หลังจากถูกเทพอัคคีทรมานอยู่ในตำหนักสุริยันต์มาหลายวันในที่สุดเป่ยฟางหรงก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ จะว่าอิสระนั้นก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากนักเมื่อในตอนนี้ที่ข้อมือของนางกลับมีเชือกอัคคีอันเล็กรัดอยู่
“เจ้าเชือกบ้านี่จะตามติดข้าไปถึงเมื่อใด ข้าเป็นถึงฝ่าบาทน้อยแห่งแดนเหมันต์จะไม่บังอาจเกินไปหรือ”
ไม่ว่านางจะทำเช่นไรก็ไม่อาจตัดเชือกอัคคีขาดได้ กระทั่งนางแผลงฤทธิ์ก็ถูกเจ้าเชือกนี่รัดร่างกายอีก เป่ยฟางหรงอัดอั้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง วิ่งไปหาเรื่องกับหลี่จิ้งที่กำลังมอบหมายงานของตนให้เทพองค์อื่นถึงตำหนักหารือ
นางยังไม่ทันได้ย่างเท้าเข้าไปด้านในก็ถูกเชือกอัคคีรัดจนเจ็บไปหมด กระทั่งวาจาก็ไม่อาจเอ่ยออกมาได้เนื่องจากถูกเทพอัคคีใช้คาถาปิดวาจากับนาง กระทั่งเขายังย้ายร่างนางกลับไปตำหนักหลังดังเดิม
“หากเจ้ายังไม่หยุดดื้อรั้นข้าจะสั่งขังเจ้าจนกว่าจะถึงเวลาที่เราสองคนต้องลงไปยังแดนมนุษย์”
เสียงเย็นชาที่ส่งโดยตรงมายังโสตประสาทของนางทำให้คนที่ไม่อาจอ้าปากได้ถึงกับชะงัก ตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่คนที่ชื่อว่าอาจารย์ไม่โผล่มาให้นางเห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียว แถมยังสั่งนางฉอด ๆ โดยผ่านทางจิตอีก
“ท่านเป็นอาจารย์ประสาอะไรไม่ดูดำดูแดงศิษย์เช่นนี้ ข้าไม่นับท่านเป็นอาจารย์แล้ว”
“ที่ผ่านมาเจ้าเคยนับข้าด้วยหรือ ต่อไปนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าในฐานะอาจารย์ผู้เข้มงวดอย่างแท้จริง”
และเสียงนั้นพลันหายไป
หยีจวนเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำแข็งทิพย์และบะหมี่เย็นที่ตนเองตั้งใจทำให้ฝ่าบาทน้อยด้วยความยากลำบาก ด้วยตำหนักอัคคีนี้มีความอบอุ่นแทบจะทุกพื้นที่
การทำบะหมี่เย็นในสถานที่แห่งนี้ช่างยากลำบากนัก ทำเสร็จต้องรีบนำมาให้ฝ่าบาทน้อยเสวยมิเช่นนั้นบะหมี่ของเขาจะกลายเป็นบะหมี่อุ่นโดยทันที
ด้วยคนในตำหนักเหมันต์ต้องดื่มกินของเย็นตลอดทั้งปี ร่างกายจึงไม่อาจรับอาหารอย่างอื่นได้ เช่นนี้เขาจึงห่วงองค์หญิงเป็นอย่างยิ่งหากนางต้องลงไปยังโลกมนุษย์จริง ๆ กระทั่งคิดว่าตนเองคงต้องแอบติดตามไปถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตเพื่อดูแลนางโดยเฉพาะ
“หยีจวนตอนข้าหลับเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาทำอันใดกับข้า เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าพลังในร่างถดถอยเช่นนี้”
เป่ยฟางหรงทั้งพยายามอย่างเต็มที่นางกลับไม่สามารถที่จะใช้อาคมของตนเองได้อย่างที่ต้องการ
“ที่นี่เป็นตำหนักสุริยันต์ย่อมส่งผลต่อฝ่าบาทน้อยขอรับ กระทั่งตัวข้ายังต้องคอยระแวงไม่อาจแตะสิ่งใดส่งเดชมิเช่นนั้นร่างกายอาจถูกทำละลายได้”
“ข้าคิดว่ามันต้องมีบางสิ่งนอกจากนี้ ดูสิกระทั่งเชือกอาคมกระจอก ๆ นี่ข้ายังไม่สามารถตัดมันขาดได้”
กล่าวจบเป่ยฟางหรงก็พยายามเพ่งจิตอย่างเต็มที่เพื่อตัดเชือกอาคมของเทพอัคคี กระทั่งเหงื่อซึมเต็มหน้าผากนางก็ยังทำลายมันไม่สำเร็จ
“ฝ่าบาทน้อยอย่าทรงพยายามเลย เหนื่อยเปล่า”
ถงถงกระโดดเข้ามาในห้อง แล้วเดินวนรอบร่างของนาง เมื่อนางพยายามจะใช้พลังของตนเองทำให้เชือกอัคคีขาด
“เจ้าตัวประหลาดบอกมาเทพบ้านั่นทำอันใดกับข้าเหตุใดข้าจึงใช้พลังของข้าไม่ได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่ามดปลวกบนสวรรค์ข้าก็ไม่อาจสังหารได้”
ถงถงอ้าปากหาวแล้วหมอบอยู่ข้าง ๆ ร่างของนาง
“เรื่องนี้เหตุใดไม่ถามนายท่านเล่า”
“จะให้ถามเขาหรือ นายท่านของเจ้าวัน ๆ ทำตัวเป็นเด็กปัญญาอ่อนเล่นซ่อนหากับข้าทั้งวันจะเอาเวลาใดไปถามเขาเล่า”
ถงถงหาวอีกครั้ง ไม่รู้เป็นอันใดฟังน้ำเสียงหวานใสของจอมมารน้อยตัวนี้แล้วง่วงเหงาหาวนอนทุกที