“เจ็บหรือ ข้าหาได้เจ็บไม่ข้าเพียงแต่กำลังซาบซึ้งในรสชาติของร้อนที่แสนอร่อย”
หยีจวนยังไม่เข้าใจ เป่ยฟางหรงเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า หลังจากนั้นประกายไฟอันเจิดจรัสพลันปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
“หยีจวนเจ้าเหตุใดไม่เคยบอกข้า ว่าในโลกนี้มีอาหารที่เลิศรสอยู่เช่นนี้”
“อะ อาหารหรือฝ่าบาท”
“ใช่ สิ่งนี้ของเจ้าอร่อยยิ่งหยีจวนเจ้าเหตุใดปกปิดข้า”
“ข้าน้อย คือ..”
ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นความผิดของหยีจวนแล้วเกิดมาเขาก็ไม่เคยรู้ว่าของร้อนอร่อยด้วยตนเองก็กินแต่หิมะและของเย็นจืดชืดมาตลอดชีวิตเช่นกัน
เป่ยฟางหรงแย่งชามบะหมี่ในมือของถงถงมาถือไว้เอง นางยังหันหลังให้เขาอย่างหวงแหนยกบะหมี่ชามนั้นซดจนเกลี้ยงภายใต้สายตาตกตะลึงของหยีจวน
“ฝ่าบาทอร่อยหรือ?”
“เจ้าดูไม่ออกหรือทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้าที่ให้ข้ากินของเย็นจืดชืดมาตลอดชีวิต หากข้าไม่อยากลองดูทั้งชีวิตนี้คงได้พลาดสิ่งดีงามเป็นแน่ ไปหยีจวนนำทางข้า”
“ปะไปที่ใดขอรับ”
“โรงครัวของตำหนักสุริยันต์อยู่ที่ใดกัน”
ถงถงฟังที่นางเอ่ยถึงกับหัวเราะออกมา ชีวิตที่เกิดมาของเขานั้นมีนายผู้สง่างามคือเทพอัคคีจึงมักจะคิดว่าเจ้านายตำหนักอื่นก็คงมีท่าทางไม่ต่างกันกับนายตน
เทพบนสรวงสวรรค์ก็ล้วนสง่าผ่าเผยแต่ฝ่าบาทน้อยผู้นี้นอกจากเขาจะหาความสง่าของนางไม่พบ ยังค้นพบอีกว่าที่แท้นางก็เป็นแค่คนตะกละผู้หนึ่ง
หยีจวนนำทางนางอย่างทึมทื่อไปที่โรงครัว กระทั่งนางก้าวเข้าไปด้านในกลิ่นที่แตกต่างกันของอาหารและสัมผัสแห่งความหอมละมุนในส่วนประกอบอันล้ำค่าต่าง ๆ โชยเข้าจมูกทำให้เป่ยฟางหรงสนใจเป็นอย่างมาก เพียงแค่คิดนางก็น้ำลายสอแล้ว
นางกอดอกแล้วตะโกนออกไป
“ผู้ใดคือผู้ดูแลโรงครัวแห่งนี้แสดงตัวให้ข้าเห็นบัดเดี๋ยวนี้”
เงียบ….
นางตะโกนออกไปอีกครั้งด้วยประโยคเดิมแต่ก็ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมาหาได้มีผู้ใดแสดงตนแต่อย่างใด เป็นไปได้อย่างไรที่โรงครัวของตำหนักเทพผู้ยิ่งใหญ่จะไม่มีเทพรับใช้คอยดูแล
“ฝ่าบาทน้อยจะทำสิ่งใดขอรับ”
หยีจวนถามเสียงอ่อน เขาเข้ามาที่โรงครัวหลายครั้งตั้งแต่ฝ่าบาทของเขาถูกจับมาขังอยู่ที่นี่ ทุกครั้งที่เข้ามาล้วนเป็นไปอย่างนอบน้อมจะเดินจะยืนล้วนตัวเล็กตัวน้อยเกรงจะไปทำให้เจ้าถิ่นขัดหูขัดตาเข้า
แต่การมาของฝ่าบาทน้อยกลับทำให้ทุกเรื่องที่เขาได้กระทำไว้พังลงมาเสียแล้ว
เป่ยฟางหรงเท้าสะเอวคิดจะแช่แข็งโรงครัวนี้เสียเป็นการสั่งสอนที่ไม่มีผู้ใดรับคำสั่งของตนดีหรือไม่กระทั่งเห็นสมควรแล้วที่จะลงโทษพวกเขา อย่าหาว่านางใจร้ายกับเทพตัวเล็ก ๆ เลย
นางวาดฝ่ามือส่งพลังไปที่คนเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่ากลับไม่เกิดสิ่งใดขึ้น กระทั่งนางเริ่มมีโทสะเมื่อคิดขึ้นได้ว่าบัดนี้พลังของตนเองถูกอาจารย์ผู้โหดร้ายปิดผนึกไว้เสียแล้ว
เมื่อไม่รู้ต้องทำเช่นไรเป่ยฟางหรงจึงมองไปรอบ ๆ คว้ากระทะมาใบหนึ่งอีกทั้งตะหลิวอันหนึ่งโยนให้หยีจวน
“ฝะ ฝ่าบาททรงอยากเสวยสิ่งใดขอรับ”
“เจ้าทำสิ่งใดก็ได้ที่ไม่ใช่ของเย็นมาให้ข้า”
“ข้าน้อยทำเป็นแค่บะหมี่เย็นอย่างเดียวขอรับ”
เดิมทีหยีจวนก็หาใช่คนที่จะทำครัวเป็นอยู่แล้ว วิชาการทำอาหารของเขาก็มีเพียงบะหมี่เย็นอย่างเดียวที่ได้ร่ำเรียนติดตัวมาเพื่อเอาตัวรอด
“ไม่ได้เรื่อง”