นางบิดกายให้พ้นอ้อมกอดเขาเทพอัคคีไม่อยากลงมือกับนางให้หนักเพราะได้รับปากราชาเหมันต์เอาไว้ เขาจึงทำได้แต่รวบร่างของนางไม่ให้ดิ้นรนตั้งใจพากลับไปยังตำหนักสุริยันต์แล้วค่อยกำราบนางทีหลัง
เป่ยฟางหรงพยายามหลบหลีกแต่ฝ่ามือเย็นอีกทั้งไอเย็นทั้งหลายของนางย่อมใช้ไม่ได้ผลกับเทพอัคคี หากเป็นผู้อื่นคงได้แข็งตายไปแล้ว
สู้กันไปสู้กันมาเจ้ารัดข้า ข้ารัดเจ้าอย่างแนบสนิท ทั้งถงถงและหยีจวนที่มองดูพวกเขาอยู่ถึงกับหน้าแดง
“ถ้าพวกท่านจะกอดรัดกันเช่นนี้ก็ขึ้นเตียงให้จบ ๆ ไปเถิด”
ในที่สุดถงถงก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว บัดนี้ไม่ใช่แค่มีถงถงและหยีจวนเท่านั้น บรรดาเทพหลายองค์ก็แอบลอบดูอยู่ห่าง ๆ เห็นการต่อสู้ที่ค่อนข้างถึงเนื้อถึงตัวเช่นนั้นต่างก็ใจเต้นใบหน้าแดงก่ำ
“ข้าอยากเป็นฝ่าบาทน้อยนางนั้นเหลือเกิน ได้ตกอยู่ในอ้อมกอดของเทพอัคคีเช่นนั้นแม้วิญญาณสลายก็คุ้มแล้ว”
“ดูเทพอัคคีสิช่างดุดันสมคำร่ำลือเสียจริง”
ในที่สุดเป่ยฟางหรงก็เป็นฝ่ายแพ้ เทพอัคคีพาร่างของนางมายังตำหนักสุริยันทันใด เขามัดนางไว้ด้วยเชือกอัคคีจนนางดิ้นไม่หลุด หลังจากนั้นก็จับนางโยนเอาไว้ที่ตำหนักหลังห้ามผู้ใดเข้าใกล้จนกว่านางจะสงบจิตใจ
“เจ้าเทพบ้าปล่อยข้านะ ปล่อยข้าหยีจวนช่วยข้าด้วยแก้มัดให้ข้าที”
หยีจวนถูกถงถงกักตัวเอาไว้ เขาเพียงแต่แตะโดนขนของถงถงกิเลนไฟร่างก็ละลายแล้วจึงไม่มีปัญญาที่จะช่วยฝ่าบาทน้อยของเขา ได้แต่น้ำตาตกมองนางอย่างห่วงใยอยู่ห่าง ๆ
“ฝ่าบาทน้อยข้าไม่ไปที่ใดจะนั่งเฝ้าท่านอยู่ตรงนี้”
“เจ้าไม่ไปข้าก็ไม่ไป” ถงถงเอ่ยจบแล้วหมอบอยู่ข้าง ๆ หยีจวน
หยีจวนขยับออกห่างกิเลนไฟอีกหน่อยด้วยกลัวว่าตนเองจะถูกหลอมละลายหากเผลอโดนสัตว์เทพตัวนั้นเข้า เขานั่งเฝ้าเป่ยฟางหรงฟังนางกรีดร้องจนนางหลับไปในที่สุด
“ฝ่าบาทน้อยที่น่าสงสารของข้า”
“น่าสงสาร นางน่ะนะน่าสงสารหูข้าแทบแตกแล้วเพราะเสียงกรีดร้องของนางเจ้านี่ช่างเป็นทาสที่ซื่อสัตย์เสียจริงทนนางผู้นี้ได้อย่างไร ถ้านางไม่ใช่ลูกศิษย์ของเจ้านายข้านะ ข้าไม่มีทางไว้หน้านางเป็นอันขาดคงเผานางตายไปตั้งนานแล้ว”
“เจ้าบังอาจ”
“ทำไมเจ้าจะทำไม” ถงถงจ้องเขาหยีจวนได้แต่กัดฟันถอยอย่างไรเขาก็เป็นแค่น้ำแข็งก้อนหนึ่งจะสู้กิเลนไฟที่มีไฟโลกันตร์อยู่รอบกายได้อย่างไร
ทางฝ่ายราชาเหมันต์ได้เดินทางมาถึงแดนสวรรค์แล้ว เขาเห็นฤทธิ์เดชที่บุตรสาวก่อไว้ก็ได้แต่น้ำตาตก กล้ำกลืนความเสียใจช่วยสลายพลังน้ำแข็งปลดปล่อยเทพเซียน หลังจากนั้นก็ติดตามนางไปที่ตำหนักสุริยันต์ของเทพอัคคี
เทพอัคคีมองเขาอย่างเห็นใจ อย่างไรเสียเขาก็นับถือราชาเหมันต์เป็นอย่างมาก เรื่องใดที่พอจะช่วยเหลือได้เขาก็จะพยายามทำเต็มที่
“ท่านราชาเหมันต์ไม่ต้องกังวลข้าเป็นอาจารย์ของนางอย่างไรเสียก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ท่านกลับไปก่อนเรื่องอื่นข้ารับผิดชอบเอง”
“แล้วนางเล่า”
“วางใจเถิดอย่างไรนางก็เป็นศิษย์ของข้าข้าย่อมไม่ปล่อยให้นางได้รับอันตรายแน่นอน”
“ข้าคงต้องไปพบองค์เง็กเซียนเพื่อขอขมาแทนนางแล้ว ฝากซ่างเสินดูแลและกำราบนางด้วยข้ายอมรับว่าข้าด้อยสามารถไม่สามารถดูแลนางได้จริง ๆ จิตมารในกายนางเข้มแข็งนักเกรงว่าหากไม่มีท่านสามโลกคงไม่พ้นภัยพิบัติเป็นแน่”
“ความจริงจิตมารของนางยังคงสงบ” เทพอัคคีเอ่ยขึ้น
“แล้วเหตุใดนางจึงก่อเรื่องถึงขั้นนี้เล่าหากไม่ใช่เพราะจิตมารในกาย”
“นางแค่ถูกเลี้ยงดูและตามใจมากไปหน่อยจึงเกิดความ ดื้อรั้นเช่นนี้”
“แค่ก แค่ก ” องค์ราชาถึงกับสำลักเมื่อถูกเทพอัคคีตำหนิโดยตรงเช่นนี้
“เช่นนั้นข้าก็รบกวนท่านแล้ว”
กล่าวจบราชาผู้เลี้ยงดูบุตรสาวจนเสียนิสัยก็หายตัวไปทันใด