ไม่รู้ด้วยเหตุอันใดจิตของนางจึงเข้มแข็งขึ้น กลิ่นอาหารที่เสี่ยวซิงและเสี่ยวซูนำมาให้โชยเข้าจมูก เป่ยฟางหรงรู้สึกดีขึ้นและหิวมากหิวจนมีพลังมหาศาลทำให้นางอยากตื่นมากินอาหารนั้นให้ได้
ถูกปลุกและเขย่าจนร่างแทบหัก ในที่สุดเป่ยฟางหรงก็ลืมตา นางยังสะลึมสะลืออยู่เชือกอาคมคลายออกแล้วคาถาปิดปากก็คลายแล้ว แต่เหตุใดนางจึงยังพูดไม่ออก
เป่ยฟางหรงหนาวจนสั่นสองคืนที่ไม่มีไออุ่นของอาจารย์นางแทบขาดใจตาย เพราะความหนาวที่เกาะกิน หางนางมีพลังปราณน้อยกว่านี้คาดว่าคงได้จบชีวิตลงตั้งแต่คืนแรกแล้ว
“ทำอย่างไรดี นางเหมือนจะจับไข้” เสี่ยวซิงลนลาน
“ไปตามท่านหมอ เร็ว” เสี่ยวซูพยักหน้ากระทั่งนางกำลังจะวิ่งไปตามท่านหมอ สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งพลันโผล่มา
เสี่ยวซิงและเสี่ยวซูคิดว่าเป็นปีศาจนางตกใจแทบสิ้นสติ ไม่คิดว่าปีศาจจะเข้ามาในนี้ได้ ทั้งสองจึงร่ายอาคมและพุ่งเข้าไปห้ำหั่นทันที
ถงถงอย่างไรก็เป็นสัตว์เทพ ตบะเพียงน้อยนิดของมนุษย์ไม่อาจระคายผิวของเขา ถงถงจึงกลายร่างเป็นคนปัดมือครั้งเดียวสตรีทั้งสองก็ร่วงลงสู่พื้น แต่เพราะเป็นสัตว์เทพแต่ไม่ใช่เทพเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อาคมในแดนมนุษย์ทำร้ายคนบริสุทธิ์ ถงถงจึงถูกอาคมย้อนกลับเล่นงานตนเองทันใด
ถงถงกระอักเลือดออกมา คราวนี้เป่ยฟางหรงมีเสียงแล้วนางเรียกถงถงเสียงเบา
“ถงถง อาจารย์”
ถึงจะได้รับบาดเจ็บเพราะตัวเองแต่เมื่อหันไปเห็นสภาพของเป่ยฟางหรง ถงถงเข้าใจในทันที
“ฝ่าบาทน้อยท่านแย่แล้ว”
“อาจารย์ อาจารย์”
เสียงของเป่ยฟางหรงอ่อนแรงยิ่ง นางพูดได้เพียงสองคำพลันหมดแรง แต่อย่างไรเสียนางก็ไม่ยอมให้ตนเองหลับอีกเป็นอันขาด นางกลัวว่าตัวเองจะถูกกักขังและปล่อยให้คนที่อยู่ในร่างของนางตื่นขึ้นมาแทนนาง
ถงถงพุ่งร่างมาหานางพยายามใช้ไฟอัคคีที่อยู่รอบตัวของตนเองช่วยนางจนสุดความสามารถ แต่ไฟอัคคีของเขาหาได้มีกระแสอบอุ่นเช่นของหลี่จิ้ง จึงมีแต่ความร้อนแทบจะเผาไหม้ร่างของเป่ยฟางหรงเท่านั้น
นางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด กระทั่งถงถงได้กลิ่นไหม้เขาจึงมองซ้ายขวาเห็นว่าเป็นเส้นผมของเป่ยฟางหรงที่เริ่มไหม้แล้วจึงได้กระโดดออกมา
สตรีทั้งสองยิ่งคิดว่าถงถงกำลังจะเผาร่างของเป่ยฟางหรง แม้จะอาการสาหัสแต่ก็พยายามตะเกียกตะกายมาสู้กับถงถง
“พวกเจ้าอย่าเข้ามา ข้าเป็นเพื่อนของฝ่าบาทน้อย เป็นคนของท่านเทพอัคคี”
ยิ่งเขาอธิบายยิ่งแย่ลง ผู้ใดคือฝ่าบาทน้อยผู้ใดคือเทพอัคคีทุกสิ่งล้วนแอบอ้าง สตรีสองนางใช้พลังที่เหลือเรียกเซียนพี่น้องเข้ามาช่วยสังหารถงถง
ในที่นี้นอกจากเป่ยฟางหรงแล้ว ย่อมไม่มีผู้ใดรู้จักเขาสักคน ถงถงไม่อาจทำร้ายเซียนมนุษย์ ผู้บริสุทธิ์ได้ไม่เช่นนั้นจะถูกพลังย้อนกลับอีก เขาคิดจะหายตัวไปแต่ก็เป็นห่วงฝ่าบาทน้อย หากนางปล่อยมารในตัวออกมาการบำเพ็ญตบะฝ่าด่านเคราะห์ย่อมไม่สำเร็จเป็นแน่
สุดท้ายแล้วสิ่งที่ถงถงทำได้คือ ใช้พลังส่งสารไปหาเทพอัคคีและถ่วงเวลา
ก่อนที่เหล่าเซียนจะมาถึงถงถงก็หายตัวไปเผาตำหนักสองตำหนักบนเขาซินเซวียนเพื่อถ่วงเวลาไว้
ถงถงรู้สึกว่าตนเองช่างฉลาดเสียจริง เมื่อเขาเผาตำหนักในหุบเขานี้ผู้คนย่อมไม่สนใจสตรีทั้งสองต่างช่วยกันตรงไปดับไฟ ถงถงปิดประตู สกัดจุดพวกนางเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว เขาพลาดเองที่ตอนนั้นที่เผลอใช้อาคมกับพวกนางไป