปะทะกับความแข็งแกร่งของกระบี่ด้ามยาวเป่ยฟางหรงถึงกับดวงตาค้างแข็ง
เมื่อยิ่งเสียดสีนางยิ่งรู้สึกดีคล้ายกับกำลังล่องลอย ทั้งถูกริมฝีปากร้อนผ่าวของอาจารย์ดูดรวบปลายถันอีกทั้งยังแลบลิ้นเลียอยู่เช่นนี้เป่ยฟางหรงยิ่งรู้สึกสุขสมคล้ายจะขาดใจ
“อ๊า อ๊า ข้าเสียวเหลือเกินเจ้าค่ะ”
มือของหลี่จิ้งลากสัมผัสไปจนกระทั่งถึงโคนขาของนาง เขาลูบตรงนั้นแผ่วเบาจนกระทั่งหน้าขาที่เย็นเยียบเริ่มอบอุ่นขึ้น กลิ่นอายมารบนตัวของเป่ยฟางหรงบัดนี้แทบจะหายไปหมดสิ้นแล้ว หลี่จิ้งยังไม่หยุดการกระทำตราบใดที่แผลบนขาของนางยังอยู่เขาย่อมไม่วางใจ
หลี่จิ้งดูดปทุมถันคู่โตของเป่ยฟางหรงสลับไปมา เป่ยฟางหรงจึงเสียดสีเขารุนแรงขึ้น กระทั่งหลี่จิ้งครางออกมาไม่เป็นคำ
“อ๊า หรงหรง เจ้าอย่าได้กำเริบนัก อ๊า อ๊า ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่ได้”
เขาพยายามห้ามนางอย่างเต็มที่ ไม่เช่นนั้นเขาคงได้ล่วงเกินศิษย์ของตนเองเป็นแน่แต่ท่าทางยั่วยุเกินงามและกระทำตามอำเภอใจของนางนี่คือสิ่งใดกัน
“เป่ยฟางหรงเจ้ากำลังหาเรื่องให้ตนเองแล้ว”
“อาจารย์ข้าไม่กลัว ข้าต้องการมีเรื่องกับท่านเจ้าค่ะ อ๊า ดี ดี ยิ่ง ตรงนี้”
เป่ยฟางหรงกัดปาก นางเสียวจนไม่รู้ต้องปลดปล่อยเช่นไร ความหนาวสั่นในกายของนางหายไปแล้วหลงเหลือเพียงความเร่าร้อนที่ยังวนเวียนอยู่ภายในร่างกาย และดูเหมือนว่ามันจะมากขึ้น
“หรงหรง อ๊า อ๊า”
ความเสียวซ่านทุกครั้งที่นางตั้งใจบดเบียดเนื้อนุ่มลงบนกระบี่ของเขา สร้างอารมณ์อันปั่นป่วนให้เกิดขึ้น ยิ่งนางทำเช่นนั้นเขายิ่งดูดเต้าของนางแรงขึ้น และต้องการสัมผัสเป่ยฟางหรงให้มากขึ้น
มือข้างหนึ่งของหลี่จิ้งบีบสะโพกผายกลมของนางแล้วคลาย กระทั่งเขาเผลอลากนิ้วเข้าไปหาเนินเนื้อตูมสีแดงฉ่ำที่เต็มไปด้วยน้ำหวานไหลออกมาไม่ขาดสาย
นิ้วของเขาเปิดเปลือยส่วนนั้นของนาง เป่ยฟางหรงถึงกับร่างกายสะดุ้งในทันใด
“อาจารย์เหตุใดข้าจึงเป็นเช่นนี้ อ๊าาา ทะท่านกดนิ้วลงไปสิเจ้าคะ ดียิ่ง อ๊า ข้าชอบเจ้าค่ะ”
หลี่จิ้งค่อย ๆ กดนิ้วลงไปจนกระทั่งล่วงล้ำเข้าไปในโพรงถ้ำที่ไม่เคยได้รับการรุกรานมาก่อน เป่ยฟางหรงยกสะโพกเข้าหานิ้วของเขา นางเจ็บเล็กน้อยแต่กลับรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
“อาจารย์เจ้าขา ข้าไม่พอ ข้าไม่พอเจ้าค่ะ ท่านกดลึกลงไปอีกจะได้หรือไม่ อื้อ ดูดเต้าของข้าแรง ๆ สิเจ้าคะ”
หลี่จิ้งเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์กรุ่นงดงามของเป่ยฟางหรง เขาจ้องนางราวกับนางคือปีศาจตัวร้ายกัดฟันเอ่ยขึ้นว่า
“เป่ยฟางหรงเจ้ามันคนรนหาที่ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
เป่ยฟางหรงนิ่วหน้า วาจาเผ็ดร้อนตักเตือนของอาจารย์นางย่อมได้ฟังมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้นอกจากเขาจะตำหนิแล้วเขายังกดนิ้วเรียวเข้าไปในถ้ำหวานเยิ้มของนาง
“อ๊าาาา เสียวเหลือเกินเจ้าค่ะ ข้า ข้าต้องขอบคุณอาจารย์หรือไม่”
ในยามนี้เป่ยฟางหรงเริ่มจะมีมารยาทขึ้นมาบ้างแล้ว หลี่จิ้งคิดอย่างยินดีก่อนที่จะอ้าปากรวบปทุมถันของนางเอาไว้และดูดแรงขึ้นตามที่นางร้องขอ