หนึ่งร้อยปีต่อมา
เพราะเป็นหิมะที่เกิดจากจิตมารอันแข็งแกร่งกว่าเทพอัคคีหลี่จิ้งจึงใช้เวลากว่าร้อยปีเพื่อละลายน้ำแข็งจนหมดสิ้น สรรพสิ่งเกิดใหม่ โลกมนุษย์กลับสู่ความสงบได้ไม่นานเผ่ามารถือกำเนิดดวงวิญญาณชั่วร้ายน้อยใหญ่เล็ดลอดจากการถูกจับสร้างความเดือดร้อนให้เผ่ามนุษย์
กว่าจะทำงานใช้แรงงานสำเร็จก็เหนื่อยมิใช่น้อยเทพอัคคีจึงคิดว่าต่อนี้อีกสามร้อยปีเขาจะไม่ทำสิ่งใดอีก เรื่องปราบมารปราบปีศาจก็ยกให้เป็นหน้าที่ของทัพสวรรค์ไปคงต้องถึงเวลาลาพักร้อนเพื่อฟื้นฟูดวงจิตอันเหนื่อยล้าของตนเอง
เมื่อกลับมายังตำหนักสุริยันได้ไม่ถึงครึ่งถ้วยน้ำชากิเลนไฟน้อยถงถงสัตว์เทพรับใช้ของเขาก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“นายท่านขอรับ ท่านเทพหยีหนิงพร้อมด้วยเทพเซียนนับสิบนำพระบัญชาองค์เง็กเซียนมาขอรับบัดนี้อยู่ด้านหน้าตำหนักแล้ว”
เป็นที่รู้กันดีว่าตำหนักสุริยันของเทพอัคคีล้วนรายล้อมด้วยไฟโลกันตร์หากไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาแม้จะเป็นเทพเซียนชั้นสูงก็อาจจะถูกไฟโลกันตร์เผาดวงจิตจนแตกดับ ดังนั้นตำหนักสุริยันต์จึงเป็นตำหนักต้องห้ามของเทพทั่วไปที่แทบจะไม่มีใครย่างกายเข้ามา
“นี่ฝ่าบาทจะไม่ให้ข้าพักเลยหรืออย่างไร ทั่วทั้งแดนสวรรค์นี้หาได้ไร้ซึ่งเทพที่เก่งกาจมากมายเหตุใดจึงมีพระราชโองการมาถึงข้าอีก”
หลี่จิ้งที่อ่อนล้าเป็นอย่างยิ่งบัดนี้ดวงตาแทบจะไฟลุก เขาเหนื่อยอ่อนเช่นนี้ยังจะได้รับคำสั่งอันใดอีก แทบจะให้คนไปจับโยนเทพหยีหนิงออกจากตำหนัก
กิเลนไฟรู้อารมณ์เจ้านายเป็นอย่างดี เขาไม่รู้ว่าเทพหยีหนิงนำสิ่งใดมาแต่คิดว่าการที่ตนเองทำงานสำเร็จเทพอัคคีมักให้รางวัลเป็นน้ำพุเย็นแห่งสระเหมันต์อันหายากหาเย็นอยู่เสมอ บัดนี้เทพอัคคีทำงานใหญ่สำเร็จช่วยให้สามภพหลุดพ้นจากการถูกแช่แข็งย่อมได้รับรางวัล เขาจึงพูดออกไปโดยยึดเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่
“อาจจะพระราชทานรางวัลก็เป็นได้นะขอรับ หรือไม่ก็เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์จะยกให้ท่านเพื่อบำเพ็ญเพียร”
เทพอัคคียกมุมปากคำกล่าวของเจ้ากิเลนน้อยถงถงมีเหตุผลอยู่มาก เรื่องนี้เขาเปรยกับฝ่าบาทออกมาแล้วพระองค์น่าจะทรงจดจำได้ ใบหน้าของเทพอัคคีพลันเปลี่ยนสีถงถงเหมือนจะไม่เห็นเพลิงไฟในดวงตาของเจ้านายแล้ว
“แดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อกักตนหรือ อาจจะเป็นได้ข้าเหนื่อยล้ายิ่งร้อยปีที่ผ่านมาไม่มีวันใดที่จะหยุดมือเลยเช่นนั้นเจ้ารีบเปิดทางนำเชิญราชโองการเถิด”
“ขอรับ”
กิเลนไฟน้อยกระโดดพรวดเดียวก็ถึงหน้าตำหนัก เขาหมุนกายอย่างว่องไวดูดไฟโลกันตร์ที่รายล้อมด้านหน้าเข้ามาหาตนเองไม่นานไฟโลกันตร์นั้นก็ถูกดูดจนหมด ประตูใหญ่ถูกเปิดออก
