ในช่วงที่หลี่จิ้งไม่อยู่มีชาวบ้านมาร้องทุกข์ที่สำนักบอกว่าในหมู่บ้านในตำบลเฉิงชาที่เป็นเขตดูแลของสำนักซินเซวียนมีสาวพรหมจรรย์ถูกลักพาตัวไปหลายคน แม้แจ้งทางการแล้วยังไม่ได้เบาะแส เกรงว่าจะเป็นปีศาจที่ออกอาละวาดจับตัวหญิงสาวเหล่านั้นไป
ผู้อาวุโสในสำนักอยู่ในช่วงกักตนบำเพ็ญเพียร เมื่ออาจารย์ไม่อยู่จิ้งหูในฐานะศิษย์เอกจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักแทนอาจารย์
เขาจึงตั้งใจนำศิษย์กลุ่มหนึ่งลงเขาเพื่อช่วยชาวบ้านติดตามหญิงสาวกลับคืนมา เป่ยฟางหรงรู้เรื่องว่าพวกเขาจะไปตำบลเฉิงชาก็ร้องอ้อนวอนของให้ศิษย์พี่พาตนเองลงไปด้วย
“ศิษย์น้องอาจารย์สั่งห้ามเจ้าลงเขา ข้าไม่อาจขัดคำสั่งได้”
เป่ยฟางหรงกระทืบเท้าเหมือนเด็ก ๆ นางไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่ ข้าอยากไปช่วยท่านไม่เห็นจิตที่บริสุทธิ์ของข้าหรือ เหตุใดข้าจึงลงไปไม่ได้”
“ไม่ได้ คำสั่งอาจารย์ไม่อาจฝ่าฝืนเจ้าอยู่ที่นี่ยังมีถงถงคอยเป็นเพื่อน อย่าดื้ออีกเลย”
เป่ยฟางหรงยังดื้อรั้น ทำอย่างไรก็ต้องไปให้ได้
“ถงถงอยู่ที่ไหนกันเล่า วัน ๆ เขาเอาแต่หายตัวไป ให้ข้าลงไปช่วยเถิดนะ ถ้าท่านไม่ให้ข้าลงไปด้วยข้าก็จะเกาะท่านอยู่แบบนี้ไม่ปล่อยท่านไปไหนเช่นกัน”
กล่าวจบนางก็นั่งลงเกาะขาของจิ้งหูเป็นลิงทำอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย ท่ามกลางสายตาของศิษย์อีกยี่สิบคนที่จิ้งหูตั้งใจจะพาลงเขา ศิษย์เหล่านั้นต่างช่วยกันเกลี้ยงก่อนนางแต่นางก็ไม่ยอมฟังผู้ใดแม้แต่คนเดียว
“พวกเขาไปได้ เหตุใดข้าไปไม่ได้อาคมของพวกเขาเทียบกับข้าได้หรือ ท่านไม่ยุติธรรมเลย”
นางต่อว่าเขาทั้งน้ำตา กอดขาของเขาแน่น
“หรงหรงเจ้าอย่าพยายามเลย อย่างไรข้าก็พาเจ้าไปไม่ได้ เหตุใดศิษย์พี่จะไม่รู้ว่าเจ้าอยากไปเพราะเหตุใด ที่ตำบลเฉิงชาจุดหมายของเรามีร้านขนมชื่อดังอยู่ร้านหนึ่งที่เจ้าชอบใช่หรือไม่ ในใจเจ้าคงเพียงแต่จะไปกินขนมร้านนั้นหาได้คิดจะไปปราบปีศาจกับศิษย์พี่ที่ไหนกัน”
เมื่อถูกคนรู้ทันเป่ยฟางหรงร้องไห้กลบเกลื่อนหนักข้อขึ้น
“ข้าตั้งใจไปช่วยไล่ปีศาจท่านยังใส่ร้ายข้าอีก”
จิ้งหูถอนหายใจยาว ยกมือลูบศีรษะของนางอย่างปลอบโยน
“เดี๋ยวศิษย์พี่ซื้อขนมมาให้เจ้าดีหรือไม่ เอามาทุกอย่างที่เจ้าชอบเลย”
เป่ยฟางหรงเช็ดน้ำมูกที่กางเกงเขา ศิษย์คนอื่นเห็นต่างคิดว่าน่ารังเกียจ ในขณะที่จิ้งหูส่งผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดของเขาให้นางเป่ยฟางหรงปัดผ้าเช็ดหน้าของเขาออกแล้วเช็ดน้ำมูกของตัวเองที่ขากางเกงของจิ้งหูต่อ
ความจริงหน้าตาของเป่ยฟางหรงนั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง แต่มีผู้ใดกล้าชอบนางกันสาเหตุเป็นเพราะนางนิสัยอันธพาลและเอาแต่ใจของนางเช่นนี้ แถมยังไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรีอย่างสิ้นเชิง
“ไม่เอา ศิษย์พี่ข้าจะลงไปด้วย ศิษย์พี่ถึงท่านจะซื้อมาขนมก็เย็นชืดแล้ว ขนมที่อร่อยคือต้องออกจากเตาใหม่ ๆ มีกลิ่นหอม ๆ ข้าอยากกินแบบนั้น หาใช่ขนมที่เย็นชืด ข้าไม่อาจรับได้จริง ๆ”
และแล้วข้อแก้ตัวของนางทั้งหมดที่บอกจะไปช่วยงานนั้นก็ถูกหักล้างด้วยปากของนางเอง เป่ยฟางหรงอย่างไรก็คือเป่ยฟางหรงที่เป็นถังข้าวไร้เทียมทาน เห็นแก่กิน เจตนาบริสุทธิ์อะไรกันเรื่องนั้นสำหรับนางย่อมเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อที่สุด
ใช้ไม้อ่อนก็แล้วนางยังไม่ยอมปล่อยเขา จิ้งหูจึงเสียงแข็งกับนาง
“ไม่ได้”
“ได้”
เป่ยฟางหรงทั้งร้องไห้ทั้งกระทืบเท้า จิ้งหูหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางเป็นถึงศิษย์พี่ของใครหลายคนในสำนักแต่ไม่เคยสงวนกิริยา อยากจะทำสิ่งใดก็แสดงออกตามอำเภอใจ ดื้อรั้นจนเขาปวดหัววันละหลายรอบ
“หากเจ้าไม่เงียบ ข้าจะ ข้าจะ”
จิ้งหูพยายามหาวิธีลงโทษนาง แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก จิ้งหูเป็นบุรุษที่ใจดีมากผู้หนึ่งอีกทั้งมีความอดทนสูงกว่าผู้ใด แต่กิริยายากกำราบของนางเช่นนี้กลับทำให้ใบหน้าขาวราวหยกขาวของจิ้งหูเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
เขาเริ่มจะมีโทสะกับเด็กเหลือขอผู้นี้แล้ว
“เป่ยฟางหรง”
กระทั่งคนผู้หนึ่งโผล่มาขานชื่อนางอย่างตำหนิ เป่ยฟางหรงเห็นใบหน้าสตรีผู้นี้ชัดเจนก็ยิ่งร้องเสียงดัง สตรีผู้นั้นเข้าใกล้ร่างของเป่ยฟางหรง นางร่ายอาคมปิดปากคนที่ร้องเอะอะโวยวายทันใด