เป่ยฟางหรงผ่านหนึ่งเดือนที่ถูกกักตนอย่างทรมานมาอย่างยากลำบาก ถึงแม้ว่าตอนกลางคืนนางจะสามารถดอดออกมานอนกกกอดอาจารย์ได้เช่นทุกวันก็ตาม เพียงตื่นมาตอนรุ่งสางก็พบว่าตนเองกลับมาอยู่ที่เรือนดังเดิมแล้วและหลังจากนั้นก็ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไป
เหมือนว่าข่ายอาคมของอาจารย์จะรู้เวลาเป็นอย่างดีหากไม่ถึงยามห้าย*ข่ายอาคมนั้นย่อมไม่เปิดออกเป็นอันขาดและมันสามารถปิดเองได้อย่างน่าอัศจรรย์ พลังของอาจารย์ช่างล้ำเลิศสมแล้วที่เป็นถึงขั้นปรมาจารย์
ตลอดทั้งเดือนในช่วงกลางดึกเป่ยฟางหรงใช้แรงไปไม่น้อยในการออดอ้อนอาจารย์ให้ย่นระยะเวลาลงโทษนางให้เร็วขึ้น อาจารย์เพียงแต่นอนหันหลังนิ่ง ๆ ไม่กระทั่งจะสนทนากับนางสักคำ
เป่ยฟางหรงจึงเสียน้ำตาไปเป็นถังโดยเปล่าประโยชน์ น้ำตาของนางกว่าจะเค้นออกมาได้ไม่รู้หรือว่าลำบากเพียงใด อาจารย์กลับไม่เห็นคุณค่าเลยแม้แต่น้อย นางเจ็บปวดหัวใจนัก
กระทั่งนางปีนขึ้นไปนอนบนตัวเขา อาจารย์กลับมองนางด้วยสายตาแสนเย็นชาแล้วไล่นางลงไป
“อาจารย์เตียงไม้ไผ่นี้แข็งเกินไปข้านอนไม่สบายเลยท่านยังจะไล่ข้าลงไปอีกหรือ”
นางออเซาะ พยายามบีบน้ำตาจนเจ็บเบ้าตาไปหมดแล้ว แต่การแสดงของนางคงยังไม่เข้าขั้น นางคิดเรื่องเศร้าไม่ออก พ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ผูกพันก็ไม่เคยตายสักคน
ภายในเวลาอันสั้นที่ต้องแสดงต่อหน้าอาจารย์น้ำตาที่บีบเค้นออกมาอย่างไร้อารมณ์จึงแห้งเหือดหายไป
โชคดีที่ในเรือนรับรองนี้ค่อนข้างมืดอาจารย์จึงจับไม่ได้ หรืออาจจะสงสารนางก็เลยปล่อยให้นางนอนบนตัวเขาจนถึงรุ่งเช้า
ในขณะที่หลี่จิ้งความจริงแล้วรำคาญเสียงนางพร่ำบ่นและกลัวว่าศิษย์คนอื่นจะได้ยินเข้า ที่นี่เป็นเรือนรับรองที่เขาใช้นอนชั่วคราวในขณะที่ซ่อมแซมเรือนของเขาอยู่ ไม่ได้ห่างหูห่างตาบรรดาศิษย์จึงทำให้เขาค่อนข้างระมัดระวัง
อาคมพรางตาของเป่ยฟางหรงนับว่าเก่งกล้านางจึงเข้ามาหาเขาได้โดยไม่มีผู้ใดเห็น แต่ความจะมาแตกก็เพราะนางเอาแต่พร่ำบ่นนี่แหละ เมื่อเอาผิดกับนางไม่ได้ผู้ที่รับเคราะห์จึงกลายเป็นถงถงที่บังอาจเผาเรือนของเขาเล่นผู้นั้น
กระทั่งรุ่งสางหลี่จิ้งต้องตื่นนอนตั้งแต่ยามอิ๋น*เพื่อที่จะอุ้มร่างที่หลับน้ำลายยืดเปียกปอนอาภรณ์ของเขากลับไปยังเรือนของนาง ช่างเป็นภาระที่สวรรค์กลั่นแกล้งเสียจริง
หากเขาไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้เขาคงคิดว่าเง็กเซียนฮ่องเต้คงเหม็นหน้าเขาหรือไม่บรรพบุรุษของเขาอาจเคยด่าพ่อล้อแม่องค์เง็กเซียนมาก่อนจึงได้มอบภารกิจที่ยุ่งยากนี้เพื่อล้างแค้นเป็นแน่
และแล้วเมื่อเป่ยฟางหรงได้อิสรภาพกลับคืนมา นางกระโดดโลดเต้นเหมือนละมั่งน้อยไปทั่วหุบเขา สถานที่แรกที่นางไปด้วยความคิดถึงคนผู้หนึ่งสุดหัวใจก็คือโรงครัว
“อาหนงวันนี้อาจารย์ต้องการกินปีกไก่เหล้าแดง กระเพาะปลา ขาหมูตุ๋นยาจีน ปีกไก่แช่เหล้า เต้าหู้ยัดอะไรสักอย่างที่เจ้าทำให้ข้า อ้อเต้าหู้ยัดไส้ปลาหนึ่ง และยังมี กุ้งน้ำแดง ส่วนขนมหวานก็เอาง่าย ๆ เผือกสวรรค์ ซาลาเปาไส้หวาน และเพิ่มผลไม้อีกนิดหน่อย”