เทพหยีหนิงซึ่งมีฐานะเป็นถึงหลานขององค์เง็กเซียนนำเชิญราชโองการด้วยตัวเองนับว่าเทพอัคคีได้รับเกียรติอย่างสูงสุด กิเลนไฟเห็นดังนั้นก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวของเจ้านายเป็นอย่างยิ่ง
“เชิญท่านเทพขอรับ”
หลังจากเทพหยีหนิงพ้นประตูตำหนักกิเลนไฟน้อยก็พ่นไฟออกมาพริบตาประตูด้านหน้าก็ร้อนระอุถูกปกคลุมด้วยไฟโลกันตร์ทันใด เทพหยีหนิงกระโดดห่างออกมาเทพไม่ทันเกือบจะโดนเผาไปแล้ว
กิเลนไฟเห็นท่าทางเต้นหย็องแหย็งประหลาดนั่นพลันขมวดคิ้วเทพหยีหนิงกระแอมด้วยรู้สึกว่าความสง่าราศีรที่มีของตนเองลดน้อยลงไปมากจึงยืดอกขึ้นเห็นกิเลนไฟตัวน้อยแต่ฤทธิ์เดชมากตนนั้นแยกเขี้ยวน้ำลายยืดลงไปถึงพื้นดูน่ากลัวยิ่ง
แม้ว่าเทพหยีหนิงจะเป็นหลานชายขององค์เง็กเซียนแต่อายุขับยังห่างจากกิเลนไฟหลายหมื่นปีอีกทั้งเขาไม่ใช่เทพสงครามโดยกำเนิดตะบะที่มีย่อมเทียบกับสัตว์วิเศษของเทพผู้หญิงใหญ่อย่างเทพอัคคีไม่ได้ ภายในใจก็รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อย อย่างไรเสียกิเลนไฟก็คือสัตว์ตนหนึ่งที่อาจคลุ้มคลั่งขึ้นมาเมื่อใดก็ได้
ที่แท้แล้วกิเลนไฟหาได้แยกเขี้ยวแต่ประการใด เขากำลังส่งยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดให้เทพหยีหนิง การที่คนสำคัญอัญเชิญราชโองการของผู้เป็นเจ้าครองสวรรค์มาด้วยตนเองเช่นนีัเขาต้องประพฤติตนให้เทพหยีหนิงประทับใจ ไม่คาดคิดว่าสิ่งที่ตนเองแสดงออกจะทำให้ท่านเทพผู้หญิงใหญ่หวาดเกรงได้
เขายิ้มเสร็จก็เดินนำหน้าด้วยท่าทางองอาจเข้าไปภายในตำหนัก ตำหนักแห่งนี้ถึงจะเต็มไปด้วยเพลิงอัคคีแต่ภายในกลับดูอบอุ่นและสงบเป็นอย่างยิ่ง เดินมาจนถึงกระทั่งเบื้องหน้าบรรยาเซียนไฟน้อยใหญ่ต่างตั้งแถวรอรับเขาโดยพร้อมพรั่ง กระทั่งเห็นเทพอัคคีนั่งอยู่ด้านหน้าบนแท่นประธาน
เทพหยีหนิงทำความเคารพเทพอัคคีตามศักดิ์ที่สูงกว่า เทพอัคคีไม่รอช้าถึงใบหน้าจะไม่แสดงอารมณ์แต่นับได้ว่าใบหน้าสดชื่นยิ่งนัก หลังกล่าวทักทายกันสองสามประโยคเทพหยีหนิงจึงเอ่ยว่า
“ตำหนักซ่างเสินช่างคึกคักยิ่ง เทพไฟ เซียนไฟน้อยใหญ่อยู่พร้อมหน้า”
“ความจริงทั้งหมดก็เพื่อต้อนรับท่าน หลังจากได้ยินกิเลนไฟแจ้งว่าท่านได้อัญเชิญราชโองการมาจะให้ตำหนักสุริยันขายหน้าได้อย่างไร คนมีเท่าไหร่ก็ต้องออกมาต้อนรับให้สมเกียรติ”
“เกรงใจเกินไปแล้ว”
เทพหยีหนิงยิ้มหน้าบานรู้สึกว่าตนเองได้รับเกียรติอย่างเต็มที่ก็ยินดียิ่ง กิเลนไฟได้ยินเจ้านายของตนเองกล่าวเช่นนั้นก็ได้แต่นึกว่า หลายปีที่ท่องละลายน้ำแข็งบนโลกมนุษย์และแดนปีศาจเทพอัคคีได้นิสัยโกหกพกลมมาไม่น้อย