เสียงร้องไห้ของเป่ยฟางหรงพลันเงียบลงภายในพริบตา เชือกที่ข้อมือของนางเริ่มขยับ ยังกลายสภาพเป็นเชือกยาวมัดร่างของนางเอาไว้แน่นหนา
“ท่านอาจารย์อา”
จิ้งหูตกใจอยู่บ้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคำนับนางผู้นั้นพร้อมกับศิษย์คนอื่น ๆ
อาจารย์อาผู้นี้นามว่าหลิงเสียนเป็นศิษย์น้องของหลี่จิ้งและอีกฐานะคือน้องสาวบุญธรรมของอาจารย์นั่นเอง ด้วยบิดาของหลิงเสียนเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักซินเซวียนที่เลี้ยงดูหลี่จิ้งมาแต่ยังเยาว์แทนบิดามารดาของเขาที่ออกปลีกวิเวก คนทั้งสองจึงเติบโตมาด้วยกัน
นอกจากจะเลี้ยงดูพวกเขามาด้วยกันแล้ว ยังหวังให้พวกเขาเป็นคู่ฝึกวิชาและสืบทอดดูแลสำนักซินเซวียนด้วยกัน แต่หลี่จิ้งก็ไม่เคยแสดงออกว่ามีความใส่ใจหลิงเสียนเกินศิษย์น้องผู้หนึ่ง
ผ่านมาเนิ่นนานเพียงนี้ด้วยความเฉยชาของหลี่จิ้งจนหลายคนคิดมากไปถึงว่าหลี่จิ้งอาจไม่ชอบสตรี และมีบุรุษในดวงใจแล้ว บุรุษที่ว่านั่นก็หนีไม่พ้นจิ้งหูศิษย์เอกที่สนิทกับเขาที่สุดนั่นเอง
เมื่อเรื่องนินทาลงเอยมาที่จิ้งหูผู้ไม่เคยรู้เรื่องอันใด กลายเป็นว่าเรื่องของหลี่จิ้งและหลิงเสียนก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากอีก เพียงแต่เป็นการรู้กันว่าคนทั้งคู่คือคู่หมายมาแต่เยาว์วัยก็เท่านั้น
หลี่จิ้งมองเห็นหลิงเสียนเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่งเขาไม่ได้ให้ความสนิทสนมจนเกินงามแต่ก็นับว่าดีกว่าสตรีอื่นอยู่มาก กระนั้นหลิงเสียนก็ยังเฝ้ารอหลี่จิ้งโดยไม่เคยชายตามองบุรุษอื่น
ระยะหลังหลิงเสียนไม่ได้อยู่สำนักเพราะนำศิษย์บางส่วนออกล่าปีศาจเพื่อบำเพ็ญเพียร ความหวังสูงสุดของนางคือบำเพ็ญตบะจนกลายเป็นเทพเพื่อครองคู่กับหลี่จิ้งตราบนิรันดร์
ในเมื่อศิษย์พี่เอาแต่พูดว่าจะบำเพ็ญตบะไม่สนใจสตรีนางก็ยินดีจะทำตามเขา
ก่อนที่นางจะขึ้นเขานางได้พบศิษย์พี่ที่ตำบลแห่งหนึ่ง ท่าทางของศิษย์พี่กำลังวุ่นวายกับเรื่องบางเรื่อง และเขาเหมือนรู้ว่าเป่ยฟางหรงจะก่อเรื่องจึงสอนคาถานางมาท่อนหนึ่งเพื่อบังคับเชือกอัคคีเอาไว้กำราบเป่ยฟางหรง
หลิงเสียนย่อมยินดี การกำราบเด็กดื้อรั้นผู้นั้นคงเป็นสิ่งที่นางยินดีทำที่สุดในโลกนี้แล้ว และเป็นจริงตามที่ศิษย์พี่คำนวณเป่ยฟางหรงกำลังก่อเรื่องจริง ๆ
เป่ยฟางหรงทั้งถูกมัดทั้งไม่อาจพูดได้ จึงเอาแต่ร้องไห้น้ำตาร่วงเป็นสายฝน มองถงจิ้งด้วยสายตาประดุจสุนัขจนตรอกที่น่าสงสาร
จิ้งหูเห็นสภาพอเนจอนาถของศิษย์น้องเช่นนั้นก็สงสารเป็นอย่างยิ่ง เขาอ้าปากจะขอร้องแทนเป่ยฟางหรงแต่ชาวบ้านที่มารอพวกเขาก็เข้ามาเร่งเสียก่อน