“เจ้าถูกอาคมรัดร่างเช่นนี้ยังกล้าปฏิเสธหรือ ปีศาจชั่วเช่นเจ้าวันนี้ข้าจะสังหารให้สิ้น แม้แต่ศิษย์พี่ก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้”
ในยามนี้ศิษย์ในสำนักต่างได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเป่ยฟางหรง
แม้เรือนแห่งนี้จะถูกหลี่จิ้งกำชับเอาไว้ว่าห้ามผู้ใดเข้ามา แต่เสียงของนางดังเช่นนี้ทุกคนจึงอดที่จะมาดูไม่ได้
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับศิษย์น้องกัน”
สภาพที่พวกเขาเห็นในยามนี้คือ เป่ยฟางหรงถูกพันธนาการด้วยยันต์ร่างกายเต็มไปด้วยเปลวเพลิงเผาไหม้ นอนขดอยู่บนพื้นอย่างทุรนทุราย
“ศิษย์สำนักซินเซวียนทั้งหลาย พวกเจ้าดูเถิดปีศาจร้ายตนนี้แฝงกายอยู่ข้างศิษย์พี่มาเนิ่นนาน บัดนี้ถูกข้าจับได้แล้ว หลักฐานแน่นหนาไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตได้”
บรรดาศิษย์ต่างรุมล้อม หลายคนถึงกับนิ่งอึ้ง ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำแม้แต่คำเดียว
ศิษย์น้องเป่ยฟางหรง คือศิษย์รักของอาจารย์ เพียงนางเอ่ยปากต้องการสิ่งใด อาจารย์ล้วนเสาะหามาให้แม่ต้องพลิกแผ่นดิน
เป็นศิษย์รักเพียงนี้ ใกล้ชิดเพียงนี้ เหตุใดอาจารย์จึงจับพิรุธนางไม่ได้กัน
ในยามนี้เป่ยฟางหรงนอกจากจะดิ้นทุรนทุรายและกรีดร้องแล้วไม่อาจเอ่ยคำแก้ต่างให้ตนเองได้
ด้วยเสียงเอะอะที่เกิดขึ้นทำให้หลี่จิ้งผู้มีหูทิพย์ต้องขอลาผู้อาวุโส เร่งรีบออกมาจากถ้ำทันใด
เมื่อเห็นสภาพของเป่ยฟางหรงใบหน้าของเขาพลันมีเส้นเลือดปูดขึ้นมา
หลิงเสียนเห็นว่าหลี่จิ้งเห็นแล้วว่าเป่ยฟางหรงเมื่อถูกยันต์อาคมของห้าสำนักตรึงเอาไว้แล้วเจ็บปวดเช่นนี้ คงเชื่อคำของนางแล้ว จึงเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี
“ศิษย์พี่ท่านเชื่อข้าหรือยังเจ้าคะว่านางคือปีศาจ ไม่อาจหลุดพ้นยันต์นี้ไปได้”
หลี่จิ้งจึงเอ่ยว่า
“เจ้าถูกนางหลอกแล้ว ผู้ใดก็ได้ไปตามเป่ยฟางหรงที่โรงครัวกลับมาเดี๋ยวนี้ นางถึงขั้นกล้าขัดคำสั่งของข้า สมควรได้รับโทษสถานหนัก”
หลี่จิ้งกล่าวพลางร่ายอาคมไปยังร่างของเป่ยฟางหรงที่นอนดิ้นอยู่บนพื้น และแล้วร่างนั้นก็กลายเป็นดินปั้นตัวหนึ่ง
หลี่จิ้งร่ายอาคมอีกครั้ง ดึงถุงเฉียนคุนออกจากเอว ดินปั้นก้อนนั้นพลันยืนขึ้นอย่างน่ารัก มันทำท่ามึนงงเล็กน้อย แล้วกระโดดลงในถุงเฉียนคุนของหลี่จิ้งทันใด เขาปิดปากถุงและเก็บไว้ที่เอวเช่นเดิม
“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
หลิงเสียนทั้งตกใจ ทั้งมึนงงเป็นอย่างยิ่ง นางต้องขอคำอธิบายจากหลี่จิ้ง ท่ามกลางสายตาศิษย์มากมาย
“หรงหรงแอบขโมยของวิเศษในถุงเฉียนคุนของข้า แล้วลักลอบออกไปโรงครัวเป็นแน่”
หลี่จิ้งเดาไม่ผิด ในขณะที่เป่ยฟางหรงผู้ที่กำลังแทะขาแพะตุ๋นน้ำแกงในโรงครัวอย่างสบายใจ สุดท้ายแล้วก็ถูกศิษย์พี่สองคนจับได้
“ข้าเปล่านะ พวกท่านอย่าบอกอาจารย์นะ ก็ข้ากินไม่อิ่มนี่นา”
ศิษย์พี่ทั้งสองเพียงแต่เอ่ยอย่างขบขัน
“ไปกับศิษย์พี่เถิด อาจารย์อย่างไรก็ไม่กล้าลงโทษเจ้ารุนแรงนักหรอก แต่เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าทำคนคนหนึ่งขายหน้าแล้ว เรื่องนี้หนักหนายิ่งกว่า”
เป่ยฟางหรงไม่เข้าใจ กระทั่งถูกศิษย์พี่ลากมาปรากฏกายต่อหน้าอาจารย์ทั้งที่ปากมันแผล็บ
เป่ยฟางหรงยิ้มแหย ๆ ยังซ่อนขาแพะไว้ด้านหลัง นางอุตส่าห์ให้ตัวตายตัวแทนอยู่ในห้อง อาจารย์เหตุใดกลับมาไวและยังจับนางได้อีก
เป่ยฟางหรงมองไปรอบ ๆ ศิษย์ทั้งสำนักแทบจะอยู่ที่ลานหน้าเรือนของนางกันหมด ทุกคนล้วนมุงดูบางสิ่งอย่างสนใจ แน่นอนว่าบางสิ่งนั้นคือตัวนางเอง
เป่ยฟางหรงหน้าซีด อะไรกัน นางรู้ว่าเวลาอาหารเช้าล่วงเลยมาแล้ว ก็แค่ไปขอให้พ่อครัวทำอะไรให้กินเหตุใดต้องเรียกให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องมารุมนางด้วย
จะใจร้ายกันเกินไปแล้ว
นางมองรอบ ๆ จนกระทั่งสัมผัสสายตาอาฆาตคู่หนึ่งเข้า เป่ยฟางหรงยิ้มหวานหันหลังไปแทะขาแพะในมือจนหมดอย่างรวดเร็ว ถึงจะถูกทำโทษร่างกายต้องอิ่มก่อนเป็นดี
นางหันมามองหลิงเสียน ยกมือขอโทษขอโพย
“อาจารย์อา เหตุใดมองข้าเช่นนี้ ข้าไม่ได้ตั้งใจกินโดยไม่ชวนท่านนะเจ้าคะ”
เมื่อนางหันกลับมาปากยังเลอะไปด้วยคราบของขาแพะ ที่หลี่จิ้งเห็นแล้วถึงกับกุมขมับ
ที่แท้นางกลัวว่าหลิงเสียนจะแย่งของกินในมือหรอกหรือ?