“เหตุใดสร้างเรื่องอีก เจ้าต้องการให้ข้าจับมัดอีกหรืออย่างไร”
เทพอัคคีผู้ยังมีใบหน้าดำคล้ำมองนางอย่างเอาเรื่อง แต่สตรีผู้นั้นเป็นประเภทต่อให้ตีให้ตายฝีปากยังกล้า กลับต่อปากต่อคำไม่มีที่สิ้นสุด
“อาจารย์ท่านรับปากท่านพ่อว่าจะดูแลข้าให้กินอิ่มนอนหลับไม่ใช่หรือ ท่านหลบหน้าข้า ข้าไม่สนใจแต่ท่านจะผิดคำพูดทำให้ข้าลำบากเรื่องอาหารการกินไม่ได้เด็ดขาด”
หยีจวนยังคงตีหม้อไม่หยุด กระทั่งเทพอัคคีซัดลูกไฟใส่เขาลูกหนึ่ง หยีจวนน้ำตาไหลพรากด้วยร่างของตนเองเริ่มละลาย
เป่ยฟางหรงพยายามที่จะช่วยเขาแต่พลังของนางไม่มีแล้ว สุดท้ายจึงได้กระโดดกอดหยีจวนส่งไอเย็นจากกายตนเองดับไฟอัคคีที่เริ่มหลอมละลายร่างของเขากระทั่งไฟดับลงในที่สุด
หลี่จิ้งผู้เป็นอาจารย์เห็นเป่ยฟางหรงทำเช่นนั้นใบหน้าพลันมืดคลึ้มลงไปอีก
“เหลวไหล ไม่รู้จักแบ่งแยกชายหญิง ทำเรื่องเสื่อมเกียรติเทพชั้นสูง ถงถงเจ้าพาหยีจวนออกไปให้ไกลต่อไปจับตาดูให้ดี อย่าให้นางทำเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้อีก”
กล่าวจบเขาก็ใช้พลังแยกร่างของเป่ยฟางหรงออกให้กลับมายืนอยู่เบื้องหน้าเขา เป่ยฟางหรงหงุดหงิดทั้งโกรธที่ถูกตำหนิจนแทบจะกระโดดกัดศีรษะของเขา
“ขอรับ”
ถงถงลุกขึ้นร่ายอาคมเพื่อพาหยีจวนออกไปทันใด หยีจวนเพียงแค่มองสบตาอันเปี่ยมล้นไปด้วยเพลิงอัคคีของหลี่จิ้งก็พลันตัวสั่น นี่เขาทำความผิดที่ร้ายแรงเพียงนั้นหรือ
เป่ยฟางหรงไม่พอใจนางตะโกนใส่หน้าเทพอัคคีผู้สูงส่ง
“ท่านจะเอาอย่างไรกับข้า ข้าวก็ไม่ได้กิน คนของข้าท่านก็ทำร้าย กระทั่งปกป้องบ่าวข้ายังทำไม่ได้ ท่านมันคนใจดำอำมหิต”
พูดจบนางก็นั่งลงร้องไห้คล้ายเด็กที่ถูกขัดใจ พลังเสียงของนางทำให้เขาปวดหูเป็นอย่างยิ่ง ด้วยมีงานสำคัญรอเขากลับไปสะสาง หลี่จิ้งจึงไม่อาจรั้งอยู่กับนางได้ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้
“เอาล่ะ ๆ พอได้แล้ว ต่อไปอยากกินอะไรก็บอกซ่างเซินแล้วกัน เขาดูแลห้องครัวของข้า”
เป่ยฟางหรงกำลังยกมือปิดหน้าแสร้งร้องไห้คลี่นิ้วของตนเองออก มองเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของเขาก็กระแอม
“จริงนะ อาจารย์ไม่โกหกข้า”
“อืม ขอเพียงเจ้าไม่ก่อเรื่อง” หลังจากนั้นหลี่จิ้งก็ตะโกนเรียกคนผู้หนึ่ง
“ซ่างเซิน ออกมา”
เทพผู้น้อยนามซ่างเซินรูปร่างอ้วนพีปรากฏกายทันใดในมือของเขาถือมีดและสวมผ้ากันเปื้อนเรียบร้อย ใบหน้ากลมของเขาแย้มยิ้มดูเป็นมิตรและนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง
“นายท่าน”
“เจ้าดูแลนาง ต่อไปนางอยากกินอะไรก็ตามใจอย่าให้นางก่อเรื่องทำเสียงรำคาญอีก”
กล่าวจบหลี่จิ้งก็ย้ายร่างไปทันใด ซ่างเซินมองเป่ยฟางหรงประเมินสถานะของนางได้อย่างรวดเร็ว คนผู้นี้นับว่าเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่นายท่านอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในตำหนักสุริยันต์ มิหนำซ้ำยังส่งนางมาถึงห้องครัวอันเป็นสถานที่ คนนอก ไม่น่าจะเข้ามาได้
ดังนั้นนางต้องเป็นคนที่มีความสำคัญต่อตำหนักสุริยันต์อย่างแน่นอน หรือ นางจะกลายมาเป็นนายหญิงของตำหนักแห่งนี้ก็เป็นได้
ใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้วแผ่นหลังของซ่างเซินยิ่งโค้งต่ำลงไปแทบจะจรดพื้นด้วยความนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านเทพผู้น้อยนามซ่างเซิน เป็นพ่อครัวของตำหนักสุริยันต์ ท่านอยากกินสิ่งใดแจ้งข้าน้อยได้”
“พูดมาก มีสิ่งใดที่อร่อยก็รีบทำมาได้ยินเสียงท้องของข้าร้องหรือไม่หิวจะแย่แล้ว”
เมื่อเทพอัคคีไม่อยู่ ท่าทางสง่าผ่าเผยของเป่ยฟางหรงก็กลับมาทันใด
“ขอรับ เชิญท่านเทพนั่งรอเสี่ยวเซียนสักครู่”