หยีจวนเช็ดน้ำตาตนเองกล่าวไปสะอื้นไป
“เดิมทีอยู่ที่วังเหมันต์ฝ่าบาทน้อยไม่เคยได้รับความลำบากแม้แต่น้อย ครานี้ถูกจับมัดเช่นนี้ข้าก็ย่อมเป็นกังวล ข้าน้อยเห็นนางปรับตัวได้รวดเร็วเช่นนี้ก็ดีใจมาก ขอบคุณท่านเทพอัคคีที่เมตตา ขอบคุณท่านถงถงผู้เก่งกล้าที่มีน้ำใจประเสริฐยิ่ง”
หยีจวนคุกเข่าโขกศีรษะให้คนทั้งสอง แล้วร้องขอความเมตตามากขึ้น
“ท่านเทพขอรับว่าแต่ว่าท่านจะจับฝ่าบาทน้อยมัดเช่นนี้อีกนานเท่าใด หากนางตื่นขึ้นแล้วเกิดหิวที่นี่มีของจำพวกน้ำแข็งทิพย์ หรือ อาหารเย็น ๆ หรือไม่ หรือจะเป็นพวกบะหมีเย็นที่ไม่ใส่ผักพวกนั้นก็ได้ขอรับ ฝ่าบาทน้อยไม่เรื่องมากกินอาหารแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น”
“สร้างความวุ่นวายเพียงนี้ยังร้องขอนั่นนี่ เจ้าเห็นแดนสวรรค์เป็นโรงเตี๊ยมหรือ ข้าลงโทษนางห้ามกินอะไรสามวันนอกจากน้ำและจับนางมัดอยู่เช่นนี้ห้ามแก้มัดจนกว่าข้าจะมีคำสั่ง”
“ทะท่านเทพอัคคีท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ ท่านเทพขอรับ”
“ท่านถงถงผู้ยิ่งใหญ่ช่วยฝ่าบาทน้อยด้วยขอรับ จะปล่อยให้นางหิวไม่ได้ฝ่าบาทของข้าตัวเล็กเท่านี้ ยังต้องเติบโตอีกมาก อย่าทรมานนางเลย ลงโทษหยีจวนขอรับ ลงโทษหยีจวนแทนนางขอรับ หยีจวนไม่กินไม่ดื่มขอรับผิดแทนนาง ขอรับผิดแทนฝ่าบาทน้อยเอง”
เทพอัคคีนั้นหายไปแล้วไม่รอฟังเขาพร่ำวาจาไร้สาระ ในขณะที่ถงถงเดินไปเดินมารอบกายของหยีจวน
“เจ้านี่นะไร้สมองหรืออย่างไร นายท่านปราณีนางมากแล้วหาไม่นางได้ถูกนักรบสวรรค์จับเข้าคุกไปแล้ว นี่เพราะทุกคนเห็นแก่หน้านายท่านจึงไม่ลงมือ ลงโทษแค่นี้นับว่านายท่านเห็นฝ่าบาทน้อยของเจ้าเป็นศิษย์แล้ว นายท่านของข้าที่ผ่านมาหาได้เคยออกหน้าแทนผู้ใดฝ่าบาทน้อยของเจ้าสร้างเรื่องถึงเพียงนี้หากไม่ได้เขาสภาพตอนนี้จะยังคงหลับอย่างมีความสุขอีกทั้งยังกรนเสียงดังได้เช่นนี้หรือ”
“ข้า ข้า ฮือ ฮือ แต่ฝ่าบาทน้อยของข้า ฮือ ฮือ เพราะข้าเองเพราะข้าไร้ความสามารถไม่สามารถยับยั้งนางได้ ทั้งหมดลงโทษข้าลงโทษข้าแทน ท่านถงถงผู้เกรียงไกรช่วยพูดกับเทพอัคคีให้ปล่อยนางที หรือหากไม่ให้ข้าวก็ให้น้ำทิพย์แทนได้หรือไม่ ท่านผู้ใจบุญ ท่านผู้เก่งกาจช่วยข้าที ฮือ ฮือ ฮือ”
ถงถงเริ่มรำคาญแทบอยากจะพ่นไฟละลายเจ้าก้อนน้ำแข็งก้อนนี้ให้พ้นหูพ้นตา หากไม่เห็นแก่คำยกยอของเขาที่ออกมาจากใจเสียก่อน
เทพอัคคีออกจากตำหนักสุริยันต์ตรงไปยังสถานที่หนึ่งที่เขาไม่เคยได้ก้าวเหยียบมาก่อนเลยในชีวิต
“หอลงทัณฑ์”
ด้านหน้าเป็นศิลาสูงเมื่อเงยหน้าขึ้นไปไม่สามารถเห็นได้ว่าศิลานี้สิ้นสุดอยู่ที่ใด ทันทีที่เขาเหยียบเท้าลงด้านหน้าศิลาแห่งนั้นเสียงของคนผู้หนึ่งพลันดังขึ้น
“ทำผิดย่อมถูกลงทัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นเทพชั้นไหนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง รายงาน”
เทพอัคคีคุกเข่าลง ประสานมือเข้าด้วยกัน “ข้าน้อยหลี่จิ้งเทพอัคคีหาได้ดูแลศิษย์ให้ดีจนนางก่อความเดือดร้อนบนสรวงสวรรค์ วันนี้มารับทัณฑ์ด้วยตนเอง”
จากนั้นเสียงดังก้องจากศิลาสูงก็ดังขึ้น
“เทพอัคคีหลี่จิ้งบัดนี้ยินยอมรับทัณฑ์สวรรค์แทนศิษย์ของตน ฟ้าดินตัดสินรับทัณฑ์สายฟ้าฟาดสามครั้งเพื่อสำนึกในความผิดที่ศิษย์ของเจ้าได้กระทำ”